บทที่ 714 มีพ่อเลี้ยงเช่นนี้คือโชคดีที่สวรรค์สรรสร้าง
อันหลิงหยุนปวดใจแทบตายแล้ว นางไม่ยอมคุยกับกงชิงวี่มาหนึ่งวันเต็มๆ ออกไปข้างนอกก็อุ้มเจ้าห้าออกไปด้วย นางรู้สึกว่าในบ้านไม่ค่อยเหมาะกับเจ้าห้า หากนางไม่อยู่ก็รู้สึกเป็นห่วง
เมื่อให้คนเตรียมนมวัวกับของกินอีกนิดหน่อยเสร็จ อันหลิงหยุนก็พาเจ้าห้าออกไปที่ทุ่งนา
วันนี้จำนวนคนก็เพิ่มขึ้นอีกแล้ว ทุกคนต่างก็กระตือรือร้น เดิมทีพื้นที่ที่เคยเป็นทุ่งหญ้ารกร้าง ก็ค่อย ๆ เผยให้เห็นหน้าตาของมันออกมาบ้างแล้ว
อันหลิงหยุนอุ้มเจ้าห้านั่งลง ปล่อยให้เขาได้ดูภาพตรงหน้า
เจ้าห้าไม่ชอบอะไรเหล่านี้ จึงหลับตาแน่น ตั้งแต่ต้นจนจบเขาเอาแต่หลับตาไว้ตลอดเวลา
"พระชายา ได้เวลากินข้าวแล้ว กินด้วยกันไหมเจ้าคะ?" คนใหม่ที่หยุนจิ่นจัดมาให้อันหลิงหยุน มีชื่อว่าอาซิ่ว เป็นผู้หญิงที่ดูแล้วอายุน่าจะราวๆสิบเจ็ด สิบแปดเห็นจะได้ แต่งตัวเหมือนเด็กผู้ชาย ทั้งการทำงาน การพูดจาล้วนเรียบร้อยชัดเจนดี ทั้งยังฉลาด สายตาว่องไวแพรวพราว
อันหลิงหยุนหันมองอาซิ่วครู่หนึ่ง จึงลุกขึ้นแล้วเดินตามไปด้านหน้า ผู้คนล้วนมารวมตัวกันกินข้าวอย่างคึกคัก ทันทีที่อันหลิงหยุนไปถึงที่นั่น ก็ดึงดูดเสียงทักทายมากมายจนอื้ออึงไปหมด
อันหลิงหยุนนั่งลง กินข้าวกับทุกคน อาหารที่พวกนางกินนับว่าไม่เลวทีเดียว ตอนเที่ยงมีทั้งน้ำแกงมีทั้งผัก รวมทั้งหมั่นโถวไปจนถึงเนื้อสัตว์ด้วย
อันหลิงหยุนป้อนน้ำแกงผักให้เจ้าห้ากิน แต่เขาไม่ชอบ จึงเม้มปากแน่น
อันหลิงหยุนรู้ว่าเขาไม่กินเนื้อ จึงป้อนหมั่นโถวให้ แต่เขาก็ไม่กินอีกเช่นกัน
อาซิ่วเอ่ยถามขึ้นว่า: "ทำไมเขาถึงไม่กินอะไรเลยเจ้าคะ?"
"เขาชอบกินโจ๊กข้าวแบบคนเดียวเงียบ ๆ ไม่ต้องสนใจเขาหรอก พวกเรากินเถอะ"
ออกไปข้างนอกทั้งวัน เจ้าห้าก็ไม่สนใจใครเลยทั้งวัน เอาแต่นอนหลับตลอดเวลา
เมื่ออันหลิงหยุนกลับไปในตอนค่ำ กงชิงวี่ก็มายืนรออยู่หน้าประตูแล้ว อันหลิงหยุนแค่ได้เห็นหน้ากงชิงวี่ก็พลันรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที กงชิงวี่ยืนเอามือไพล่หลัง สีหน้าเคร่งเครียด
"เกิดอะไรขึ้นเพคะ?"
เมื่อเห็นว่ามีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา อันหลิงหยุนจึงถามออกไปอย่างโกรธๆ
“ ฝ่าบาททรงมีรับสั่ง ให้ข้ารับพระชายาเพิ่มแล้ว”
"โอ้!" อันหลิงหยุนรู้สึกร้อนรนว้าวุ่น ที่ควรมา ก็มีอันต้องมาจนได้ แต่แค่ไม่รู้ว่าเป็นใครเท่านั้นเอง!
"เป็นฮั่วฉิง " กงชิงวี่พูดพลางอุ้มลูกชายไป อันหลิงหยุนแหงนหน้าขึ้น เป็นฮั่วฉิงหรอกหรือ?
"ฮั่วฉิงตอบรับแล้วหรือเพคะ?" นึกถึงฮั่วฉิงทีไร อันหลิงหยุนก็รู้สึกจนใจทำอะไรไม่ถูก
กงชิงวี่อุ้มลูกชายกลับไป: "ถ้านางไม่ตอบรับ ก็คงจะพูดกันได้ง่ายอยู่หรอก แต่เพราะนางตอบรับไปแล้วไม่ใช่หรอกหรือ?"
อันหลิงหยุนหัวเราะไม่ออกแล้วตอนนี้ ฮั่วฉิงเคยบอกว่านางจะเข้าจวนอ๋องเสียน มายามนี้นางจงใจหรือไม่ ก็ยังบอกได้ไม่ชัดเจนนัก
"วันนี้ข้าเหนื่อยแล้ว ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาดูแล้วกัน"
อันหลิงหยุนกลับไปที่ลานโอวหลาน กงชิงวี่นั่งลงด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม: "ประตูวังปิดแล้ว ข้าเข้าไปไม่ได้"
"กล่าวโดยรวมคือ ฝ่าบาทได้ตัดสินพระทัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปแล้ว?" อันหลิงหยุนนึกขันสิ้นดี ฮ่องเต้ชิงหยู่ไม่ได้คิดจะปล่อยพวกเขาไปง่ายๆอยู่แล้ว
"พรุ่งนี้ เป็นไปได้มากที่ฝ่าบาทจะมีรับสั่งให้หยุนหยุนเข้าวัง เรื่องนี้เกินครึ่งน่าจะเป็นเพราะเซียวกุ้ยเฟยเป็นคนเสนอให้หยุนหยุน ตราบใดที่หยุนหยุนไม่พยักหน้าตอบรับ ฝ่าบาทก็คงจะไม่กล้าฝืนบังคับส่งคนมาให้ข้าเป็นแน่"
อันหลิงหยุนพยักหน้า: "ข้าเข้าใจแล้ว ท่านอ๋องก็เป็นกังวลมาทั้งวันแล้ว ไปพักผ่อนเถอะเพคะ"
"หยุนหยุน วันนี้เจ้าห้ายังจะมาค้างด้วยหรือไม่?" เมื่อคืนไม่ได้หลับเลยทั้งคืน พอเช้ามาก็มาโดนดุเข้าไปอีกยก ในใจกงชิงวี่รู้สึกว่าแม้จะผ่านเรื่องเหล่านี้มา ก็ยังมีพลังงานเหลือเฟือ
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของอันหลิงหยุนก็คล้ำทะมึนจมดิ่ง: "นี่หากว่าท่านอ๋องไม่พูดขึ้นมาล่ะก็ ข้าก็เกือบจะลืมไปแล้วเชียว วันนี้ท่านอ๋องไปนอนที่อื่นนะเพคะ"
กงชิงวี่สีหน้าดำคล้ำทะมึนหนัก: "วันนี้ข้าได้รับราชโองการให้เข้าวัง ผลสุดท้ายเข้าไม่ได้ยังไม่พอ มาตอนนี้หยุนหยุนยังมาพูดแบบนี้อีก ตลอดวันนี้ทั้งวันข้าต้องโดนโกรธอยู่คนเดียวเลย"
“ท่านยังกล้าพูดถึงเหตุผลอีก หากไม่ใช่เพราะท่าน เจ้าห้าจะอ่อนแอขนาดนี้ได้อย่างไร?” ที่จริงแล้ว อันหลิงหยุนไม่ได้โกรธกงชิงวี่หรอก นางโกรธตัวเองที่หลับเป็นตายไปก่อนต่างหาก
หากไม่ใช่เพราะนางหลับเป็นตายขนาดนั้น ไม่ว่าเจ้าห้าทำอะไร นางก็จะรับรู้ได้ทั้งหมด
กงชิงวี่อุ้มเจ้าห้าไปเอนตัวลงนอน จะให้ออกไปเขาไม่ออกเด็ดขาด อุ้มลูกชายไว้ในอ้อมกอดแน่น จะไล่ให้ออกไปก็ไล่ไม่ได้แล้ว
ผู้หญิงคนนี้ไม่มีจิตเมตตาอารีเอาเสียเลย แต่นางใส่ใจห่วงใยลูกชายเป็นที่สุด
หลิงหยุนถึงกับหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออกขึ้นมาทันที เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จจึงขึ้นเตียงเข้านอนพักผ่อนด้วย
กงชิงวี่พลิกตัว อุ้มลูกชายออกไปอาบน้ำ เมื่อกลับมาจึงป้อนโจ๊กข้าวให้ลูกชายกินอีกนิดหน่อย
หลังจากให้กินจนอิ่ม กงชิงวี่ก็พูดขึ้นมาว่า "ถ้าเจ้าห้าโตขึ้น เกิดอยากไปบวชเป็นพระ พวกเราจะทำอย่างไรกันดี?" อันหลิงหยุนกลอกตามองบนใส่อย่างเคืองๆ : "ต่อให้ท่านอ๋องไปบวชเป็นพระ เจ้าห้าก็ไม่มีทางไปบวชเป็นพระเด็ดขาด"
เฟิงอู๋ฉิงพูดขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า: "อีกไม่กี่วันอาจารย์ก็จะไปจากที่นี่แล้ว คงต้องรออีกหลายปีกว่าจะกลับมา"
เสี่ยวเฉียวรู้สึกแปลกใจ สีหน้างุนงงเกลื่อนเต็มใบหน้า : "อาจารย์ ทำไมท่านถึงต้องไปด้วยล่ะเจ้าคะ?"
ดวงตาของเสี่ยวเฉียวเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา ดูราวกับว่านางเศร้าโศกเสียใจมาก
เฟิงอู๋ฉิงรู้สึกหดหู่ในใจ: "เจ้าจะร้องไห้ทำไมกัน?"
“ ก็อาจารย์จะไปนี่เจ้าคะ” เสี่ยวเฉียวร้องไห้โฮดังสนั่น เฟิงอู๋ฉิงต้องปลอบอยู่นาน เสี่ยวเฉียวถึงได้ยอมหยุดร้องไห้ ทั้งยังบอกอีกด้วยว่าที่เขาต้องไป มันเป็นเหตุผลของผู้ใหญ่
เสี่ยวเฉียวดูราวกับได้รับบาดเจ็บหนัก สูดลมหายใจถี่ๆก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า "อาจารย์ ข้าจะไปหาอามู่ ไปบอกเขาว่าอาจารย์กำลังจะไปแล้ว เขาจะต้องเสียใจมากแน่ๆเลย พวกเราต้องเตรียมอะไรไว้หลายๆอย่างถึงจะดี"
เสี่ยวเฉียวร้องไห้ขณะเดินจากไป เฟิงอู๋ฉิงพลอยสัมผัสได้ถึงอารมณ์อันลึกซึ้งมาสะกิดในใจ
หลังจากเสี่ยวเฉียวออกมา ก็ตรงไปที่ลานโอวหลาน เมื่อเข้ามาถึงในลาน ก็ถูกกงชิงวี่ได้ยินเข้า ในเวลานี้กงชิงวี่ยังไม่ได้พักผ่อนไป เพียงแค่นั่งลงเฉยๆ
“นั่นใครอยู่ข้างนอก?”
กงชิงวี่ส่งเสียงถามออกไป เสี่ยวเฉียวรีบตอบกลับไปว่า "พ่อ นี่ข้าเองเจ้าค่ะ"
กงชิงวี่รีบลุกขึ้นมาสวมเสื้อผ้าทันที เขายังดูมีท่าทางของคนที่เป็นพ่อขึ้นมาแล้ว ลูกสาวกับลูกชาย ย่อมต้องเป็นสองสิ่งที่รับมือไม่เหมือนกัน
แม้ว่าเสี่ยวเฉียวจะไม่ใช่ลูกแท้ๆของเขา แต่ในสายตากงชิงวี่แล้ว เมื่อเรียกเขาว่าพ่อ นั่นก็คือลูกแท้ๆของเขาไม่ผิดแน่
หลังจากเปิดประตู กงชิงวี่ก็มองออกไปที่หน้าประตู
ดึกดื่นค่อนคืนยังมาที่นี่ แสดงว่าเสี่ยวเฉียวต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ
"เสี่ยวเฉียว มีใครกลั่นแกล้งเจ้าอย่างนั้นหรือ? เดี๋ยวพ่อจะไปหามันเอง" แววตาของกงชิงวี่เย็นเยีบยมืดทะมึน เสี่ยวเฉียวจ้องเป๋งไปที่กงชิงวี่ ดวงตากลมโตมีน้ำคลอใสแวววาว เริ่มจะบวมออกสีแดงเรื่อบ้างแล้ว
กงชิงวี่เห็นเข้า ก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจหนักกว่าเดิม
“รีบเข้ามาเถอะ”
กงชิงวี่ก้มตัวลงอุ้มเสี่ยวเฉียวกลับไป ปิดประตูด้วยอารมณ์พร้อมจะฆ่าคนเต็มที่ เตรียมจะออกไปตามหาตัวการเพื่อแก้แค้นให้ลูกแล้ว
อันหลิงหยุนลุกขึ้นมานั่ง เมื่อได้เห็นท่าทางของกงชิงวี่เข้าไป กลับรู้สึกว่ามันน่าขำอยู่ไม่น้อย เสี่ยวเฉียวมีพ่อเลี้ยงที่เป็นเช่นนี้ ก็นับได้ว่าเป็นความโชคดี ที่สวรรค์สรรสร้างมาให้โดยแท้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน
เรื่องนี้สนุกมาก ดีมากจริงๆ ขอบคุณผู้แต่ง ขอบคุณผู้แปล ขอบคุณสปอนเซอร์ ขอบคุณ Admin ที่ลงให้อ่านจนจบ ถ้าเป็นไปได้อยากอ่านเรื่องเจ้าห้าต่อ...
หยุนหยุนคือแบบ เห้อออออ...
เต้คือหงเมียหนักมาก ผิดขนาดไหนก็เข้าข้าง...
ฮองเฮาก็ไม่ได้ท้องจริงๆซะหน่อย คนที่ท้องจริงๆก็มีแค่เซียวผินผู้น่างสารเท่านั้น...
ฮองเฮาเลวทรามเพียงใดทุกคนรู้หมด เต้ก็รู้ดีในใจ แต่ก็บังคับให้ทุกคนต้องตายเพื่อเมียรักตัวเอง ช่างเป็นผัวเมียที่เลวทรามสมกันจริงๆ สงสารหยุนหยุน ทำไมต้องชีวิตมาพัวพันกับคนชั่วพวกนี้ด้วยนะ...
ทุกคนรู้มดว่าฮองเฮาพยายามฆ่าหลิงหยุนาตลอด แต่ทุกคนก็ต้องการให้หลิงหยุนช่วยฮองเฮาและบ้านฮองเฮา ฮ่องเต้ก็นิสัยแย่นะ รักเมียหลงเมียจนปิดหูปิดตาทุกทาง ใจขณะดียวกันก็บังคับห้หิงหยุนสละชีวิตเพื่อตัวเองกับเมียัตวเอง บ้าบอ...
อักลิงหยุนคือใช้เงินมือเติบมากอยู่นะ ขึ้นเงินเดือนให้คนั้งจนตั้งเยอะในคราวเดียว อีกทั้งสร้างหนี้สินพันรอบตัวอีก อย่างไรก็ตามรักษาใครก็ไม่เคยได้เงิน คนในราชวงศ์ขี้เหนียวมาก...
กระยาหารังคืออะไรคะ...