บทที่ 717 หลอกคนให้อยู่ต่อ
ในเวลานี้ สวีกงกงกำลังช่วยดูแลเด็กๆอยู่ เมื่อมีคนเดินเข้ามาแล้วไม่ปิดประตู จึงรู้สึกงงงันขึ้นมา: "ใครล่ะนั่น ช่างไม่รู้ความเสียจริง เปิดประตูแล้วก็ไม่ปิด ประเดี๋ยวลมพัดเข้ามา....."
"พ่อบุญธรรม!" เสี่ยวสวีจื่ออยู่นอกห้องพลันส่งเสียงเรียกออกมาเสียงหนึ่ง ก็ทิ้งตัวคุกเข่าลงทันที อันหลิงหยุนที่ยืนอยู่หน้าประตู ถูกทำให้สะดุ้งตกใจไปเฮือกหนึ่ง
เมื่อเห็นคนที่เข้ามา สวีกงกงถึงกับตกตะลึงไปชั่วครู่
“เสี่ยวสวีจื่อ?”
"พ่อบุญธรรม ลูกมาช้ายิ่งนัก ลูกขอโขกหัวคำนับท่านแล้ว"
แม่ทัพอันนั่งอยู่ข้างใน ข้างหน้าเป็นกลุ่มเด็กๆทั้งหลาย ในเวลานี้เด็ก ๆ ต่างพากันจ้องมองไปที่คนที่อยู่ตรงหน้าประตู อันหลิงหยุนเดินเข้าไปในห้อง แล้ววางเจ้าห้าลงในอ้อมแขนของแม่ทัพอัน แม่ทัพอันหันไปมองอันหลิงหยุนแวบหนึ่ง อุ้มเจ้าห้าไว้พลางตบกล่อมเบาๆ เจ้าห้านอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของแม่ทัพอันอย่างซื่อตรงสงบเสงี่ยม
อันหลิงหยุนไปเยี่ยมดูสวีกงกง สวีกงกงรีบเดินไปหาเสี่ยวสวีจื่อ ยกมือขึ้นได้ก็ตีใส่ไม่ยั้ง: "เจ้าตัวไร้ประโยชน์ ทำไมเจ้ามันถึงใช้ไม่ได้ขนาดนี้ ทำงานรับใช้เบื้องพระพักตร์ฝ่าบาทแท้ๆ เจ้ายังกล้าวิ่งเพ่นพ่านไปทั่ว นี่เจ้าไม่อยากมีชีวิตแล้วใช่หรือไม่ อยากโดนกุดหัวอย่างนั้นหรือ? "
เสี่ยวสวีจื่อกอดต้นขาของสวีกงกงร้องไห้จ้า ทำเอาเจ้าเสือน้อยกับจิ้งจอกหางสั้น ต้องยกอุ้งเท้าขึ้นมาอุดหูตัวเองแน่น
อันหลิงหยุนนึกเรื่องที่เฟิงอู๋ฉิงกำลังจะไปขึ้นมาได้ อีกทั้งไม่เจอเสี่ยวเฉียวกับอามู่ในห้องนี้ด้วย อันหลิงหยุนจึงพูดกับแม่ทัพอันว่า: "เจ้าห้าไม่ค่อยสบาย ไม่รู้ว่าเป็นอะไรไป ข้าคิดว่าน่าจะต้องให้กินยาเสียหน่อยเจ้าค่ะ”
แม่ทัพอันมองไม่ออกว่าเจ้าห้าป่วยแล้ว เขานั่งชมดูเรื่องของคนอื่นอยู่เป็นนานสองนาน ตอนนี้ก็ยังคงนั่งชมดูต่อไป
เด็กคนอื่นต่างมารวมตัวกันอยู่รอบ ๆ แม่ทัพอัน พวกเขาไม่ได้ถูกอุ้มอย่างนั้นบ้าง แค่ได้ขยับเข้าไปใกล้ๆก็ยังดี
อันหลิงหยุนปล่อยให้สวีกงกงกับเสี่ยวสวีจื่อร้องไห้กันต่อไป ส่วนนางก็ไปหาเฟิงอู๋ฉิงก่อน
เมื่อเดินไปจนถึงหน้าห้องพักของเฟิงอู๋ฉิง ก็เห็นอู๋ซานกำลังยืนก้มหน้านิ่งงัน ในมือถือดาบไว้เล่มหนึ่ง ท่าทางเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมพร้อมใจ
เมื่อเห็นอันหลิงหยุน อู๋ซานก็ก้าวไปยืนข้าง ๆ อันหลิงหยุนเดินไปถึงหน้าประตู ก็เคาะประตูเรียกคน:
"ท่านเจ้าสำนัก นี่ข้าอันหลิงหยุนเองเจ้าค่ะ"
เฟิงอู๋ฉิงกำลังมองไปยังศิษย์ทั้งสองที่กำลังโศกเศร้าเป็นทุกข์อยู่ ได้ยินว่าอันหลิงหยุนมาแล้ว ความรู้สึกไม่สบายใจก็พลันเหือดหายไปทันที
"เข้ามาเถอะ พวกเจ้าออกไปก่อน"
เฟิงอู๋ฉิงไม่อยากเห็นอามู่กับเสี่ยวเฉียวร้องไห้ที่สุดแล้ว
อามู่กับเสี่ยวเฉียวลุกขึ้น เช็ดน้ำตาแล้วเดินออกไปพร้อมกัน
อันหลิงหยุนเดินเข้าไปพบเฟิงอู๋ฉิง: "ท่านเจ้าสำนักจะจากไปแล้ว?"
ประตูเปิดอยู่ เฟิงอู๋ฉิงเรียกให้อู๋ซานปิดประตู เมื่ออู๋ซานปิดประตูเรียบร้อยแล้ว เฟิงอู๋ฉิงจึงเอ่ยขึ้นว่า "เจ้านั่งลงเถอะ"
อันหลิงหยุนเดินไปนั่งลง แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทางเกรงใจเท่าไรนัก
เฟิงอู๋ฉิงหวนนึกถึงฉากการพบกันเมื่อครั้งแรก ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจคิดไม่อาจฝันได้ว่า อู๋ฮัวจะเป็นอันหลิงหยุนไปเสียได้
คนที่ต้องฆ่าดันฆ่าไม่สำเร็จ เฟิงอู๋ฉิงรู้สึกจนใจอย่างถึงที่สุดแล้วจริงๆ
"เจ้ากับข้าเป็นนายบ่าวกันมาชั่วเวลาหนึ่ง ข้ากำลังจะไปแล้ว เจ้ามีอะไรที่อยากจะพูดหรือไม่?”
อันหลิงหยุนประหลาดใจ: "ข้าเป็นนายอย่างนั้นหรือ?"
เฟิงอู๋ฉิงโกรธจนจมูกแทบจะพ่นควันออกมาได้อยู่แล้ว : "เจ้าคืออู๋ฮัว หรือก็คือชื่ออู๋ฮัวนี้เป็นชื่อที่ข้าตั้งให้เจ้า เจ้าว่าใครควรเป็นนายกันล่ะ?"
"ที่จริงก็ไม่มีคนรับใช้ที่ตั้งชื่อให้เจ้านายหรอก แต่เพราะท่านเจ้าสำนักเป็นคนใหญ่คนโต ข้าถึงได้อนุญาตให้เป็นกรณีพิเศษอย่างไรล่ะ" อันหลิงหยุนเอ่ยตอบอย่างสงบนิ่ง
เฟิงอู๋ฉิงโกรธจัดจนใบหน้าเย็นชาแทบจะกลายเป็นน้ำแข็ง: "อู๋ฮัว.... "
"ท่านเจ้าสำนัก ที่ข้ามาวันนี้ไม่ได้ตั้งใจจะมาหาเรื่องทะเลาะ พวกเรามาคุยกันถึงเรื่องที่ท่านกำลังจะไปดีกว่า" อันหลิงหยุนมีท่าทางคล้ายว่ายินดีเป็นที่ยิ่ง หยิบตั๋วเงินปึกหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ แล้ววางลงตรงหน้าเฟิงอู๋ฉิงทันที
"พวกนี้เป็นค่ารถม้าที่ข้าให้เจ้าสำนักใช้เดินทาง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ท่านก็ช่วยข้าไว้ไม่น้อย บวกกับเงินค่าที่ก่อนหน้านี้ ท่านลอบสังหารข้าไม่สำเร็จเข้าไปด้วย คงทำให้เจ้าสำนักต้องเสียหายไปมาก พวกนี้ก็ถือเสียว่าเป็นค่าชดใช้ให้ท่านไป ขอเชิญเจ้าสำนักรับไว้ด้วยเถิดเจ้าค่ะ"
เฟิงอู๋ฉิงสีหน้าดำคล้ำ ปรายตามองไปที่ตั๋วเงินปึกหนาๆแวบหนึ่ง: "ข้าดูเป็นคนที่ขาดแคลนเงินทองอย่างนั้นหรือ?"
"เจ้าสำนักย่อมไม่ขาดแคลนเงินทอง แต่ใครทำเรื่องอันใด ก็ควรต้องตอบแทนให้เหมาะสมกับเรื่องอันนั้น ประการแรกเจ้าสำนักยอมปล่อยข้าไป ประการที่สอง ท่านยอมรับพวกเจ้าห้าเป็นศิษย์ ประการที่สาม ท่านปกป้องจวนอ๋องเสียน ไม่ว่าจะด้วยอารมณ์หรือเหตุผลใดก็ตามแต่ เรื่องพวกนี้ย่อมไม่ควรละเลยเด็ดขาด
อันหลิงหยุนเกือบจะแน่ใจได้ทีเดียว
เฟิงอู๋ฉิงพูดอย่างเย็นชาเฉยเมย: "จะเป็นใครก็ไม่สำคัญแล้วกระมัง จวนอ๋องเสียนของพวกเจ้าร้ายกาจถึงเพียงนี้ พวกนั้นอยากจะลงมือก็ไม่มีทางสำเร็จอยู่แล้ว"
"แต่รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งก็ชนะร้อยครั้งนะเจ้าคะ ได้รู้ก่อนว่าพวกนั้นเป็นใคร ย่อมเป็นเรื่องดีกว่าเสมอ"
เฟิงอู๋ฉิงหันไปมอง: "ถึงจะไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเป็นใครกันแน่ แต่คนที่แนะนำมาเป็นคนหนานอี้ คนผู้นี้มีความเกี่ยวพันลึกซึ้งกับข้า เดิมทีข้าก็ไม่อยากจะก้าวเท้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก่อนหน้านี้ตอนแรกร่างกายข้าไม่สู้ดี เขามาขอเดินหมากกับข้า แต่ข้าแพ้ จึงตั้งใจว่าจะช่วยเขาทำงาน แต่เขาก็ยังส่งคนมาเอากุญแจห้องเก็บสมบัติของข้าไปอีก ข้าถึงได้ต้องยอมบากหน้า แบกเอาความน้อยเนื้อต่ำใจมาที่นี่เพื่อฆ่าเจ้านี่แหล่ะ
แต่คนที่อยากฆ่าเจ้าไม่ใช่เขา เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ตามที่เขาบอกเป็นคนที่คบกันโดยไม่ได้คำนึงถึงวัยวุฒิหรือคุณวุฒิใดๆ ข้าเองก็แค่เคยเจอคนผู้นั้นแบบผ่านๆ ที่เหลือก็ไม่รู้อะไรแล้ว"
"เป็นอย่างนี้นี่เอง" อันหลิงหยุนรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากทีเดียว อย่างน้อยก็รู้แล้วว่า คนที่มาไม่ได้เป็นคนหนานอี้
“น่าแปลกใจยิ่งนัก ทำไมคนผู้นี้ถึงได้รู้จักคนหนานอี้ได้นะ ?”
"ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรล่ะ?" เฟิงอู๋ฉิงสีหน้าเย็นชา รู้สึกเหลืออดกับอันหลิงหยุนจนสุดขีดแล้ว มาหาเขาทั้งที ก็มาแค่เพื่อถามหยั่งเชิง
"ช่างเถอะ ท่านเจ้าสำนัก ข้าจะไปหาเจ้าห้าเสียหน่อย เขาไม่ยอมกินไม่ยอมดื่มอะไรเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องของท่านเจ้าสำนักหรือไม่ เมื่อคืนข้าบอกเขาเรื่องที่ท่านเจ้าสำนักอาจจะไปจากที่นี่แล้ว เขาก็เป็นอย่างนั้นไปเลย ทำให้ข้ากังวลใจเหลือเกินแล้ว "
อันหลิงหยุนลุกขึ้นเดินออกไปทันที เดิมทีเฟิงอู๋ฉิงคิดจะจากไป พลันลุกขึ้นแล้วเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
อันหลิงหยุนหันกลับไปมองเฟิงอู๋ฉิง เอ่ยถามขึ้นว่า "ท่านเจ้าสำนักจะไปแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ? ต้องเก็บข้าวเก็บของอะไรหรือไม่?"
"หึ ข้าจะไปดูศิษย์ของตัวเองก็ไม่ใด้หรือ?"
ระหว่างที่เฟิงอู๋ฉิงพูด เขาก็ก้าวเดินนำหน้าอันหลิงหยุนไปก่อนแล้ว เมื่อมาจนถึงหน้าห้องของพวกเด็ก ๆ ก็เข้าประตูไป กวาดตามองไปเจอเจ้าห้าที่ยังนอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของแม่ทัพอัน เดินเข้าไปถึงก็อุ้มเจ้าห้าขึ้นมา แล้วหันหลังเดินกลับออกไปทันที
"อามู่ เสี่ยวเฉียว ไป!"
อามู่กับเสี่ยวเฉียวหันไปมองอันหลิงหยุน จากนั้นจึงเดินตามออกไป
อันหลิงหยุนหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง นึกถึงตั๋วเงินปึกนั้นขึ้นมาได้ คิดในใจว่าเสี่ยวเฉียวคงต้องเก็บมันเอาไว้ได้อย่างดีแน่นอน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน
เรื่องนี้สนุกมาก ดีมากจริงๆ ขอบคุณผู้แต่ง ขอบคุณผู้แปล ขอบคุณสปอนเซอร์ ขอบคุณ Admin ที่ลงให้อ่านจนจบ ถ้าเป็นไปได้อยากอ่านเรื่องเจ้าห้าต่อ...
หยุนหยุนคือแบบ เห้อออออ...
เต้คือหงเมียหนักมาก ผิดขนาดไหนก็เข้าข้าง...
ฮองเฮาก็ไม่ได้ท้องจริงๆซะหน่อย คนที่ท้องจริงๆก็มีแค่เซียวผินผู้น่างสารเท่านั้น...
ฮองเฮาเลวทรามเพียงใดทุกคนรู้หมด เต้ก็รู้ดีในใจ แต่ก็บังคับให้ทุกคนต้องตายเพื่อเมียรักตัวเอง ช่างเป็นผัวเมียที่เลวทรามสมกันจริงๆ สงสารหยุนหยุน ทำไมต้องชีวิตมาพัวพันกับคนชั่วพวกนี้ด้วยนะ...
ทุกคนรู้มดว่าฮองเฮาพยายามฆ่าหลิงหยุนาตลอด แต่ทุกคนก็ต้องการให้หลิงหยุนช่วยฮองเฮาและบ้านฮองเฮา ฮ่องเต้ก็นิสัยแย่นะ รักเมียหลงเมียจนปิดหูปิดตาทุกทาง ใจขณะดียวกันก็บังคับห้หิงหยุนสละชีวิตเพื่อตัวเองกับเมียัตวเอง บ้าบอ...
อักลิงหยุนคือใช้เงินมือเติบมากอยู่นะ ขึ้นเงินเดือนให้คนั้งจนตั้งเยอะในคราวเดียว อีกทั้งสร้างหนี้สินพันรอบตัวอีก อย่างไรก็ตามรักษาใครก็ไม่เคยได้เงิน คนในราชวงศ์ขี้เหนียวมาก...
กระยาหารังคืออะไรคะ...