ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 750

บทที่ 750 ถ่ายเลือดออกเพื่อกำจัดพิษ

อันหลิงหยุนไม่ได้สนใจ เขารู้สึกดีใจแน่นอนที่อันหลิงหยุนเข้าข้างประเทศต้าเหลียง

“คนพวกนี้ไม่ใช่คนที่มีความสามารถอะไร แต่ทำไมประเทศต้าเหลียงจึงได้อยู่รั้งท้ายในบรรดาสี่ประเทศล่ะเพคะ ?” อันหลิงหยุนรู้สึกสงสัย

“พวกเขามีสิ่งแวดล้อมที่ได้เปรียบ อี้หนานมีหนอน หวูโยมีพืชพรรณธัญญาหาร มีแร่ มีเกลือ การดำรงชีวิตของราษฎรจึงพัฒนาได้อย่างง่ายดาย ส่วนประเทศเฟิ่งนั้นทั้งสี่ฤดูล้วนแล้วแต่เหมือนฤดูใบไม้ผลิ สี่ฤดูเหมือนฤดูใบไม้ผลิหมายถึง พืชพรรณธัญญาหารที่ผลิตออกมาก็มีมากกว่าเรา ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิจนถึงฤดูหนาวก็สามารถปลูกพืชได้ตลอดทั้งปี ผ้าไหมและใบชาของพวกเขาในแผ่นดินใหญ่ซื่อฟางนี้ไม่มีใครสามารถเทียบได้ ไม่เพียงเท่านี้ ที่ดินของพวกเขามีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล ฮ่องเต้หญิงองค์ก่อนและฮ่องเต้หญิงองค์ปัจจุบัน ล้วนแล้วแต่มีความสามารถในการปกครองประเทศ เมื่อรวมเข้าด้วยกันแล้ว ประเทศไม่เจริญรุ่งเรืองก็คงจะแปลก

กงชิงวี่พิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน อันหลิงหยุนกลับรู้สึกจนใจแทนเขา

“ถ้าหากท่านพูดเช่นนี้ ก็เท่ากับว่าประเทศต้าเหลียงไม่มีอะไรแล้วจริงๆ มีเพียงแค่คนสี่ห้าคนเท่านั้น”

“นั่นก็ยังต้องมีการโยกย้าย เดิมทีข้าคิดที่จะสร้างประเทศที่มีอำนาจทางการแพทย์ขึ้นมาก็ดูเข้าที เกิดแก่เจ็บตายใครสามารถห้ามได้บ้าง แต่ว่าตอนนี้......หยุนหยุนไม่ใช่คนของข้าเพียงคนเดียวแล้ว”

“ท่านอ๋อง ข้าเป็นของท่านแต่เพียงผู้เดียว ขอเพียงแค่ท่านอ๋องไม่ทำเรื่องที่ผิดต่อข้า ก็จะเป็นของท่านตลอดไป หากท่านอ๋องอยู่ที่หนานอี้ ข้าก็จะตามท่านอ๋องไปที่หนานอี้ หากท่านอ๋องไปประเทศเฟิ่ง ข้าก็จะขอติดจามท่านอ๋องไปประเทศเฟิ่ง ครั้งนี้ที่พวกเรามาเพราะมีเรื่องต้องทำสองเรื่องด้วยกัน หนึ่งคือตามหามารดาให้แก่ร่างเดิม ส่วนอีกเรื่องคือตามหามังกรไฟ ตอนนี้ทั้งสองเรื่องทำสำเร็จเรียบร้อยแล้ว รอให้พิษในตัวของฮ่องเต้หญิงถูกถอนจนหมดเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็กลับกันเถอะเพคะ หม่อมฉันเองก็คิดถึงพวกเจ้าห้าแล้ว”

“ข้าไม่รู้ว่าควรจะพูดเช่นไรดี แต่ข้าเองก็ไม่ได้อย่างทำให้หยุนหยุนต้องรู้สึกซาบซึ้งใจนัก เพราะว่าข้าเป็นสามีของหยุนหยุน จะต้องอยู่ด้วยกันเช่นนี้ไปตลอดชีวิต เป็นสิ่งที่หยุนหยุนจะต้องจดจำเอาไว้”

“ใช่แล้ว ท่านอ๋องพูดถูกต้องแล้วเพคะ จะต้องอยู่ด้วยกันเช่นนี้ไปตลอดชีวิต” เขาพูดเช่นนั้นแล้ว แล้วนางจะพูดอะไรได้อีก

เมื่อถึงช่วงค่ำ ซูอู๋ซินออกมาจากด้านใน เขาเปลี่ยนไปสวมใส่ชุดสีดำเรียบร้อยแล้ว และเรียกอันหลิงหยุนและกงชิงวี่เข้าไปด้านใน

ทั้งสามคนเข้าไปในวังเฟิ่งซี จริงๆแล้วคนที่อันหลิงหยุนเป็นห่วงที่สุดคือแม่ทัพอัน แต่ตอนนี้แม่ทัพอันปลอดภัยแล้ว ขณะที่กำลังนั่งอยู่ในวังเฟิ่งซี อันหลิงหยุนเห็นว่าแม่ทัพอันไม้เป็นอะไร อันหลิงหยุนเองก็รู้สึกโล่งใจ

ผ้าม่านเตียงเปิดออกแล้ว ฮ่องเต้หญิงเฟิ่งป่ายซูกำลังนั่งอยู่บนเตียง ตอนนี้สวมใส่ฉลองพระองค์สีแดง ถึงแม้พิษหนอนกู่จะถูกถอนแล้ว แต่เมื่อมองไปก็ยังดูซูบซีดอยู่ดี

แม่ทัพอันพูดว่า : “หยุนหยุน เจ้าสามารถถอนพิษได้ เจ้าจงมาตรวจดูหน่อยว่า พิษของแม่เจ้าสามารถถอนได้หรือไม่ ?”

“ค่ะ”

อันหลิงหยุนมองดูรอบๆ อ๋าวชิงเองก็อยู่ด้วย

“ขอให้ทุกคนออกไปก่อน”

อันหลิงหยุนไม่สามารถใช้เลือดในการรักษาต่อหน้าอ๋าวชิงได้

เป็นถึงหมอ แต่อันหลิงหยุนกับต้องอาศัยเลือดของตนเองในการรักษาคน หากเรื่องนี้พูดออกไปคงจะขายหน้า

อ๋าวชิงเองก็ไม่ได้ลังเล รีบออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว ขันทีเองก็ออกไปด้วย

ตอนนี้เหลือเพียงแต่อันหลิงหยุนสองสามีภรรยา ซูอู๋ซิน และแม่ทัพอัน จากนั้นอันหลิงหยุนจึงเดินไปนั่งลงอยู่ตรงหน้าเฟิ่งป่ายซู แล้วจับมือของเฟิ่งป่ายซูขึ้นมา จากนั้นจึงจับชีพจรให้นาง

อันหลิงหยุนเริ่มสแกนอัตโนมัติ เสร็จแล้วจึงปล่อยมือลง แล้วหันหน้ากลับไปมองกงชิงวี่ : “ท่านอ๋อง ท่านเฝ้าประตูไว้ให้ดี ข้าจะรักษาโรคให้ฮ่องเต้หญิง”

“ระวังด้วย !”

ถึงแม้กงชิงวี่จะไม่เต็มใจนัก แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วเขาเองก็ไม่อาจเลี่ยงได้ เขาจึงเดินไปที่ประตู แล้วหันหลังให้ห้องนอน

ซูอู๋ซินพอจะคาดเดาได้ว่าอันหลิงหยุนจะทำอะไร ถึงแม่เขาจะไม่ค่อยเข้าใจนัก ว่าทำไมเลือดในตัวของอันหลิงหยุนจึงสามารถช่วยเหลือคนได้ แต่เพื่อที่จะให้ฮ่องเต้หญิงกลับมาเป็นปกติ เขาจึงทำได้เพียงยอมทำตามวิธีของนางสักครั้ง

อันหลิงหยุนหยิบมีดขึ้นมา เฟิ่งป่ายซูไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด เพียงแค่เห็นลูกสาวหญิงมีดขึ้นมา นางก็ยื่นข้อมือไปให้อย่างเต็มใจ นางเข้าใจว่าต้องถ่ายเลือดออกจึงจะสามารถกำจัดพิษได้

แต่คิดไม่ถึงว่า อันหลิงหยุนกลับพูดว่า : “ท่านพ่อ ช่วยเอาถ้วยมาให้ข้าหนึ่งใบ”

แม่ทัพอันรู้สึกเป็นห่วง แต่เมื่อเห็นคนใกล้ตายก็ไม่อาจที่จะไม่ช่วยเหลือได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งครั้งนี้คือเฟิ่งป่ายซู

อันหลิงหยุนรู้สึกหดหู่ ไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับเช่นไรดี

กลับกลายเป็นซูอู๋ซินที่เดินเข้ามาแล้วพูดว่า : “นางเองก็เหนื่อยแล้ว ให้นางไปพักผ่อนเถอะ ถ้านางยังไม่ไปพักผ่อนอีกล่ะก็ ประเดี๋ยวคนที่ยืนอยู่ที่หน้าประตูคนนั้นก็จะไม่พอใจเอาอีก อารมณ์ของเขานั้นไม่เหมือนข้านะ”

ซูอู๋ซินจับมือของเฟิ่งป่ายซู แล้วมองอันหลิงหยุนด้วยความรัก : “พวกเจ้าไปพักผ่อนที่วิหารบรรทมรองเถอะ คืนนี้จะมีคนอื่นมาคอยดูแลที่นี่ ไม่จำเป็นต้องลำบากพวกเจ้าแล้ว”

“เพคะ”

อันหลิงหยุนจึงได้กลับไป

สายตาที่ซูอู๋ซินมองลูกสาวนั้นชัดเจน บางทีอาจเป็นเพราะเมื่อมองแวบแรกก็เห็นความสัมพันธ์ของคนคนนี้ เขาไม่เชื่อเรื่องร่างเดิม สิ่งที่แม่ทัพอันพูดจะไม่เชื่อก็ไม่ได้ แต่ก็ไม่อาจเชื่อทั้งหมด

คนที่เขารับรู้ว่าเป็นลูกสาวคืออันหลิงหยุนคนนี้ ส่วนคนอื่นเขาไม่รู้

อันหลิงหยุนไปหาแม่ทัพอัน แล้วถามแม่ทัพอันว่า : “ท่านพ่อ ท่านเองก็พักผ่อนอยู่หรือ ?”

“อืม”

แม่ทัพอันจึงได้ลุกขึ้น สองพ่อลูกเดินออกไปข้างนอกด้วยกัน เมื่ออันหลิงหยุนเดินออกจากประตูไปก็จับข้อมือของแม่ทัพอันเอาไว้ แล้วตรวจดูว่าร่างกายฟื้นฟูกลับมาแล้วจริงๆถึงได้วางใจ

ทั้งสามคนไปพักผ่อนที่วิหารบรรทมรองด้วยกัน

อ๋าวชิงที่ยืนอยู่หน้าประตูเมื่อเห็นทั้งสามคนก็กล่าวทักทาย : “ท่านแม่ทัพ มกุฎราชกุมารี”

อันหลิงหยุนทำเพียงแค่พยักหน้า แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้วทั้งสามก็เดินไปยังวิหารบรรทมรอง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน