บทที่ 765 นางบอกว่ากงชิงวี่เป็นแค่หมากตัวหนึ่ง
ซูอู๋ซินมองไปที่เสนาบดีเว่ยที่มีอายุมากกว่า 40 ปีโดยดวงตานั้นไม่ได้แยแสอะไรแม้แต่น้อย
“เสนาบดีเว่ยท่านคิดว่าสตรีนั้นสูงส่งกว่าบุรุษ ความผิดฐานฆ่าสตรีสมควรได้รับโทษฉันใด ความผิดที่ฆ่าบุรุษสมควรได้รับโทษฉันนั้นหรือไม่ ”
เสนาบดีเว่ยไม่เข้าใจว่าซูอู๋ซินหมายความว่าอย่างไรจึ งค่อยๆเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและก้มศีรษะลงอีกครั้ง
ทั้งสองพูดคุยกันมากมายจนเวลาล่วงเข้ายามเฉิน
เสนาบดีเว่ยเดินก้มหน้าออกไปอย่างเงียบๆ หลังจากที่นางจากไปซูอู๋วินก็ลุกขึ้นและเดินไปยังที่บรรทมในตำหนักเฟิงฉี
อ๋าวซินรายงานเรื่องทั้งหมดและตอนนี้กำลังรอซุนอู๋ซิน เฟิงไป๋ซูให้เขาตัดชุดใหม่เพื่อที่จะมอบให้ซูอู๋ซินและทั้งสองก็พูดคุยกันต่อ เมื่อซูอู๋ซินเดินเข้ามา อ๋าวชิงก็หยุดพูด
“ ข้ารบกวนพวกเจ้าหรือไม่? ” ซูอู๋ซินเดินเข้ามาปากว่ากำลังรบกวนแต่เขาก็ยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น เขานั่งลงและกุมมือของเฟิงไป๋ซูไว้
ซูอู๋ซินหันไปมองอ่าวซิน “ เรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นเพียงแค่การเริ่มต้น ในอนาคตของรากฐานของประเทศเฟิ่งจะไม่เปลี่ยนแปลง แต่ในราชสำนักที่ผสมปนเปไปด้วยโคลนตมสกปรกต้องเปลี่ยนแปลง หากไม่ทำการเปลี่ยนแปลงในอนาคตผู้คนในแผ่นดินนี้จะไร้คุณสมบัติของความเป็นคน ”
อ๋าวซินก้มมองมือของเฟิงไป๋ซูที่ถูกกุมเอาไว้ เป็นเวลานานกว่าจะได้ยินเสียงตอบรับ
เมื่ออ๋าวชิงกลับออกไป เฟิงไป๋ซูพูดขึ้นว่า “ ข้าเพิ่งจะคุยกับเขาว่าถ้าไม่ปรารถนาที่จะอยู่ในวังแห่งนี้ เขาก็สามารถออกไปแสวงหาผู้หญิงที่คู่ควรได้ แต่เขาไม่ยินยอมและพูดว่าเคยชินกับวังหลวงแล้วซึ่งในความเป็นจริงถ้าท่านทนเห็นเขาไม่ได้เขาก็สามารถออกไปได้เช่นกัน ”
“ อืมข้า ทนได้ ” ซูอู๋ซินจะอึดอัดได้อย่างไร ในเมื่อเขายึดครองกำลังคนไว้หมดแล้ว ส่วนที่เหลือเป็นแค่ชื่อเสียงจอมปลอมไม่จำเป็นต้องยึดถือให้อึดอัด
การเป็นคนดีคือการวางหนทางไว้เพื่อให้ผู้คนอยู่รอด วิธีการเอาตัวรอดนี้ดูเหมือนว่ามีไว้สำหรับคนอื่นแต่ก็ยังคงมีไว้สำหรับตนเองหาก คนอื่นมีทางรอด ตัวเองก็ต้องรอดเช่นกัน
เฟิงไป๋ซูยิ้มออกมา “ ท่านไม่สงสัยอะไรสักนิดเลยหรือ ”
“ สงสัยอะไร? ”
“เจ้าพูดว่าเจ้าสงสัยอะไรล่ะ? ” เฟิงไป๋ซูหันไปมองซูอู๋ซินด้วยสายตาแพรวพราวแฝงไปด้วยความยั่วเย้า
“ สงสัยแล้วเป็นอย่างไร? ไม่สงสัยแล้วเป็นอย่างไร? ในช่วงหลายปีที่ข้าไม่อยู่พวกเขาก็ช่วยดูแลเจ้า ในตอนนี้เมื่อข้ากลับมาพวกเขาก็ต้องถอยให้ข้า นี่เป็นเรื่องยากที่จะหาทางออกให้กับพวกเขาทั้งหมด ”
เฟิงไป๋ซูชื่นชมเขา ซูอู๋ซินมีจิตใจที่มีปณิธานยิ่งใหญ่ เขาสามารถบรรลุสิ่งที่ต้องการได้นั่นเป็นคำพูดของเขาในเวลานั้นเช่นเดียวกับการหลีกเลี่ยงความวุ่นวายอันเกิดจากสงครามของประชาชนประเทศเฟิ่ง
ในเวลานั้นถ้าสงครามได้เริ่มต้นขึ้นจริงๆ ประเทศเฟิ่งจะต้องพ่ายแพ้ดังนั้นนางจึงบอกว่าให้เวลานางอีก 20 ปีและเขาก็เห็นชอบด้วย
แต่ในเวลานั้นทางหนานอี้โกรธมากจนทำให้จักรพรรดิหนานอี้พิโรธเรื่องนี้เช่นกัน เขาพ่ายแพ้แค่ช่วงหนึ่ง หากไม่ได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดิหนานอี้ ก็จะเป็นการปล่อยให้ซูอู๋เหิงใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้
เดิมทีเฟิงไป๋ซูคิดว่า 20 ปีนี้เพียงพอแล้วสำหรับนาง แต่ตอนนี้ 20 ปีที่ว่านั้นมาถึงแล้ว ทันใดนั้นทำให้นางเข้าใจว่า 20 ปีนั้นไม่เพียงพอสำหรับนาง
แม้ว่าในอีก 20 ปีแผ่นดินเฟิงก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหนานอี้อยู่ดี
มันเป็นคำพูดของซูอู๋ซินในปีนั้นหากต้องการรบชนะหนานอี้ ก็ต้องมีอีกมากว่าหนึ่งคน คนๆนั้นก็คือเขา หากเขาอยู่ที่นี่เขาก็จะสามารถปกป้องแผ่นดินนี้ได้ไม่ว่าจะเป็นหนานอี้หรือรัฐใหญ่อื่นๆก็ไม่สามารถเข้ามารุกรานได้
ตัวนางเองไม่เชื่อ แต่เขาบอกว่าจะให้เวลานาน 20 ปีและหลัง 20 ปีนั้นก็จะเห็นผลลัพธ์ทั้งหมด
นางรู้และเข้าใจภายในเวลาไม่ถึง 20 ปีทุกอย่างที่เขาพูดล้วนถูกต้อง
เมื่อมองไปที่ซูอู๋ซิน เฟิงไป๋ซูก็แปลกใจ “เจ้าเป็นคนหยิ่งทะนงตน แต่เจ้าจะรังเกียจหรือไม่? ”
ซูอู๋ซินยั่วเย้านางแต่ดวงตายังเรียบนิ่งและไม่สามารถหยั่งถึงได้ “ เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะซูซู ? ”
“รังเกียจมั้ง ? ” นางอมยิ้มอย่างไม่ขุ่นเคืองอะไร
ในที่สุดตอนนี้นางก็คือหมอคนหนึ่ง เมื่อเทียบกับเหตุการณ์สำคัญของบ้านเมืองแล้วนางยังคงชอบการเป็นหมอ แม้ว่าจะต้องใช้เลือดเพื่อรักษาและช่วยชีวิตผู้คน แต่ว่าคุณค่าและสิ่งสำคัญนั้นคือไม่มีการหลอกลวงซึ่งกันและกัน
ใช่คือใช่ ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ ถ้ากายป่วยก็สั่งยา แล้วยาก็จะรักษาโรค
ด้วยการมี่มีความคิดแบบนี้ อันหลิงหยุนจึงอยากออกไปจากประเทศเฟิ่งโดยเร็ว นานแล้วที่นางไม่ได้พบลูกๆ อันหลิงหยุนคิดถึงพวกเขา
แค่ชั่วพริบตาก็ผ่านไปกว่าครึ่งเดือน ครั้งนี้อันหลิงหยุนออกมาสองเดือนแล้ว หากยังไม่ได้กลับไปนางคงได้ร้องไห้ออกมาจริงๆ
วันที่ทั้งสองจะจากไปเป็นวาระการประชุม ในช่วงนี้กงชิงวี่ก็ไม่ได้เฝ้า และจักรพรรดินีเองก็มีรับสั่งให้เข้าเฝ้าหลายครั้งแต่เขาก็ไม่ไป
เรื่องการต่อต้านรับสั่งเป็นเวลานานกว่าครึ่งเดือนได้แพร่กระจายออกไป
ทุกคนต่างพูดกันว่าองค์รัชทายาทถูกราชบุตรเขยรังแกและมองว่าไม่เหมาะสม เหตุการณ์นี้จึงกลายเป็นที่กล่าวขานในประเทศเฟิ่ง
มีคนไม่น้อยที่คิดว่าแผนขุดรากถอนโคนพวกมัน และให้อันหลิงหยุนอยู่ในประเทศเฟิ่งตลอดไป ประการที่หนึ่งประเทศเฟิ่งของการจักรพรรดินีที่มีเมตตา ประการที่สองก็คือองค์รัชทายาทไม่สามารถทำผิดต่อบุรุษได้ และบุรุษผู้นั้นก็คือกงชิงวี่
ในบางครั้งอันหลิงหยุนก็เปิดรับคำแนะนำ แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทราฉันใด ก็ไม่สามารถรักได้แค่ดอกไม้ฉันนั้น
บุรุษที่ดีมากมายในประเทศเฟิ่ง ไม่สามารถยกป่าทั้งผืนนี้ให้กับกงชิงวี่ได้
แม้อันหลิงหยุนจะสุภาพแต่สิ่งที่นางคิดในใจก็คือต่อให้แลกประเทศเฟิ่งกับการเปลี่ยนแปลงไปของกงชิงวี่ นางก็ไม่ไม่สามารถทำได้
สำหรับอันหลิงหยุนในตอนเริ่มเกมมีการลงทะเบียนหมายเลขแต่เมื่อเห็นผลที่ออกมาไม่ดีนางก็รู้สึกคลื่นไส้อยากอาเจียนนางเป็นคนหนึ่งที่ไม่สามารถขึ้นเป็นผู้นำได้ อีกทั้งนางไม่ใช่คนที่ใส่ใจกับสิ่งรอบข้างมากนัก ความรู้สึกพะอืดพะอมนั้นมันไม่ธรรมดาเลย
แต่หลังจากพยายามฝึกฝนทำให้หมายเลขนี้กลายเป็นแชมป์
และในตอนนี้มีคนขอให้นางยอมแพ้ ไม่มีทาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน
เรื่องนี้สนุกมาก ดีมากจริงๆ ขอบคุณผู้แต่ง ขอบคุณผู้แปล ขอบคุณสปอนเซอร์ ขอบคุณ Admin ที่ลงให้อ่านจนจบ ถ้าเป็นไปได้อยากอ่านเรื่องเจ้าห้าต่อ...
หยุนหยุนคือแบบ เห้อออออ...
เต้คือหงเมียหนักมาก ผิดขนาดไหนก็เข้าข้าง...
ฮองเฮาก็ไม่ได้ท้องจริงๆซะหน่อย คนที่ท้องจริงๆก็มีแค่เซียวผินผู้น่างสารเท่านั้น...
ฮองเฮาเลวทรามเพียงใดทุกคนรู้หมด เต้ก็รู้ดีในใจ แต่ก็บังคับให้ทุกคนต้องตายเพื่อเมียรักตัวเอง ช่างเป็นผัวเมียที่เลวทรามสมกันจริงๆ สงสารหยุนหยุน ทำไมต้องชีวิตมาพัวพันกับคนชั่วพวกนี้ด้วยนะ...
ทุกคนรู้มดว่าฮองเฮาพยายามฆ่าหลิงหยุนาตลอด แต่ทุกคนก็ต้องการให้หลิงหยุนช่วยฮองเฮาและบ้านฮองเฮา ฮ่องเต้ก็นิสัยแย่นะ รักเมียหลงเมียจนปิดหูปิดตาทุกทาง ใจขณะดียวกันก็บังคับห้หิงหยุนสละชีวิตเพื่อตัวเองกับเมียัตวเอง บ้าบอ...
อักลิงหยุนคือใช้เงินมือเติบมากอยู่นะ ขึ้นเงินเดือนให้คนั้งจนตั้งเยอะในคราวเดียว อีกทั้งสร้างหนี้สินพันรอบตัวอีก อย่างไรก็ตามรักษาใครก็ไม่เคยได้เงิน คนในราชวงศ์ขี้เหนียวมาก...
กระยาหารังคืออะไรคะ...