ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 866

บทที่ 866 ใช้กลิ่นเพื่อตามหาเลือด

เมื่อพิณฝูโองอยู่ในมือ อันหลิงหยุนก็รีบดีดในทันที คนที่เป่าขลุ่ยกระอักเลือดออกมาที่พื้น ยังมีอีกคนที่เป่าขลุ่ยเข้ามาจากด้านนอกจวนอีก

อันหลิงหยุนหันมองรอบๆ คนที่เป่าขลุ่ยมีหลายคน ไม่อาจระบุได้แน่ชัดว่าอยู่ตรงไหน

อันหลิงหยุนมองเลือดที่ไหลออกมาจากหัวอีกาดำ ก็รู้สึกเป็นห่วงมาก เมื่อว้าวุ่นใจ เสียงพิณก็รวนไปด้วย

นางถอยหลังจนเกือบจะล้มลง คนชุดดำเหล่านั้นจู่โจมเข้ามาในทันที ตอนที่อันหลิงหยุนเงยหน้าขึ้น มีมีดของคนคนหนึ่งกำลังพุ่งตรงลงมา ถึงแม้ไม่ได้คิดจะให้นางตาย แต่ก็ต้องการแขนของนางข้างหนึ่ง

อันหลิงหยุนคิดว่าคงต้องตายแน่ๆ ก็มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้น แล้วอีกฝ่ายก็ถูกเตะกระเด็นออกไป

อันหลิงหยุนเงยหน้าขึ้น ซูมู่หรงมายืนอยู่ข้างๆ นางเรียบร้อยแล้ว เขาปัดเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ แล้วดึงอันหลิงหยุนขึ้นมา : “คุณช่างไร้ประโยชน์จริงๆ เมื่อก่อนไม่ได้เป็นแบบนี้สักหน่อย”

“เมื่อก่อนก็คือเมื่อก่อน วีรบุรุษที่แท้จริงเขาไม่อวดอ้างความกล้าหาญในอดีตกันหรอกนะ” อันหลิงหยุนปรับการหายใจเสียใหม่ ถึงได้รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย

ซูมู่หรงหันมองเฟยยิง : “ไปตามนักดนตรีในจวนมา แต่ละคนให้บรรเลงเพลงหนึ่งเพลง พยายามบรรเลงให้สุดความสามารถ เพื่อที่จะรบกวนเสียงขลุ่ยของพวกเขาให้ได้ อาหยู่ เจ้าไปหาคนมา ให้พาหมาแมวที่อยู่ในจวนมาด้วย คงจะหาได้ไม่ยาก”

อันหลิงหยุนหันมองซูมู่หรง : “คุณยังยอดเยี่ยมเหมือนเดิม ในจวนอ๋องเสียนของฉันเลี้ยงหมาแมวเอาไว้กี่ตัวคุณก็รู้หมด”

“คุณอ่อนแอเกินไปต่างหาก อย่าบอกว่าเป็นลูกศิษย์ของผม น่าอายจริงๆ !”

ซูมู่หรงหันมองคนเหล่านั้น : “พวกเจ้าเป็นคนของชินจงใช่ไหม ?”

คนชุดดำที่หากทำภารกิจไม่สำเร็จก็ไม่มีทางรามือ หันมองคนที่ออกมาในลาน มีคนจำนวนหนึ่งเดินออกมาแล้ว ครอบครัวโฮ่เซิง รวมถึงแม่ทัพอันกับหยุนจิ่นด้วย

“ท่านมาได้อย่างไร ?” อันหลิงหยุนรู้สึกแปลกใจ ดึกดื่นขนาดนี้หยุนจิ่นก็มาด้วย คนกำลังท้องกำลังไส้ทำไมยังไปไหนมาไหนเช่นนี้อีก ?

“พวกเรามาช้าไปหน่อย ถ้าไม่ใช้เพราะข้ารู้สึกสงสัย ท่านแม่ทัพก็ยังไม่ยอมมา” ช่วงนี้หยุนจิ่นดูหน้าตาสดใส สวมใส่ชุดสีแดง แม่ทัพอันยืนอยู่ข้างๆ นาง ตอนนี้สีหน้าไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก

“จิ่นเอ๋อ เจ้าเข้าไปก่อน หยุนหยุนเจ้าเองก็เข้าไปด้วย”

แม่ทัพอันพาหยุนจิ่นเดินไปที่ประตู พลธนูเข้ามาอย่างรวดเร็วเรียบร้อยแล้ว เตรียมที่จะจัดการกับคนเหล่านั้น

อันหลิงหยุนหันมองแม่ทัพอันแล้วกำชับว่า : “ท่านพ่อ ท่านเองก็ระวังตัวด้วย !”

อันหลิงหยุนอุ้มพิณฝูโอวเอาไว้ เจ้าเสือน้อยคาบเจ้าห้าเดินเข้าประตูไป

เมื่อเข้าไปข้างในแล้ว เจ้าเสือน้อยก็วางเจ้าห้าลง จากนั้นจึงหมอบอยู่ข้างๆ เขา ด้วยเป็นห่วงว่าเจ้าห้าจะได้รับอันตราย เขาจึงใช้ตัวของเขาล้อมเอาไว้เป็นครึ่งวงกลม แล้ววางหางไว้บนตัวของเจ้าห้า

อันหลิงหยุนเดินเข้าไปข้างในกับหยุนจิ่น จากนั้นจึงหันมองหยุนจิ่น : “ท่านมาได้อย่างไร ?”

“เป็นห่วงพวกเจ้า อีกทั้งท่านอ๋องได้ส่งจดหมายไปที่จวนแม่ทัพด้วย เขาบอกว่าคืนนี้มีคนคิดจะโจมตีวังหลวงยามวิกาล เขาไม่อาจที่จะอยู่พร้อมกันทั้งสองที่ได้ จึงต้องการให้ข้าและท่านแม่ทัพมาที่นี่”

“อย่างนั้นหรือ ?” อันหลิงหยุนไม่รู้ว่าคืนนี้มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นด้วย

“ข้าจะออกไปดูสักหน่อย ท่านช่วยข้าดูแลพวกเขาเอาไว้”

อันหลิงหยุนอุ้มเจ้าห้าขึ้นมา จากน้อยจึงออกไปด้านนอกเพราะรู้สึกไม่วางใจ หยุนจิ่นหันมองพวกเด็กๆ ที่ตื่นขึ้นมา เมื่อพวกเด็กๆ เห็นหยุนจิ่น ก็ดีใจขึ้นมาทันที แต่เมื่อดีใจเสร็จแล้ว ก็หันไปมองที่ประตูด้วยความเป็นห่วง อยากจะออกไปดูสักหน่อย

หยุนจิ่นพูดว่า : “ใครก็ห้ามออกไปทั้งนั้น เพื่อไม่เป็นการไปรบกวนแม่ของเจ้า !”

พวกเด็กๆ พยักหน้า ยื่นมือออกไปหาหยุนจิ่น มืออวบๆ เล็กๆ พยายามดึงหยุนจิ่นเข้าไปหา หยุนจิ่นเดินไปนั่งลง พวกเขารีบเข้าไปใกล้ๆ และกอดหยุนจิ่นทันที

อันหลิงหยุนออกไปถึงด้านนอก ก็เงยหน้าขึ้นมองด้านในลาน คนสิบกว่าคนที่เข้ามา ต่างก็ถูกลูกธนูยิงตายลงไปนอนอยู่ที่พื้น แต่วันนี้ตนที่มานั้นมีมาก ด้านนอกมีคนมาเพิ่มอีกจำนวนหนึ่ง

ครั้งนี้พวกเขาสวมใส่ชุดเกราะ ลูกธนูไม่สามารถทำอะไรได้

“ไม่รู้สึกอะไรเลย” ซูมู่หรงหันหลังเดินไปอีกด้านหนึ่ง หันมองคนที่อยู่ในลาน แล้วพูดว่า : “กลับกันได้แล้ว ไม่มีอะไรแล้ว”

ย่าโฮ่พาโฮ่เซิงกลับไป ส่วนคนอื่นๆ ก็เดินกลับเข้าห้องไป

อันหลิงหยุนมองซูมู่หรง : “ฉันจะจัดการบาดแผลให้คุณสักหน่อย”

“ไม่ต้องหรอก พวกเราไปหาพวกเขากันเถอะ” ซูมู่หรงเดินตรงไปยังประตูลานจุนจื่อ อันหลิงหยุนไม่วางใจ จึงเดินตามออกไป

ฮ่องเต้หนานอี้ยืนอยู่ภายในลานของลานโอวหลาน เมื่อเห็นทั้งสองคน ฮ่องเต้หนานอี้ก็พูดว่า : “ข้าเห็นมีสองคนหนีไปได้ พวกเขาได้รับบาดเจ็บ คงจะไปได้ไม่ไกล !”

ซูมู่หรงมองฮ่องเต้หนานอี้สักพัก เหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่พูดออกมา จากนั้นจึงหันหลังเดินออกไปด้านนอก อันหลิงหยุนนำยามาหนึ่งขวดแล้วโยนให้ฮ่องเต้หนานอี้ : “ท่านอย่าลืมกินยาด้วย !”

ฮ่องเต้หนานอี้รับขวดยามา แล้วมองดูทั้งสองคนเดินจากไป จากนั้นจึงได้เดินไปทางลานจุนจื่อ ตอนนี้เองมีทหารมาที่จวนอ๋องเสียนจำนวนไม่น้อย แต่ก็ไม่มีอันตรายใดๆ แล้ว

อันหลิงหยุนออกมาพร้อมกับซูมู่หรง ทั้งสองไปหยุดยืนอยู่ที่ประตูของจวนอ๋องเสียน ซูมู่หรงขมวดคิ้วแน่น : “ผมไม่ได้กลิ่น คุณลองดูซิว่ามีหรือไม่มี ?”

อันหลิงหยุนหันมองซูมู่หรง นางลืมเรื่องพวกนี้ไปแล้ว เมื่อคนตายไปแล้วทักษะหลายอย่างในตัวก็จะลดถอยลง เมื่อตายไปแล้วก็จะไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ อีก

อันหลิงหยุนหันมองไปรอบๆ เตรียมที่จะออกไปเดินหา ซูมู่หรงก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “มาที่นี่ได้กินแต่ของโง่ๆ หรือเปล่า ถึงได้กลายเป็นเหมือนคนที่นี่ไปเสียแล้ว ?”

ซูมู่หรงมีสีหน้าท่าทีที่เข้มงวด อันหลิงหยุนผงะไปชั่วครู่ จากนั้นจึงหันกลับไปมองซูมู่หรงนิ่ง ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ

“ผมเคยบอกคุณใช่ไหมว่า ต่อให้เป็นน้ำ ขอแค่เป็นของเหลวก็จะต้องมีกลิ่นทั้งนั้น การรับรู้กลิ่นของคุณเหมือนกับสุนัขก็ไม่ปาน โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืนเช่นนี้ ไม่มีเหตุผลที่คุณจะไม่รู้สึก”

ซูมู่หรงโมโหมาก อันหลิงหยุนนึกถึงเรื่องที่นางออกค้นหาพวกค้ายาขึ้นมาได้ ถูกซูมู่หรงตำหนิ ตอนที่เธออยู่ในผับเธอเกือบจะดื่มน้ำที่มียาเสพติดเข้าไป ในตอนนั้นเธอถูกเสียงในหูฟังด่าทะลุออกมาด้วยความโมโห เธอจึงนึกขึ้นมาได้ว่าสามารถดมกลิ่นแปลกปลอมที่อยู่ในน้ำได้

ทั้งสองสบตากัน อันหลิงหยุนหันหลังกลับไป ปิดตาลง สูดหายใจเข้าลึก แล้วใช้จมูกดมกลิ่นเพื่อตามหาเลือด !

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน