“ข้าไม่รู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหนกันแน่ เพียงแต่ตอนที่อักขระยันต์โลหิตนั้นปรากฏ มีคนตกใจเป็นอย่างมาก ราวกลับรู้ว่าตัวตนของเขานั้นไม่ธรรมดา อีกทั้งเขาปรากฏตัวเพียงครู่เดียวเท่านั้น หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หายตัวไป ข้าเองก็ได้ยินจากคนอื่นมาอีกที ถึงได้รู้ว่าสัญลักษณ์นั้น คือสัญลักษณ์แสดงฐานะของเขา”
คำพูดสั้นๆ แค่ไม่กี่ประโยค แต่แฝงไปด้วยความมั่นใจที่น่าตกใจ!
ฉู่หลิวเยว่เงียบไปนาน จากนั้นก็ทบทวนคำพูดเหล่านั้นซ้ำไปซ้ำมา ก่อนจะตระหนักได้ถึงอันใดบางสิ่ง
“ท่านหมายความว่า…มันเป็นสัญลักษณ์แสดงสถานะหรือ?”
“ถ้าจะพูดให้ถูกต้อง มันคือสัญลักษณ์ของสำนัก!”
แต่นั่นมันกลับแปลกยิ่งกว่า
ไม่ว่าจะเป็นฉู่หลิวเยว่ หรือว่าซั่งกวนเยว่ ก็ไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนักอันใดเหล่านี้!
“อีกทั้งเหมือนว่าอักขระยันต์สีโลหิตจะอยู่ในร่างกายในช่วงสองปีก่อนแล้ว ไม่เช่นนั้นคงจะไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้เช่นนี้”
องค์ปฐมกษัตริย์พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ
ยิ่งเขาพูดมากอีกหนึ่งคำ หัวใจของฉู่หลิวเยว่ก็ยิ่งดำดิ่งลงมากขึ้น
องค์ปฐมกษัตริย์ไม่จำเป็นจะต้องพูดล้อเล่นกับนางเรื่องนี้ ทุกเรื่องที่พูดจะต้องเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน
ความจริงแล้วเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่นางสับสนมานานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีเบาะแส
เมื่อคิดไปคิดมา ความเป็นไปได้มากที่สุด…มันน่าจะเกี่ยวกับความทรงจำที่หายไปของนาง
ทั้งสองคนตกอยู่ในความเงียบ
ความเงียบแผ่ขยาย อยู่ในทุกพื้นที่ของบริเวณนี้
หลังจากผ่านไปไม่นาน ในที่สุดองค์ปฐมกษัตริย์ก็ถามขึ้นว่า
“นังหนู ก่อนหน้านี้เจ้า…เคยไปอาณาจักรเสิ่นซวี่มาก่อนหรือไม่?”
…
อาณาจักรเสิ่นซวี่!
เมื่อได้ยินคำนี้ ร่างกายของฉู่หลิวเยว่ก็สั่นสะท้านขึ้นทันที!
จิตวิญญาณของนางตื่นตระหนก แต่ในสมองขาวโพลน ราวกลับเหมือนมีอันใดบางอย่างพลุ่งพล่านขึ้นมา
“อาณาจักรเสิ่นซวี่…”
นางอ้าปากขึ้น แล้วพูดพึมพำ
ตอนที่นางออกเสียงประโยคนั้น ทันใดนั้นเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมสีดำก็มีเสียงดัง “กริ๊ก” ขึ้นมา รอยแตกรอยที่สองปรากฏขึ้นแล้ว
จากนั้นก็มีแสงสว่างลอดออกมา!
ฉู่หลิวเยว่หลับตาลง น้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย จนไม่สามารถจับสังเกตได้
“…ข้า…น่าจะเคยไปมาก่อน”
…
พรึ่บ
หรงซิวทำหนังสือหลุดมือ จนหนังสือเล่มนั้นหล่นลงพื้น
เขาขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมา เขาครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็เก็บหนังสือเข้าชั้น
“ฝ่าบาท…ท่านเป็นอันใดไปหรือ?”
อวี๋มั่วที่เพิ่งเข้ามา ก็เห็นว่าฝ่าบาทของตัวเองนั้นยืนอยู่ข้างชั้นหนังสือ ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย ท่าทางเหมือนกำลังสับสน
หรงซิวดึงสติกลับมา ใบหน้าเรียบสงบ
“ไม่มีอันใด”
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเรื่องมันจะดำเนินไปอย่างรวดเร็วขนาดนี้…
“งานเลี้ยงวันคล้ายวันพระราชสมภพเป็นอย่างใดบ้าง?”
อวี๋มั่วรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ปกติแล้วฝ่าบาทไม่ค่อยจะใส่ใจเรื่องงานเลี้ยงวันคล้ายวันพระราชสมภพของตนเองเสียเท่าไร ก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่จะจัดขึ้นแบบเรียบง่าย ไม่เคยซักถามแบบนี้มาก่อน
ครั้งนี้ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น เหมือนว่าฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมาก…
การที่ฝ่าบาทจะถามแบบนี้ขึ้นมานั้นถือว่าเป็นเรื่องเปิดฟ้าเลยทีเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...