แม้ว่าเส้นที่แปดจะดูเจือจางกว่าเส้นอื่น แต่มันก็ปรากฏขึ้นบนนั้นจริงๆ!
นี่คือยาอายุวัฒนะระดับแปด!
หลินเทียนเฟิงคิดว่าตัวเองตาฝาด พลันกวาดสายตาจ้องมองยาเม็ดนั้นหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่หายตกใจอยู่ดี
“นะ ไหน…เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นเซียนหมอระดับเจ็ดมิใช่หรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ระบายยิ้มอย่างผ่อนคลาย
“ตอนนั้นข้าเป็นเซียนหมอระดับเจ็ดจริงๆ แต่ข้าก็ไม่ได้บอกว่ากลั่นยาเม็ดระดับแปดไม่ได้หนิ? และก็… ในเมื่อครานี้ข้ากลั่นได้สำเร็จ แสดงว่าข้าน่าจะได้เลื่อนขั้นขึ้นสู่ระดับแปดแล้ว…”
ฉู่หลิวเยว่กล่าวพลางลูบคางของตนอย่างครุ่นคิด
นางเองก็ประหลาดใจอย่างมาก
เนื่องจากเดิมทีนางต้องการกลั่นโอสถระดับเจ็ดขั้นสูง
แต่อาจเป็นเพราะสมุนไพรคุณภาพสูงเหล่านั้น หรือไม่ก็เพราะว่านางใช้หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์…
ท้ายที่สุดแล้วมันจึงถูกกลั่นออกมาเป็นตัวยาที่เหนือกว่าอีกขึ้น และแทบจะกลายเป็นยาเม็ดระดับแปดขั้นต่ำก็ว่าได้
ถือเป็นเรื่องน่าประหลาดที่น่ายินดีจริงๆ
หลินเทียนเฟิง “…”
ตอนนั้นเป็นเซียนหมอระดับเจ็ด?
แต่ตอนนี้กลับกลั่นยาเม็ดระดับแปดได้?
นี่นางใช้เวลากลั่นโอสถเพียงข้ามคืน ก็สามารถทะลวงขั้นพลังปราณ แล้วกลายเป็นเซียนหมอระดับแปดได้เลยหรือ?!
มีเรื่องพรรค์นี้บนโลกด้วยหรือ!?
หลินเทียนเฟิงคิดมาตลอดว่าตนนั้นเป็นผู้แก่ประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาวมานับไม่ถ้วน ทว่าครั้นได้เห็นรอยยิ้มสบายๆ ของแม่นางที่อยู่ตรงข้ามเขาแล้ว เขาถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว
ใจจริงเขาอยากจะพูดอันใดบางอย่าง แต่กลับรู้สึกจุกแน่นในคอจนเปล่งเสียงออกมาไม่ได้
การฝึกฝนของเซียนหมอนั้นซับซ้อนและยากกว่าการฝึกของจอมยุทธ์ และปรมาจารย์มาก
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ และถึงแม้พวกเขาจะโชคดีเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ในการฝึกกลั่นโอสถ ทว่าเส้นทางสู่จุดสูงสุดนั้นก็ยากลำบากเหลือคณา
ซึ่งเซียนหมอระดับเจ็ดกับเซียนหมอระดับแปดนั้น แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว!
ที่ผ่านเขาไม่รู้ว่าตัวเองเคยเห็นเซียนหมอที่ติดอยู่ระดับนี้มาแล้วกี่คน ซึ่งจนสิ้นชีวาแล้วคนเหล่านั้นก็ยังทะลวงขั้นพลังปราณไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!
ทว่าตู๋กูเยว่ที่อยู่ตรงหน้าเขากลับดูไม่สนใจเรื่องนี้เลย!
กริ๊ก!
ฉู่หลิวเยว่ปิดกระปุกหยกนั่น พลันกลิ่นหอมอันแรงกล้าของเม็ดยาก็ถูกปิดกั้นทันที
แต่ยังมีความหอมละมุนหลงเหลืออยู่ในอากาศจางๆ แค่สูดดมเข้าไปเบาๆ ก็ทำให้รู้สึกสบายกายสบายใจขึ้นมาแล้ว
“คุณหนูตู๋กูช่างน่าทึ่งนัก เพียงครั้งเดียวก็กลั่นโอสถได้สำเร็จแล้ว”
ขณะเดียวกัน หลินจือเฟยก็เดินออกมาจากห้องที่อยู่ติดกัน
และอาจเป็นเพราะการรักษาของฉู่หลิวเยว่ในช่วงสองวันที่ผ่านมา ใบหน้าที่แต่เดิมเคยซีดเซียวจึงดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก
ยามนี้เขากำลังยืนเอามือไพล่หลัง ใบหน้าหล่อเหลานั่นส่งรอยยิ้มจางๆ ออกมา ครั้นมองแวบแรกจักไม่ต่างจากบุรุษรูปงามที่หาได้ยากในโลกอันแสนวุ่นวายนี้
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วเดินไปข้างหน้าพร้อมรอยยิ้ม และยื่นกระปุกหยกนั่นให้เขา
“นี่แค่ยาเม็ดแรกเท่านั้น หลังจากนี้ท่านยังต้องได้รับการให้ยาอีก และขั้นตอนการรักษาอาจจะหนักหนาสาหัสมากกว่านี้ ข้าหวังว่าคุณชายสี่จะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี”
หลินจือเฟยหยิบเม็ดยาออกมา พลางเม้มปากเบาๆ
“ขอแค่ได้ชีวิตแบบเดิมคืนมา ต่อให้เจ็บปวดเพียงใดข้าก็ไม่สน และคราวนี้ข้า…ติดหนี้บุญคุณเจ้าแล้ว”
แม้ตู๋กูเยว่จะบอกว่านางต้องการช่วยเขา เพื่อตอบแทนความช่วยเหลือของเขาเรื่องประตูอาณาจักรเสิ่นซวี่ในวันนั้น
แต่สิ่งที่เขาทำนั้นเทียบกับน้ำใจอันยิ่งใหญ่ของนางในครานี้ไม่ได้เลย
แม้นางจะยึดมั่นต้องการตอบแทนเขามากเพียงใด แต่ทว่า…สำหรับเขาแล้วมันไม่สำคัญเลย
สิ่งสำคัญคือ นางยังช่วยเขาจัดการปัญหาใหญ่ได้อีกเรื่อง
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะ
“เกรงใจคุณชายแย่”
ตัวนางนั้นไร้ญาติสนิทมิตรสหายในอาณาจักรเสิ่นซวี่ แต่หากนางสามารถพันธมิตรกับตระกูลหลินได้ เวลาจะทำการใดย่อมสะดวกกว่าอย่างมิต้องสงสัย
โดยเฉพาะหลินจือเฟย…ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าภาพลักษณ์ภายนอกมาก
ซึ่งหากทำให้เขารู้สึกเป็นหนี้บุญคุณได้ ย่อมมีแต่ผลดีทั้งนั้น
แต่ทันใดนั้น เด็กรับใช้หนุ่มก็เดินเข้ามาและกล่าวอย่างระมัดระวังว่า
“ท่านประมุขขอรับ นายหญิงรออยู่ข้างนอกกับคุณชายหลู่มาพักใหญ่แล้วขอรับ ท่านจะ…”โนเวลพีดีเอฟ
ก่อนหน้านี้เขาไม่กล้าเข้ามารบกวน แต่พอเห็นว่าฉู่หลิวเยว่กลั่นโอสถเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาจึงเข้ามาแจ้งผู้เป็นนายทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...