หรงซิวพลันรับรู้ได้ถึงการลอบโจมตีจากด้านหลัง
แววตาของเขาเข้มขึ้นกว่าเก่า ก่อนจะปล่อยลำแสงสีทองออกมาจากฝ่ามือ!
ทว่า การเคลื่อนไหวของเขาพลันหยุดชะงัก บนดวงหน้าปรากฏแววประหลาดใจวาบผ่านอย่างหาได้ยาก
เพียงแค่ความลังเลที่เกิดขึ้นชั่วขณะ ลูกธนูดอกนั้นพุ่งมาจากทางด้านหลังเขา มองดูก็รู้ว่ามันกำลังจะเสียบเข้าร่างเขาอยู่รอมร่อ!
“หรงซิว!”
พวกผู้อาวุโสซูเฟิงที่ยืนมองอยู่ไกลๆ ยามเห็นภาพฉากนี้ล้วนตกอกตกใจกันทั่วถ้วน ต่างคนต่างเบิกตากว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด ก่อนจะตะโกนเสียงทุ้มออกไปสุดเสียง
“รีบหลบไปสิ!”
มาเวลานี้แล้ว เหตุใดหรงซิวถึงยังเอาแต่เหม่อลอยอยู่ได้!?
จินเหลยแสยะยิ้ม มุมปากของเขากระดกขึ้น อีกทั้งแววตาก็ส่ออาการเยาะเย้ย ราวกับว่าตัวเองได้กุมชัยชนะไว้ในมือเรียบร้อยแล้ว
หรงซิวนั้นต่อสู้ได้เก่งกาจโดยแท้ ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาทุกคนล้อมหรงซิวเอาไว้ ก็ยังไม่สามารถฉวยอันใดมาจากเขาได้เลยแม้แต่น้อย
แต่แล้วอย่างใดเล่า?
ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ ห้ามเหม่อลอยหรือลังเลเป็นอันขาด ข้อผิดพลาดแค่เพียงเล็กน้อยล้วนนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ร้ายแรงเกินจินตนาการได้ทั้งสิ้น
ทว่าในตอนที่เขาคิดว่าตนสามารถนั่งรอดูหรงซิวบาดเจ็บและพ่ายแพ้ไปได้นั่นเอง เงาร่างสูงโปร่งเพรียวบางของคนผู้หนึ่งพลันปรากฏกายอยู่ด้านหลังหรงซิว!
คนผู้นั้นปรากฏตัวได้กะทันหันนัก เขายังไม่ทันได้รวบรวมพลังของตนด้วยซ้ำ คนก็มาถึงแล้ว!
นี่มันการเคลื่อนย้ายเหนือแสง!
ยามจินเหลยและผู้คนที่อยู่รอบข้างเห็นภาพฉากนี้ ทุกคนต่างก็บังเกิดความคิดแบบเดียวกันขึ้นมา!
ผู้ที่สามารถใช้การเคลื่อนย้ายเหนือแสงได้ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องผู้แข็งแกร่งระดับเทพขึ้นไป แต่พวกเขาล้อมหรงซิวเอาไว้แน่นหนามาก พวกผู้อาวุโสในสำนักที่อยู่ข้างนอกนั่นพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าก็ยังไม่สามารถฝ่าวงล้อมเข้ามาได้ แล้วเหตุใดคนผู้นั้นถึงได้…
เคร้ง!
เสียงปะทะกันเสียก้องกังวานแว่วดังขึ้น!
ที่แท้ก็เป็นคนผู้นั้นใช้กระบี่สีดำในมือปัดป้องลูกธนูเอาไว้!
ซ่า!
ข้อมือของคนผู้นั้นเงื้อขึ้นเล็กน้อย ลูกธนูดอกนั้นถูกปัดออกไปแฉลบเข้ากับคมกระบี่สีดำสนิทเข้าอย่างจัง!
บังเกิดเสียงแหลมเสียดหูยิ่งนัก!
แต่ในชั่วพริบตานั้นเอง กระบี่สีดำของคนผู้นั้นก็ผ่ากลางลูกธนูจนขาดเป็นสองท่อนอย่างว่องไว!
แกร๊ก!
ทุกอย่างที่กล่าวมานั้นล้วนเกิดขึ้นในพริบตาเดียว!
“ใครกัน!?”
ในใจของพวกจินเหลยเริ่มกระวนกระวาย ทั้งหมดต่างจ้องเขม็งไปยังคนผู้นั้น
ทว่าในตอนที่พวกเขาเห็นรูปร่างหน้าตาของคนผู้นั้นอย่างชัดแจ้งแล้ว ก็แสดงสีหน้าตื่นตะลึงโดยพร้อมเพรียงกัน
นั่นมัน…เด็กหนุ่มหรือ?
นั่นเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งจริงๆ!
เขาสวมชุดคลุมสีน้ำเงินแกมเขียว รูปร่างสูงโปร่งเพรียวบาง ดวงหน้าจิ้มลิ้มงดงามนัก บนใบหน้าของเขายังหลงเหลือเค้าลางความอ่อนเยาว์อันเป็นเอกลักษณ์ของอนุชน
ดูแล้ว อย่างใดก็ไม่เกินยี่สิบหนาวแน่นอน
นั่นคือเด็กที่ดูเผินๆ แล้วย่อมไม่สามารถเทียบเคียงกับพวกเขาได้อย่างแน่นอน
ทว่าในครั้งนี้ ด้วยกระบี่สีดำในมือ จู่ๆ เขาก็ทลายแนวกั้นของพวกเขาได้อย่างรวดเร็วและมาปรากฏตัวด้านหลังของหรงซิวเพื่อมาช่วยปัดป้องลูกธนูดอกนั้นให้!
ในพริบตานั้นเอง ฝูงชนต่างก็เข้าใจในทันทีว่า…เขาใช้อาวุธโบราณสักอย่างหนึ่งที่สามารถใช้การเคลื่อนย้ายเหนือแสงได้!
…
ฉากเหตุการณ์อันวุ่นวายพลันเงียบกริบลงในพริบตา
มือทั้งสองของฉู่หลิวเยว่กุมกระบี่เอาไว้ การปัดป้องลูกธนูดอกเมื่อครู่ทำให้ง่ามมือของนางเหน็บชาเลยทีเดียว
หากมิใช่เพราะว่าระยะนี้นางฝึกฝนวิชากับต้าเป่ามาตลอดและพัฒนาพลังกายของตนอย่างเต็มเปี่ยม นางในตอนนี้ย่อมต้องไร้หนทางหยุดการโจมตีครานี้อย่างแน่นอน
นางรับรู้ได้ถึงสายตาเฉียบคมหาสิ่งใดเปรียบจำนวนนับไม่ถ้วนมองมาจากทั่วทุกสารทิศ ประหนึ่งว่าสายตาเหล่านั้นเป็นคมดาบที่ทิ่มแทงบนร่างของนางก็มิปาน!
“เจ้าเป็นใครกัน!?”
จินเหลยตะโกนเสียงเข้ม
เดิมทีด้วยความไม่รู้ตัว เขานั้นอยากจะเห็นนักว่าคนผู้นั้นมีขั้นพลังปราณแบบใดกันแน่ ทว่าเขากลับประหลาดใจเมื่อพบว่าอีกฝ่ายนั้นปกปิดลมปราณของตนได้ดีเยี่ยมเลยทีเดียว
ต่อให้เป็นเขาก็ไร้หนทางสอดส่องความสามารถที่แท้จริงของเด็กหนุ่มผู้นั้น
เพียงแต่ว่า หากสามารถปัดป้องลูกธนูเมื่อครู่ได้ ดูเหมือนว่าอย่างน้อยที่สุดก็ต้องเป็นจอมยุทธ์ระดับเก้าแล้ว
ยามมองดวงหน้าอ่อนเยาว์ใบนี้แล้ว แทบไม่มีใครเชื่อมคำว่า ‘ผู้แข็งแกร่งระดับเทพ’ เข้ากับคนผู้นี้ได้อย่างแน่นอน
ฉู่หลิวเยว่กลับเมินคำพูดของเขาโดยสิ้นเชิง ทำเพียงแค่หันศีรษะไปมองหรงซิวแวบหนึ่งเท่านั้น
ครรลองสายตาคนทั้งสองสบประสานกัน
ความประหลาดใจแลตื่นตกใจในแววตาของหรงซิวล้วนมลายไปหมดสิ้น หลงเหลือเพียงสีดำเข้มทะมึนที่มองเห็นได้เลือนรางเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...