ทันทีที่สิ้นเสียงนี้ สีหน้าของผู้ชายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็เปลี่ยนไป
เจียงจื่อหยวนก็ได้สติกลับมาแล้ว ในใจของนางเต้นแรงขึ้นมา
…เหตุใดนางถึงพูดสิ่งเหล่านี้ออกมาในที่สาธารณะ!
แม้ว่าในใจของนางจะคิดเช่นนั้นจริงๆ หรือว่าหลายคนก็คิดเช่นนั้น แต่คำพูดเช่นนี้ไม่ควรหลุดออกมาจากปากของนาง!
รอบข้างเงียบไปทันทีโดยเห็นได้ชัด
บางคนที่ยืนอยู่บริเวณใกล้เคียงก็หันมามอง สีหน้าประหลาดใจ แววตาหรี่ลงเล็กน้อย
เหมือนว่าด้านหลังของนางมีแสงสว่างส่องประกาย ในตอนนั้นนางแทบจะแทรกแผ่นดินหนี!
คำพูดบางคำ คนอื่นสามารถพูดได้ แต่ตัวเองพูดออกไปไม่ได้!
ก่อนหน้านี้นางส่งสัญญาณลับมาหลายครั้ง และแสดงออกอย่างต่อเนื่องว่านางโดนแย่งความรักไป มีคนจำนวนมากที่ไม่รู้สถานการณ์ของพระราชวังเมฆาสวรรค์อย่างชัดเจน คนส่วนใหญ่แล้วจึงเชื่อคำพูดของนาง คิดว่านางได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างที่สุด จึงรู้สึกเห็นอกเห็นใจและสงสาร
แต่ถ้านางพูดออกมาเองแบบนี้ ลักษณะนิสัยของนางก็จะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
นี่เหมือนนางกำลังจะบอกทุกคนว่า นางคิดว่าตำแหน่งพระชายานั้นเป็นของนางมาโดยตลอดเลยใช่หรือไม่?
“ข้า ข้าไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น…”
เจียงจื่อหยวนลุกลี้ลุกลนขึ้นมา ต้องการจะอธิบายเดี๋ยวนี้
แต่นางตะกุกตะกักอยู่นาน หาข้ออ้างที่เหมาะสมไม่ได้เลยแม้แต่สักส่วน
ยิ่งตื่นเต้น ก็ยิ่งไม่รู้ว่าจะกอบกู้สถานการณ์นี้อย่างใด
“ศิษย์พี่เจียงจื่อหยวน”
ในตอนนั้นเองน้ำเสียงเย็นชาสายหนึ่งก็ดังขึ้น ทำลายบรรยากาศที่เหมือนถูกแช่แข็งทิ้งไปทั้งหมด
เจียงจื่อหยวนรีบหันกลับไปมองทันที แต่กลับเห็นว่าคนที่พูดนั้นเป็นเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งอายุประมาณยี่สิบ
เขาสวมชุดคลุมสีเขียว ใบหน้าหล่อเหลา รูปร่างสูงโปร่ง
เพียงแค่เขายืนอยู่ตรงนั้น ก็เหมือนกับภาพวาดหมึกดำ
สีม่านตาของเขานั้นอ่อนกว่าคนทั่วไปมาก จึงทำให้เขาดูแตกต่างจากคนทั่วไปอยู่หลายส่วน
“เจ้าคือ…หลินจือเฟย?”
เจียงจื่อหยวนจำได้ว่านางเคยเห็นใบหน้าของคนผู้นี้มาก่อน
ถ้าจำไม่ผิดละก็ คนพวกนี้ก็เป็นหนึ่งในศิษย์ใหม่ของสำนัก และเป็นคนแรกที่อยู่ในรายชื่องานประลอง
ชิงอวิ๋น
ในขณะเดียวกันเขาคือคุณชายตระกูลหลินแห่งผาแดนสวรรค์
ในตอนแรกที่ฉู่หลิวเยว่เดินทางมาที่พระราชวังเมฆาสวรรค์ นางก็ตามพวกเขาไปที่นั่นด้วย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ในใจของเจียงจื่อหยวนก็เกิดความรำคาญขึ้นมา
เรื่องที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแม่นางคนนั้น นางเกลียดชังมันทั้งหมด!
“เจ้ามีอันใดกับข้างั้นหรือ?”
น้ำเสียงของเจียงจื่อหยวนเย็นชาลงอย่างเห็นได้ชัด
แต่เหมือนว่าหลินจือเฟยจะไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย แล้วยิ้มออกมาบางๆ
“มีเรื่องหนึ่ง ได้ยินมาว่าศิษย์พี่เจียงจื่อหยวนโดดเด่นเรื่องค่ายกล จือเฟยจึงอยากจะได้คำชี้แนะ ไม่ทราบว่า…จะได้หรือไม่?”
ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง
ในใจเจียงจื่อหยวนเย็นยะเยือก แต่สีหน้ากับราบเรียบ
“ศิษย์น้องหลิน เจ้าเพิ่งได้ขึ้นลำดับของงานประลองชิงอวิ๋น ด้วยความเป็นเด็กจึงอยากจะหาคนมาท้าประลองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เรื่องนี้ก็ไม่ได้มีความผิดแปลกอันใด แต่คนที่เจ้าเลือกน่ะ เจ้าต้องเลือกให้ดีๆ หน่อย ในที่แห่งนี้มีปรมาจารย์ด้านค่ายกลอยู่จำนวนไม่น้อย เจ้าสามารถแลกเปลี่ยนความรู้กับพวกเขาได้ เจ้าไม่ควร…จะมาเสียเวลากับข้าเลย”
คำพูดนี้พูดแล้วก็เหมือนเกรงใจ แต่ความจริงแล้วนางกำลังประชดว่าหลินจือเฟยฝีมือไม่พอ ไม่ดูกำลังตัวเอง
ไม่ว่าจะเป็นใครก็หลีกเลี่ยงที่จะโกรธไม่ได้
แต่เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของหลินจือเฟยก็ยังเป็นปกติ ราวกลับไม่ได้ใส่ใจมันเลยแม้แต่น้อย
“ศิษย์พี่เจียงจื่อหยวนพูดได้ถูกต้อง คนที่ฝีมือห่างไกลกัน ไม่ควรมาเปรียบเทียบกับคนที่แข็งแกร่งกว่ามาก ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ สุดท้ายแล้วก็จะเป็นตนเองที่บาดเจ็บและอับอาย”
เจียงจื่อหยวนหน้าเปลี่ยนสี
นี่เป็นการด่านางอย่างโจ่งแจ้ง!
ใช้หัวแม่เท้าคิดก็รู้แล้วว่า หลินจือเฟยกำลังพูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในพระราชวังเมฆาสวรรค์!
นางแพ้ฉู่หลิวเยว่คนนั้นติดต่อกันมาหลายครั้ง!
“นี่เจ้าหมายความว่าอย่างใดกันแน่?”
ในที่สุดเจียงจื่อหยวนก็หมดความอดทนแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...