ชือรุ่ยเออร์ชะงัก พลันเอ่ยถาม
“ผู้อาวุโสเจ้าคะ พวกเรา… จะทำอย่างใดกันดี?”
แค่ก่อนหน้านี้ก็เกิดเรื่องวุ่นวายมากพอแล้ว และตอนนี้ยังเกิดเรื่องแบบนี้อีก…
แผนพาตัวฉู่เยว่ออกมา ดูท่าจะสิ้นหวังเสียแล้ว
“ฮวาเฟิง พวกเรารออยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว”
ผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่อยู่ด้านหลังก้าวเท้าออกมา เขากล่าวย้ำพลางขมวดคิ้ว
แม้คลื่นความผันผวนเหล่านั้นจะหยุดลงแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากนี้มันจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่?
พวกเขารอดมาได้เพราะหนีทัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะโชคดีเช่นนี้ทุกครั้ง
อีกอย่าง ประตูบานใหญ่ด้านหน้านั่นก็ถูกปิดตายไปแล้ว
ทุกคนล้วนหันมามองผู้อาวุโสฮวาเฟิง เพื่อรอเขาตัดสินใจ
หลังจากนิ่งเงียบไปพักใหญ่ ผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็เอ่ยว่า
“พวกเจ้าถอยไปก่อน ข้าจะเดินไปดูข้างหน้าเสียหน่อย”
“ผู้อาวุโสเจ้าคะ!”
ชือรุ่ยเออร์ตะโกนเรียกเขา ด้วยความร้อนรนไปทั้งใจ
ถึงนางจะเป็นห่วงฉู่เยว่ แต่การปล่อยให้ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเข้าไปคนเดียวนั้นอันตรายเกินไป
“ตรงนี้ไม่ปลอดภัย พวกเจ้าไปก่อนเถอะ ข้าขอไปดูสักหน่อย เดี๋ยวกับมา”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงจ้องมองนางด้วยสายตาผ่อนคลาย และหันไปเอ่ยกับผู้อาวุโสอีกคนว่า
“ไม่นานตันชิงน่าจะมาถึงที่นี่ เจ้าพาพวกเขาไปหลบในที่ที่ปลอดภัยก่อน”
“ตกลง”
ผู้อาวุโสคนนั้นตอบตกลง ก่อนจะหมุนตัวจากไปพร้อมกับคนอื่นๆ
เดิมทีชือรุ่ยเออร์อยากจะโน้มน้าวเขาอีกครั้ง แต่พอลองคิดๆ ดูแล้ว สุดท้ายนางก็กลืนคำพูดที่เหลือลงไป
ผู้คนจากภูเขาหลิงอวิ้นกวาดสายตามองไปรอบๆ และหลังจากทบทวนดูดีๆ แล้ว พวกเขาก็ตัดสินใจล่าถอยในที่สุด
เจียงจื่อหยวนตามพวกเขาไป ขาเรียวก้าวไปสองก้าว และอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองอีกครั้ง
ภายในหุบเขาเต็มไปด้วยก้อนหินและฝุ่นควันลอยคลุ้งในอากาศ
และคนที่ถูกขังอยู่ข้างใน… ก็น่าจะถูกขังอยู่ในนั้นไปตลอดชีวิตแล้วกระมัง?
…
ด้านในประตูบานใหญ่
ฉู่หลิวเยว่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น ดวงตาสองข้างปิดสนิท พลางกลืนกินพลังปราณรอบตัวอย่างดุเดือด
ไข่มุกธาราในจุดตันเถียนหมุนวนเร็วขึ้นและเร็วขึ้น
ทั่วทั้งบริเวณเงียบสงบ กาลเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า
รอยแตกร้าวปรากฏบนป้ายหลุมศพมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่นางมิได้สังเกต
ความเข้มข้นของพลังปราณทั้งหมดในที่แห่งนี้ เพิ่มพูนความรุนแรงมากขึ้นเช่นกัน
ฉู่หลิวเยว่ดูนิ่งเฉยราวไม่เหน็ดเหนื่อย นางปล่อยให้พลังเหล่านั้นหลั่งไหลเข้าไปในร่างกาย ผ่านตามเรียวแขนขาและเข้าไปในกระดูกของนาง
กระทั่งผ่านไปสักพัก นางก็สัมผัสได้ถึงซึ่งค่ายกลที่มองไม่เห็นอย่างแผ่วเบา
ระดับแปดขั้นกลาง!
แวบหนึ่งฉู่หลิวเยว่รู้สึกประหลาดใจมาก
ดูเหมือนความเร็วในการฝึกของนางขณะอยู่ที่นี่ จักรวดเร็วกว่าการฝึกด้านนอกเสียอีก
ถึงมันจะเทียบกับภูเขาเฝิงหมินไม่ได้ แต่แค่นี้ก็ถือว่าโดดเด่นมากแล้ว
จวบจนถึงยามที่นางต้องทะลวงขั้นพลังปราณแบบไม่ทันได้ตั้งตัว
ฉู่หลิวเยว่ในตอนนี้ ตระหนักได้แล้วว่าการไหลเวียนของเวลาในถ้ำและด้านนอกต่างกันมาก
และไม่รู้ว่าพลบเพลาข้างนอกนั้น ล่วงเลยไปนานแค่ไหนแล้ว…
โดยทั่วไปแล้ว สถานที่ที่สามารถบิดเบือนการไหลเวียนของเวลาได้เช่นนี้ ล้วนเป็นอาณาเขตของเซียนเทพทั้งสิ้น…
ความคิดนี้แวบเข้ามาให้หัวของฉู่หลิวเยว่
แต่ก็จำต้องรีบปัดทิ้งไป และเริ่มให้ความสนใจและตั้งจิตไปที่การทะลวงขั้นพลังปราณแทน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...