ยามเช้าตรู่ บนถนนใหญ่และตรอกซอยในเมืองหลวงได้เต็มไปด้วยฝูงชนหมดแล้ว
ไม่ว่าจะด้วยความอยากรู้อยากเห็น สงสาร หรือเหตุผลอื่นใด ทุกคนต่างแห่กันไปที่ประตูใหญ่ทางเข้าพระราชวัง
และรอบๆ สนามประหารมีทหารสวมชุดเกราะยืนเฝ้าเอาไว้หมดแล้ว
หรงจิ่วยังไม่ถูกคุมตัวมา แต่รอบๆ นั้นมีผู้คนยืนอยู่เต็มไปหมดและชุลมุนวุ่นวายสุดๆ
“เห้อ เมื่อหลายปีก่อนองค์ชายสามคนนี้เป็นถึงทหารกองทัพทางตะวันตกเฉียงเหนือ! รุ่งโรจน์อย่างหาที่สุดไม่ได้! ใครจะรู้ว่าเพียงพริบตาเดียวก็กลายเป็นนักโทษประหารไปแล้ว?”
“ยิ่งสูงยิ่งหนาวอย่างใดล่ะ… หลายเดือนที่ผ่านมาเขาไม่ออกจากประตูเมืองของเมืองหลวงเลยด้วยซ้ำ ความคิดของคนที่อยู่ข้างบนคนนั้นยังไม่ชัดเจนอีกรึ? จากที่ข้าดูแล้ว ข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ และการประหารนั้นเป็นความจริง!”
“แต่ตอนนี้ข้างในก็เหลือองค์ชายเพียงไม่กี่องค์แล้ว องค์ชายสามก็เป็นคนที่เหมาะที่ถูกเลือกมาเป็นรัชทายาทมากที่สุดแล้ว ทำแบบนี้มันไม่โหดเหี้ยมเกินไปหน่อยรึ…”
“เราจะรู้เรื่องภายในวังมากเท่าใดกันเชียว? ถึงอย่างใดตอนนี้ก็ถือว่ายังเป็นยุคแห่งความรุ่งเรืองของคนคนนั้น รออีกไม่กี่ปี องค์ชายที่อยู่เบื้องล่างก็จะเติบโตขึ้นมาแทนอยู่ดีไม่ใช่รึ?”
“น่าเสียดายที่มารดาแท้ๆ ขององค์ชายสามได้สิ้นพระชนม์ไปแล้ว แถมยังมียศศักดิ์ที่ต่ำด้วยด้วย ในตอนนี้จึงไม่มีใครที่จะสามารถช่วยได้เลยสักคน…”
ผู้คนพากันวิพากษ์วิจารณ์ และมีความเห็นต่อเรื่องนี้แตกต่างกันออกไป
แต่ใครๆ ก็รู้ว่า ตอนนี้ทุกอย่างได้ถูกกำหนดเอาไว้หมดแล้ว
เวลาค่อยๆ ผ่านไปทีละนิด และดวงอาทิตย์ก็ค่อยๆ เลื่อนขึ้นมาอยู่บนท้องฟ้า
ทันใดนั้น ฝูงชนที่เดิมทีกำลังเสียงดังวุ่นวายก็เงียบลงทันที
ทุกคนพากันแยกออกไปอยู่สองฝั่งทาง และทิ้งเส้นทางหนึ่งให้โล่ง
ทุกคนต่างสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง จึงพากันหันไปมอง
คนและม้าขบวนหนี่งกำลังเดินมาทางนี้
และคนที่นำหน้ามานั้นก็คือซือเย่จือแห่งตระกูลซือ
เห็นได้ชัดว่าที่เขามาวันนี้นั้นมาเพื่อรับหน้าที่ดูแลเรื่องการประหาร
ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว สีหน้าตอนนี้ดูแล้วซือเย่จือดูโทรมมาก แก้มทั้งสองข้างบุ๋มลึกลงไป ในดวงตาทั้งสองข้างก็เต็มไปด้วยเส้นเลือด
เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ทำให้เขาได้รับผลกระทบไม่น้อย
เพราะสุดท้ายแล้วจักรพรรดินีซือฮุ่ยจิ้งก็เป็นน้องสาวแท้ๆ ของเขา…
เพิ่งจะเสร็จสิ้นพิธีศพขอจักรพรรดินี ก็มีเรื่องนี้มาอีก เขาจึงไม่มีแม้แต่เวลาที่จะพักผ่อน
ซือเย่จือเดินมุ่งไปข้างหน้าทีละก้าว
เขารู้สึกได้ถึงดวงตาที่แตกต่างกันนับไม่ถ้วนรอบตัวตกลงมาที่ตัวเขา
แต่ที่จริงแล้ว ทั้งตัวและใจของเขาตอนนี้เกือบจะด้านชาไปหมดแล้ว
เดิมทีแล้วเขาไม่อยากมา แต่ฝ่าบาททรงรับสั่งและเขาทำได้เพียงทำตามเท่านั้น
รถนักโทษค่อยๆ ตามหลังเขามา
ในกรงเหล็ก ชายผู้สวมชุดนักโทษที่ถูกล็อคมือและดูอึดอัดก็คือองค์ชายสามองค์หรงจิ่ว!
เขาถูกบังคับให้นั่งคุกเข่าอยู่ตรงนั้น ก้มศีรษะลงเล็กน้อย ผมยุ่งๆ แผ่ลงมาปกคลุมเกือบทั้งใบหน้าของเขาเอาไว้
แต่ทุกคนยังคงสามารถมองเห็นสีหน้าของเขาในตอนนี้
ทั้งเยือกเย็นและไม่แยแส
หลังจากผ่านความเป็นและความตายในสนามรบมาแล้ว จนทำให้ร่างกายของเขามีกลิ่นอายความแข็งแกร่ง!
ไม่มีร่องรอยของความตื่นตระหนกและความสิ้นหวังอยู่เลยสักนิด
รอบๆ รถเรือนจำก็มีทหารคุ้มกันคอยติดตามอย่างใกล้ชิด
แต่ถึงนำคนเหล่านั้นรวมกัน ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็สู้หรงจิ่วคนเดียวไม่ได้
อาจเป็นเพราะเป็นโรคติดต่ออารมณ์บางอย่าง ทำให้ทุกที่ที่รถในเรือนจำผ่านนั้น ต่างเงียบสงัดไปหมด
คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าก็ถึงกับก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
ไม่รู้ว่าเหตุใดองค์ชายสามคนนี้ถึงทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกตกใจแปลกๆ เช่นนี้…
เมื่อถึงแดนประหารแล้ว ซือเย่จือก็ยกมือขึ้น แล้วรถคุมขังก็จอดลงในที่สุด
“นำตัวลงมา!”
เมื่อออกคำสั่งแล้ว ทหารคุ้มกันที่ตามมาก็ก้าวไปข้างหน้าทันที จากนั้นนำหรงจิ่วออกมาจากกรงเหล็ก
นำดาบคมสองเล่มจี้อยู่บนคอของหรงจิ่วพลางผลักเขาไปที่แท่นกลางแดนประหาร
ตั้งแต่ต้นจนจบ การแสดงออกของหรงจิ่วไม่เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด
เพียงแต่สุดท้ายเมื่อยืนอยู่ตรงตำแหน่งประหารแล้ว เขาก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังพระราชวัง แล้วความเยาะเย้ยก็แวบผ่านดวงตาของเขาไป
ดูแล้ว เสด็จพ่อคงไม่เปลี่ยนใจแล้ว
ถึงอย่างใดวันนี้เขาก็ต้องตายแน่นอน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...