ต้นฤดูหนาวในเมืองหลวงอากาศหนาวเย็นและมีลมแรง
ทั้งในและนอกประตูเมือง มีทหารของทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน
เวลาผ่านไปทีละนิด แสงระเรื่อก็ค่อยๆ ดับลง และบรรดาทหารติดอาวุธพรั่งพร้อมกว่าห้าพันคนยืนเรียงแถวหน้าประตูเมือง พร้อมกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็น
ผ่านไปสักพัก ก็รู้สึกเหมือนได้กลิ่นของฝุ่นและเลือดที่ผสมกันอบอวลอยู่ในอากาศ
มีทหารคุ้มกันที่มีอาวุธครบมืออยู่บนกําแพงเมือง
โดยมีชายร่างสูงใหญ่ในชุดเกราะสีดำคนหนึ่งยืนอยู่ตำแหน่งตรงกลางสุด
คนๆ นี้ก็คือรองแม่ทัพของของทหารคุ้มกันที่ชื่อว่าจ้าวหมิง!
เมื่อฉู่หนิงไม่อยู่ เขาจึงได้รับคำสั่งให้เป็นแม่ทัพที่มีอำนาจสูงสุดของเหล่าทหารคุ้มกันในสถานการณ์วิกฤตครั้งนี้
ดวงตาของเขาจ้องไปทางข้างหน้าพลางตะโกน
“แม่ทัพกองทัพภาคตะวันตกเฉียงเหนือเว่ยหลินอยู่ที่ใด!?”
ทันใดนั้นเสียงทุ้มและทรงพลังก็แผ่กระจายไปทั่ว!
ชายชุดเกราะสีแดงคนหนึ่ง ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว
“ข้าอยู่นี่!”
เป็นชายที่รูปร่างกำยำแข็งแกร่งมาก ดูแล้วอายุไม่เกินสามสิบปี ไว้เคราบนใบหน้า ดูดุดันมาก
จ้าวหมิงสูดหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับแววตาที่เย็นชา
เว่ยหลินมีชื่อเสียงมากในกองทัพทหารภาคตะวันตกเฉียงเหนือ เขาเป็นคนมุทะลุและมีความสามารถที่แข็งแกร่ง! อีกทั้ง…ยังเป็นนักต่อสู้ระดับห้าที่โลดแล่นอยู่ในสนามรบจริงๆ ด้วย!
เขาคนเดียวสามารถเอาชนะศัตรูกว่าร้อยคนได้!
ไม่ต้องพูดถึงทหารหลายพันคนที่อยู่ข้างหลังเขา ซึ่งดูแล้วก็เป็นสิ่งที่เขาสามารถรับมือได้ไม่ยาก!
ครั้งนี้หรงจิ่วได้เตรียมตัวทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว!
“ตามกฎหมายของแคว้นเย่าเฉินแล้ว ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากฝ่าบาทแล้วรองแม่ทัพไม่สามารถออกจากกองทัพทหารได้! และยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่สามารถพาทหารเข้ามาในเมืองหลวง! เว่ยหลิน เจ้าคิดจะกบฏใช่หรือไม่!?”
เว่ยหลินหัวเราะลั่น
“จ้าวหมิง! เจ้ามีความสามารถไม่พอข้าก็ว่าแย่แล้ว ที่จริงแล้วสมองของเจ้าก็ใช้ไม่ได้เช่นกันรึ! ข้าบอกแล้วว่านี่ไม่ใช่การกบฏ! เพียงแต่สิ่งที่ฝ่าบาทกระทำกับองค์ชายสามนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผล! อีกอย่างยังทำร้ายจิตใจของทุกคนในกองทัพภาคตะวันตกเฉียงเหนือด้วย! ที่พวกข้ามาที่นี่ นอกจากมาเพื่อช่วยองค์ชายสามแล้ว ก็ยังเป็นการคลี่คลายข้อสงสัยของพวกเราเองด้วย!”
จ้าวหมิงกำลังจะโต้เถียงกลับ แต่ทันใดนั้นฝูงชนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็เคลื่อนไหวขึ้นมา
จากนั้น ก็เกิดเสียงฝีเท้าของขบวนทหารดังขึ้นก่อนจะพากันแยกออกเป็นสองฝั่ง!
และแล้วก็มีชายผู้หนึ่งเดินมาจากทางด้านหลัง!
เขาสวมชุดเกราะเอาไว้ ใบหน้าของเขาดูเคร่งขรึมและหล่อเหลามาก!
ชายผู้นั้นก็คือหรงจิ่ว!
จ้าวหมิงใจเสียทันที
สุดท้ายแล้วหรงจิ่วก็ยังสามารถหนีออกมาได้!
หลังจากเกิดความโกลาหลในแดนประหารครั้งก่อน กองทหารรักษาการณ์ก็ถูกส่งไปรวมตัวกันเพื่อค้นหาที่อยู่ของหรงจิ่วทั่วเมืองหลวง
แต่ก็ไม่สามารถพบตัวจนกระทั่งถึงตอนที่เขาเดินเข้ามา
ที่จริงแล้วหรงจิ่วนั้นได้อาศัยช่วงที่ชุลมุนนี้ออกจากเมืองหลวงไปแล้ว!
ในเวลานี้ ชุดนักโทษและกุญแจมือจากเรือนจำของเขาได้หายไปแล้ว และเขาสวมชุดเครื่องแบบทหารที่ดูชั่วร้ายอำมหิตสุดๆ!
“ต้อนรับการกลับมาของฝ่าบาท!”
เว่ยหลินนำมือประสานแล้วคารวะก่อน จากนั้นคนที่อยู่ข้างหลังก็พากันตะโกนอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ต้อนรับการกลับมาของฝ่าบาท!”
พวกเขาตะโกนเสียงดังสนั่น!
หรงจิ่วกำหมัด แล้วเสียงก็เงียบสงัดลงทันที
พวกกองทัพทหารคุ้มกันของจ้าวหมิงเห็นเหตุการณ์นี้แล้วก็พากันนิ่งอึ้งไปทันที
การสั่งหยุดแบบนี้ และการที่หรงจิ่วสามารถทำถึงขั้นนี้ได้นั้น เพียงพอที่จะทำให้เห็นศักดิ์ศรีและอำนาจของเขาที่มีอยู่ในกองทัพแล้ว!
ไม่แปลกใจที่เขากล้าทำเช่นนี้!
หรงจิ่วมองจ้าวหมิงด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก
“จ้าวหมิง ข้าไม่ต้องการทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ดังนั้นข้าจะให้โอกาสเจ้า สั่งเปิดประตูเมืองซะ! ไม่เช่นนั้น… อย่าหาว่าข้าไร้ความปราณีต่อเจ้า!”
จ้าวหมิงจะยอมทำตามได้อย่างใด!?
“องค์ชายสาม! หากท่านทำสิ่งที่ทรยศเช่นนี้ สุดท้ายแล้วท่านจะถูกคนทั้งโลกประณาม! ท่านกลับใจเถิด! ตามกระหม่อมกลับไปตอนนี้และสารภาพผิดต่อฝ่าบาทเสียเถิด!”
หรงจิ่วแสยะยิ้ม
“ก่อนหน้านี้ข้าได้กลายเป็นคนทรยศไปแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ข้าก็อยู่กับฉายานี้ต่อไปไม่ดีกว่ารึ!”
จ้าวหมิงรู้สึกร้อนรนใจขึ้นมาทันที
“ข้าเจ้าร่วมกองทัพทหารตั้งแต่อายุสิบสี่ปี และได้ทำการสู้รบมาเป็นเวลาหลายปี ฆ่าศัตรูไปนับไม่ถ้วน! บนตัวของข้ามีรอยแผลเป็นทั้งหมดยี่สิบสามรอย แต่ละรอยนั้นเสี่ยงชีวิตทั้งนั้น! ข้าสละหยาดเหงื่อกายใจเพื่อแคว้นเย่าเฉินถึงเพียงนี้ แต่สุดท้ายกลับได้มาเพียงชุดนักโทษและความผิดนับไม่ถ้วน!”
เขาจะยอมรับความผิดนี้ได้อย่างใด!?
สารภาพผิด?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...