“และ…และก็…เหมือนว่าพวกขุนนางจากตระกูลในเมืองหลวง…จะยอมสิโรราบต่อองค์ชายสามเลยพะย่ะค่ะ…ฝ่าบาท”
ชายคนนั้นยังคงพูดตะกุกตะกักต่อไป
จักรพรรดิจยาเหวินพลันตัวแข็งทื่อราวกับถูกฟ้าผ่า
“ที่ว่ามานั่น หมายความว่าอย่างใด!”
ชายคนนั้นรวบรวมความกล้าพลันเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองไปรอบๆ ก่อนจะหลับตาลงอย่างรวดเร็ว
“คือ…เหมือนว่า…ก่อนหน้านี้ขุนนางจากตระกูลใหญ่…ทั้งหมด…ได้มีการเจรจาหารือกับองค์ชายสามไว้แล้ว หลังจากที่พวกกบฏเข้าไปในเมืองหลวงได้ ทุกอย่างก็จะราบรื่นเป็นไปตามแผนขององค์ชายสามพะย่ะค่ะ!”
ความจริงแล้ว เขาเข้าใจความหมายของมัน ตั้งแต่ที่ชายคนนี้รายงายครั้งแรกแล้ว
แต่เขาคิดว่ามันไร้สาระเกินไป! มากเสียจนเขาปักใจเชื่อไม่ลง
เกิดความเงียบสงัดขึ้นในห้องโถง
พร้อมดวงตาของจักรพรรดิจยาเหวินที่มืดหม่นชั่วขณะหนึ่ง
“เป็นไปได้อย่างใด!? ตระกูลขุนนางเหล่านี้ล้วนได้รับการสนับสนุนจากข้า! ไม่น่าจะ…”
ทว่าพูดไม่ทันจบ เขาก็นึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ พลันหันขวับไปมองกลุ่มคนที่ยืนอยู่ในห้องโถง!
“พวกเจ้า! พวกเจ้าบางคนตั้งตนทรยศข้ามาตั้งนานแล้วใช่หรือไม่!?”
ในตอนนี้ ผู้อาวุโสส่วนใหญ่ของตระกูลผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวงกำลังยืนอยู่ที่นี่!
หากหรงจิ่วนำกองทหารเข้ามาได้โดยไร้ผู้ขัดขวาง…แสดงว่าก่อนหน้านี้มีคนสั่งเปิดทางให้เขา!
แต่คำตอบที่ได้นั้นกลับเป็นความเงียบที่น่ากลัวยิ่งกว่า
“เจ้าสินะ? หรือเจ้า?! หรือจะเป็นพวกเจ้าทั้งหมด!?”
จักรพรรดิจยาเหวินไม่เคยคิดมาก่อนว่าสิ่งต่างๆ จะพลิกผันถึงเพียงนี้!
ไม่แปลกเลยที่หรงจิ่วจะอวดดีเช่นนี้ นั่นเพราะว่าเขาเตรียมการณ์ไว้อย่างดีแล้ว!
มีคนคิดทรยศอย่างลับๆ ซ่อนอยู่มากมาย แต่เขากลับไม่รู้ตัวเลย!
“มันคือผู้ใดกัน!?”
จักรพรรดิจยาเหวินรู้สึกเย็นวาบไปทั่วร่างกายของเขา
“ฝ่าบาท ทรงใจเย็นก่อนพะย่ะค่ะ! กระหม่อมขอเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ตระกูลซือไม่มีวันทรยศท่านแน่นอน พะย่ะค่ะ!”
ซือเย่จือก้าวไปข้างหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
ก่อนที่หรงจิ่วจะหนีออกจากสนามรบ เขาค้นหาอยู่นานแต่ไม่พบ และต่อมา เมื่อเขาได้ยินว่าหรงจิ่วเคลื่อนทัพมาถึงหน้าประตูเมืองได้สำเร็จ เขาก็รีบกลับวังเพื่อสารภาพผิดทันที
เขาคิดไม่ถึงว่าเพียงช่วงเวลาสั้นๆ สถานการณ์จะกลับตาลปัตรขนาดนี้!
“ฝ่าบาท ตระกูลฉู่เองก็เช่นกัน พะย่ะค่ะ!”
ฉู่เซียวรีบโพล่งออกไปอย่างรวดเร็ว เพื่อแสดงความจงรักภักดีของตน
ตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เขาถูกตำหนิอย่างรุนแรงในห้องทรงงานของจักรพรรดิ ฉู่เซียวก็ไม่เคยมาเหยียบที่นี่อีกเลย
ทว่าในที่สุดวันนี้เขาก็ได้รับโอกาสแสดงจุดยืนของตน ดังนั้นเขาจึงต้องรีบประจบประแจงเป็นธรรมดา
หลังจากนั้น ขุนนางแต่ละคนก็เริ่มทยอยเอ่ยปากออกมา
อย่างใดก็ตาม ขุนนางจากหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ อย่างตระกูลกู่และตระกูลลู่ กลับมิได้เอื้อนเอ่ยคำได้อยู่นาน
จักรพรรดิจยาเหวินตัวสั่นด้วยความโกรธ
“แล้วพวกที่เหลือ…ที่ไม่พูดเล่า…พวกเจ้ายอมสิโรราบแก่สิ่งชั่วร้ายนั่นแล้ว อย่างนั้นหรือ!?”
แต่ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากนอกห้องโถง
“ท่านพ่อ ท่านเองก็รู้ดีแก่ใจมิใช่หรือว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น? เช่นนั้นแล้วยังจะหาแพะรับบาปไปเพื่ออันใดอีก? ยิ่งทำเช่นนั้น ท่านก็มีแต่จะยิ่งเสียหน้ามากกว่าเดิม”
จักรพรรดิจยาเหวินก็เงยหน้าขึ้นมองทันที ก่อนจะเห็นทหารเลวกลุ่มหนึ่งสาวเท้าเข้ามาใกล้ห้องโถงอย่างรวดเร็ว! พลันกระจายตัวออกเป็นสองกลุ่มไปยืนอยู่ด้านข้าง!
พลันร่างเงาที่เต็มด้วยจิตสังสารก็โผล่ออกมาจากตรงกลาง!
เขาคือหรงจิ่ว!
ไม่นานก่อนหน้านี้เขายังสวมชุดนักโทษและมีสภาพที่น่าเวทนา ขณะรอให้มีดกิโยตินหล่นลงปริดชีวิตอยู่เลย
ทว่ายามนี้ เขากลับสวมชุดเกราะ และนำทัพทหารเลวเข้ามาบุกวังหลวงอย่างอุกอาจ!
และสุดท้ายเขาก็มายืนอยู่นอกห้องโถงใหญ่! พร้อมมองดูจักรพรรดิจยาเหวินด้วยสายตาแน่นอน!
“ไม่เจอกันนาน สบายดีหรือไม่ ท่านพ่อ?”
ในที่สุดร่องรอยของความหวาดกลัวก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นในใจของจักรพรรดิจยาเหวิน
“พวกเจ้า! คุ้มกันข้า!”
ฉู่เซียวรีบวิ่งไปข้างหน้าพร้อมกับคนอื่นๆ อีกหลายคน
แต่ทว่ายังไม่ทันจะได้ยืนตั้งท่าพร้อมรบ เขากลับได้ยินหรงจิ่วพูดแทรกเสียก่อน
“ข้าไม่ต้องการทำร้ายผู้ไม่เกี่ยวข้อง ขอเพียงคนในห้องโถงนี้จำนนต่อข้า ข้าสัญญาว่าจะไม่แตะต้องตระกูลของพวกเจ้า”
ฉู่เซียวตะโกนเสียงดังทันที
“ประเดี๋ยวก่อน! เจ้ากำลังก่อกบฏครั้งใหญ่! ตำแหน่งจักรพรรดิมีเพียงผู้เดียวเท่านั้น! หรงจิ่ว การที่เจ้าทำเช่นนี้สุดท้ายเจ้าก็ต้องโดนบั่นคอ!”
“หือ? เช่นนั้นหรือ?”
หรงจิ่วยกมีดเล่มยาวในมือของเขาและค่อยๆ เช็ดคราบเลือดที่เกาะอยู่ออก
“ผู้อาวุโสใหญ่ฉู่ พวกเจ้าคงไม่รู้ว่าตอนนี้เมืองหลวงตกอยู่ภายใต้การควบคุมของข้าแล้วสินะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...