เมฆดำทะมึนก่อตัวพลุ่งพล่าน จนเกิดม่านอากาศสีดำทมิฬขึ้นระหว่างผืนฟ้ากับแผ่นดิน!
ลำแสงนั้นพุ่งตรงขึ้นไปบนท้องฟ้า และจมหายเข้าไปในกลีบเมฆ หากมองจากระยะไกลแล้วราวกับว่ามันกำลังเชื่อมเอาสวรรค์กับโลกเข้าด้วยกัน!
และด้านบนนั้น แสงสีน้ำเงินและสีแดงผสานเข้าด้วยกัน และทำให้เกิดรูปแบบแปลกๆ ที่น่าหวาดหวั่น
หรงจิ่วหันไปมองพลันหน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้นมาทันที
“เว่ยหลิน! เจ้าส่งคนไปตรวจสอบ! แล้วหาสาเหตุของเรื่องนี้มาให้จงได้!”
“ขอรับ!”
ทุกคนในห้องโถงใหญ่ล้วนหันมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าที่หลากหลาย
จากนั้นจักรพรรดิจยาเหวินก็ใช้ประโยชน์จากช่วงชุลมุนนี้ หมุนตัวหลบไปด้านหลังทันที!
ข้าต้องรีบแล้ว!
ทว่าหรงจิ่วกลับจับสังเกตได้อย่างไว พลันหันไปมองเขาด้วยสายตาเย็นยะเยือก
“ยังคิดจะทำการใดอีกหรือ?”
ทหารเลวที่ยืนอยู่ข้างๆ โต้ตอบทันที พวกเขารีบพุ่งเข้าไปหยุดจักรพรรดิจยาเหวินอีกครั้ง!
และคราวนี้จักรพรรดิจยาเหวินก็ถูกจับมัดมือไว้อย่างหนาแน่น จนไม่สามารถขยับได้
“หรงจิ่ว! หรงจิ่ว!”
จักรพรรดิจยาเหวินถลึงตาจนแทบจะออกจากเบ้า ใบหน้าของเขาแดงเถือก
หรงจิ่วโบกมือไปมา
“ยังไม่พาท่านพ่อไปพักผ่อนอีกหรือ?”
ได้ยินเช่นนั้นทหารหลายนายจึงเข้าไปทันทีและคุมตัวจักรพรรดิจยาเหวินไปยังที่พัก
ขันทีหมินและคนอื่นๆ อีกหลายคนที่รับใช้เขา ก็ถูกพาตัวไปเช่นกัน
ในตอนแรก จักรพรรดิจยาเหวินยังคงตะโกนด่าหรงจิ่วไม่ขาดสาย แต่เมื่อร่างของเขาหายไปจากประตู เสียงก่นด่าสาปแช่งเหล่านั้นก็หายไปเช่นกัน และมีเพียงเสียงเบาๆ ของการต่อสู้ดังขึ้น ราวกับว่าเจ้าของเสียงนั้นถูกทหารด้านนอกบังคับให้สงบปากสงบคำ
ทุกคนต่างมองหน้ากัน
มาถึงขั้นนี้แล้ว ผู้แพ้ผู้ชนะจักเป็นผู้ใด ย่อมเห็นๆ กันอยู่
แม้แต่จักรพรรดิจยาเหวินผู้สูงศักดิ์ยังถูกจับขังในชั่วพริบตา
และถึงหรงจิ่วจะยังไม่ฆ่าจักรพรรดิจยาเหวินตอนนี้ แต่เมื่อใดที่พระวรกายของท่านทรุด วันแห่งการพิพากษานั้นคงมาถึงแน่นอน
ทั่วทั้งห้องโถงเงียบกริบจนแทบได้ยินเสียงลมหายใจ
หรงจิ่วกวาดตามองฝูงชนทั้งหมด ก่อนจะหยุดสายตาไว้ที่ซือเย่จือ
ซือเย่จือเกร็งไปทั้งตัว!
แม้ว่าตระกูลซือจะเป็นหัวเรือของสี่ตระกูลหลัก แต่ก็เห็นได้ชัดว่าตอนนี้พวกเขาโง่เกินกว่าจะหาวิธีรับมือกับคนอย่างหรงจิ่วได้!
“หัวหน้าตระกูลซือ ช่วงนี้ข้าขอฝากเจ้าคอยดูแลท่านพ่อด้วย”
ซือเย่จือตกอกตกใจ
นี่หรงจิ่ววางแผนจะกุมขังเขาอีกคนอย่างนั้นหรือ?!
“องค์ชายสาม…”
ทว่าก่อนที่ซือเย่จือจะพูดจบ หรงจิ่วก็ขัดจังหวะเขาด้วยสีหน้าเฉยเมย และพูดช้าๆ ว่า
“อย่าได้กังวลไป ตราบใดที่เจ้าดูแลท่านพ่อเป็นอย่างดี ข้ารับปากว่าจะเมตตาคนตระกูลซือทั้งหมด”
นี่มัน ข่มขู่กันแบบโจ่งแจ้งชัดๆ!
ความโกรธเกรี้ยวผุดขึ้นในหัวใจของซือเย่จือ แต่ในที่สุดเขาก็ระงับมัน และพูดเน้นย้ำที่ละคำ
“เช่นนั้น กราบขอบพระทัยองค์ชายสามอย่างสุดซึ้งขอรับ!”
หลังจากพูดเสร็จ เขาก็หันหลังกลับ และเดินไปตามทางที่จักรพรรดิจยาเหวินจากไปเมื่อครู่นี้
พร้อมกับทหารหลายนายที่ติดตามออกไป
ส่วนคนที่เหลือก็แอบสบตากันลับๆ
ดูเหมือนว่าหรงจิ่วจะฝังใจและยังแค้นจักรพรรดินีอยู่มาก… อีกทั้งก่อนหน้านี้ ซือเย่จือเองก็เป็นคนส่งหรงจิ่วไปยังลานประหาร…
แน่นอนว่าหลังจากนี้กระกูลซือคงได้พังพินาศเป็นแน่
เมื่อเห็นว่าทั้งจักรพรรดิจยาเหวินและซือเย่จือถูกกำจัด ในใจฉู่เซียวก็รู้สึกเสียดายขึ้นมา
หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เขาคงไม่ออกเลียแข้งเลียขาฝ่าบาทหรอก!
แต่โชคดีที่ตอนนี้หรงจิ่วยังพอเห็นคุณงามความดีของเขาอยู่บ้าง!
แต่ทว่าจู่ๆ ดวงตาเรียวคมคู่นั้นก็หันมามองเขา
“ผู้อาวุโสฉู่”
ฉู่เซียวสั่นไปทั้งตัว พลางมองไปที่หรงจิ่วด้วยดวงตาอันสั่นเครือ
“อะ องค์ชายสาม…”
“เจ้าซื่อสัตย์ต่อท่านพ่อมาก เช่นนั้นแล้ว เจ้าไม่ไปอยู่กับเขาหรือไร?”
ขาของฉู่เซียวอ่อนแรง และเขาก็พูดขึ้นทันที
“องค์ชายเข้าใจผิดแล้วขอรับ ความจริงแล้วเมื่อครู่นี้ ข้าแค่…”
แววตาของหรงจิ่วเต็มไปด้วยความเหยียดหยามและเยาะเย้ยคนตรงหน้าอย่างเปิดเผย
ฉู่เซียวจึงทำได้เพียง “คร่ำครวญ” อยู่ในใจ ราวกับว่ามีบางอย่างติดอยู่ในลำคอ จนเอ่ยวาจาออกมาไม่ได้
ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงสลับขาว เขาต้องการพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง แต่ทว่าภายใต้การดูถูกและประชดประชันของอีกฝ่าย มันกลับกลายเป็นเรื่องตลกให้อีกคนสมน้ำหน้าเขา
“ผู้อาวุโสฉู่ เชิญขอรับ?”
นายทหารคนแรกที่อยู่ด้านข้างเป็นเอ่ยเรียก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...