ทุกคนอ้าปากค้าง
เขามีความมั่นใจมากขนาดไหนเนี่ย ถึงได้กล้าพูดเช่นนี้ออกมา!
แค่ปะการังแห่งแผ่นดินแค่ชิ้นเดียว มันมีคุณค่าขนาดนั้นเลยหรือ?
คำตอบนั้นก็แน่นอน
เพราะว่าตอนนี้ที่พวกเขาทั้งสองฝ่ายต่างต่อสู้แย่งชิงกันนั้น ไม่ใช่แค่ปะการังธรรมดาๆ
แต่เป็นศักดิ์ศรีต่างหาก!
เรื่องมันก็ใหญ่ขนาดนี้แล้ว ถ้าใครยอมถอยหลังในตอนนี้ ก็เท่ากับแพ้ไม่ใช่หรือ?
เจียงอวี่จือและซย่าโหวถิงอันต่างมีตระกูลของตนเองอยู่เบื้องหลัง
ไม่ว่าจะเป็นตระกูลเจียงหรือตระกูลซย่าโหว ต่างก็เป็นตระกูลระดับสูงกันทั้งนั้น
หากวันนี้ต้องมาพ่ายแพ้ให้กับคนตัวเล็กๆ ไร้ชื่อเสียงในหอร้อยโอสถ มันจะไม่เสียหน้าเกินไปหรือ?
ในที่สุดซย่าโหวถิงอันก็ควบคุมสีหน้าของตนเองไม่ไหวแล้ว จึงหันไปพูดกับต้วนจืออวี่ว่า
“พวกเจ้าตั้งใจจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับตระกูลเจียงและซย่าโหวใช่หรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะเบาๆ แล้วพูดขึ้นว่า
“เหตุใดคุณชายรองซย่าโหวถึงพูดเช่นนี้กันเล่าเจ้าคะ? ก่อนหน้านี้ข้าเป็นคนที่ดูของคนชิ้นนี้ไว้ก่อน แต่พวกเจ้ากลับมาเสนอราคาตัดหน้าพวกเราเอง ตอนนี้พวกเราเพิ่มเงินบ้าง เหตุใดถึงกลายเป็นฝ่ายข้าที่ตั้งใจหาเรื่องพวกเจ้าเล่า?”
ซย่าโหวถิงอันเถียงไม่ออก จึงรู้สึกอับอายอย่างมาก
ต่อให้เขาจะเพิ่มเงินต่อไป เขาจะต้องมารับผิดชอบเรื่องภายหลังอย่างแน่นอน
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นอย่างใด? ก็ต้องสู้ต่อไป หากปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ มันจะต้องใหญ่โตขึ้นแน่นอน
“ถิงอัน เหตุใดเจ้าถึงไม่พูดอันใดเลยล่ะ?”
เจียงอวี่จือขมวดคิ้วแน่น
“เจ้าจะต้องช่วยข้าซื้อมาให้ได้นะ! หรือว่าเจ้าจะทนมองพวกเขารังแกข้าต่อหน้าต่อตาแบบนี้?”
ในใจของซย่าโหวถิงอันกลับรู้สึกรำคาญอย่างมาก
ตอนนี้คนที่โดนรังแกคือใครกันแน่?
นางแค่ยืนอยู่ด้านข้างพูดง่ายๆ ไม่กี่คำ ไม่ต้องทำอันใดเลย แต่คนที่เสียหน้ามันคือเขานะ!
ต่อให้ซื้อมาได้แล้วจริงๆ อย่างมากนางก็แค่พูดประโยคที่เอาแต่ใจออกมาแค่ไม่กี่คำ แล้วเขาล่ะ?
ตระกูลซย่าโหวต้องไม่รับเขาเป็นลูกชายอีกแน่!
แล้วยังเป็นไปได้ว่าเรื่องนี้จะมีคนเอาไปเขียนเป็นบทความได้เลย
“ถิงอัน…ถิงอัน?”
เจียงอวี่จือตะโกนเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างหมดความอดทน
ซย่าโหวถิงอันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ระงับความโกรธในใจลง
เขาจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วกระแอมไอพร้อมหันไปมองต้วนจืออวี่
“เจ้าคือคนของทหารม้าทมิฬหรือ? ดูท่าทางแล้ว เหมือนว่าจะเป็นนายพล? ตามที่ข้ารู้มา เงินเดือนของทหารม้าทมิฬระดับนายพล จะไม่ได้สูงพอที่จะให้เจ้ามาใช้ได้อย่างฟุ่มเฟือยเช่นนี้นี่นา? เกรงว่าที่มาของเงินเจ้า อาจจะไม่สุจริตล่ะมั้ง?”
ไม่ว่าที่ไหนก็ต่างมีคนไม่ดี กองทัพทหารม้าทมิฬก็เช่นกัน
นายพลที่หยิ่งยโสเช่นนี้ จะมาวางท่ากร่างมากกว่าลูกหลานตระกูลขุนนางเสียอีก!
แผ่นหลังของต้วนจืออวี่ยืดตรง เขายืนตรงดั่งหอก
“ข้านายพลทหารม้าทมิฬหน่วยที่สาม ต้วนจืออวี่ เข้ารับราชาการทหารมาสิบเอ็ดปีแล้ว ฆ่าศัตรูมาหนึ่งพันห้าร้อยแปดสิบเก้าคน! สามารถเอาชีวิตมารับประกันได้ว่า ข้าไม่เคยมีจิตคิดทุจริตหรือนำเงินที่ไม่ดีมา!”
น้ำเสียงของเขาเย็นชาและเลือดเย็นอย่างมาก ทุกคำพูดหนักแน่นเหมือนสายฟ้าที่ผ่าลงมา!
“สิ่งที่คุณชายรองกล่าวมาเมื่อครู่นี้นั้น ไม่เพียงเป็นการดูถูกข้าเท่านั้น ยังดูถูกทหารม้าทมิฬนับพันๆ นาย ที่คอยดูแลปกป้องราชวงศ์เทียนลิ่งด้วย! ได้โปรดถอนคำพูดด้วยขอรับ!”
ทุกคนตกตะลึงไป จากนั้นก็เกิดความรู้สึกนับถือขึ้นมา
ผลการรบระดับนี้ ต่อให้ได้ขึ้นอีกหนึ่งระดับก็เหลือเฟือแล้ว
ทหารที่ปกป้องดินแดนและราชวงศ์ เสียเลือดเสียเนื้อ สู้รบในสนามรบอย่างไม่คิดชีวิต แต่กลับมาโดนผู้ลากมากดีสร้างความอัปยศให้เช่นนี้น่ะหรือ?
เหยียดหยามเกินไปแล้ว
ซย่าโหวถิงอันโดนต้วนจืออวี่พูดเช่นนั้นเข้าไปก็ตกใจเช่นกัน
เขาถูกเลี้ยงดูและเติบโตในเมืองซีหลิง แต่ต้วนจืออวี่ที่อาศัยอยู่ที่ชายแดนวันๆ วนเวียนอยู่กับความตาย มันย่อมต่างกันแน่นอน
ตอนที่ต้วนจืออวี่พูดขึ้น แววตายังมีความกังวลใจ
แม้ว่าคนรอบข้างจะไม่ได้พูดอันใด แต่สายตากล่าวโทษก็มองมายังเขา
“ข้า…ข้าแค่ถามเฉยๆ เท่านั้นเอง หากที่มาของเงินนั้นสุจริตจริง เหตุใดเจ้าถึงไม่พูดมันออกมากันเล่า?”
ซย่าโหวถิงอันกัดฟันเถียงกลับ
ต้วนจืออวี่แค่นหัวเราะเสียงเย็น
“คุณชายรองซย่าโหว เงินของจวนตระกูลมู่มีที่มาอย่างใด หรือว่าเรื่องนี้ข้าต้องรายงานให้เจ้าฟังด้วยหรือ?”
จวนตระกูลมู่?
จวนตระกูลมู่ไหน?
ซย่าโหวถิงอันชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นถึงค่อยรู้สึกตัวขึ้นมา
ในแคว้นซีหลิงมีจวนมู่อยู่จวนเดียว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...