การเคลื่อนไหวของฉู่หลิวเยว่ที่ต้องเคลื่อนตัวไปพร้อมกันค่อนข้างยาก ฉู่หลิวเยว่ลังเลอยู่สักพักหนึ่ง จากนั้นก็เก็บมันลงไป
มือขวาของนางหยิบมีดสั้นขึ้นมา มือซ้ายยังคงกำลูกแก้วพรมแดนไวฑูรยะอยู่ในมือ ในใจถึงได้รู้สึกมั่นใจมากขึ้น
ต้องบอกว่าของที่หรงซิวมอบให้นั้นล้วนแต่เป็นของดีทั้งนั้น
หลังจากเดินเข้าไปสักระยะหนึ่งแล้ว ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็ได้ยินเสียงดังมาจากที่ไกลๆ
นางเงยหน้าขึ้นไปมอง มีคนสามคนวิ่งมาจากอีกฝั่งกำลังจะมาทางนี้
ผู้ชายสองคนอายุประมาณยี่สิบห้ายี่สิบหก ส่วนผู้หญิงอีกคนเหมือนว่าคนเด็กกว่าเล็กน้อย อายุน่าจะยังไม่เกินยี่สิบปี
ฉู่หลิวเยว่จำได้ลางๆ ว่าคนทั้งสามคนนี้เข้ามาก่อนหน้านาง
แต่เหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้ปรากฏอยู่ในตำแหน่งเดียวกับนาง
“โชคดีที่อาจารย์ลุงได้มอบกู่ประสานเสียงเอาไว้ให้ก่อนหน้านี้แล้ว พวกเราถึงสามารถรวมตัวกันได้อย่างรวดเร็ว ไม่เช่นนั้นล่ะก็ ด้วยความกว้างใหญ่ของอาณาจักรเทพเทียนลิ่ง เกรงว่ากว่าพวกเราจะได้เจอกัน ก็คงต้องออกจากที่นี่ไปก่อนแล้ว”
ชายรูปร่างสูงผอมสวมชุดสีม่วงก็พร้อมขึ้นด้วยใบหน้ายินดี
“ใช่แล้ว! ข้าไม่เคยคิดว่ามาก่อนเลยว่าอาณาเทพเทียนลิ่งจะเป็นที่ที่พิเศษเช่นนี้” ชายอีกคนที่รูปร่างท้วมกว่ามาก และไว้เคราเล็กน้อยก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ส่วนแม่นางที่ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองก็มีใบหน้าคล้ายเมล็ดแตงโม ผิวขาวสะอาด น่าดึงดูด และยังดูเด่นสะดุดตาอีกด้วย
“เมื่อครู่ข้าต้องขอบคุณศิษย์พี่ที่สองมากจริงๆ ไม่เช่นนั้นชิ่นเอ๋อร์คงจะตกรอบไปตั้งนานแล้ว”
ขณะที่กำลังพูดอยู่นางก็ปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นอยู่ตรงหน้าผากของนางไปด้วย ใบหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย จนทำให้รู้สึกงดงามยิ่งขึ้น
สายตาของผู้ชายทั้งสองคนชื่นชมอย่างปิดไม่มิด
“ชิ่นเอ๋อร์พูดอันใดแบบนั้นเล่า? หลังจากงานหมื่นทูรครั้งนี้ เจ้าก็จะเป็นศิษย์ของสำนักกระบี่เมฆาม่วงแล้ว พวกเราก็ถือว่าเป็นศิษย์พี่ของเจ้า ช่วยเจ้านั้นก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว”
“นั่นสิ! อาจารย์ลุงก็ตั้งความหวังกับเจ้าเอาไว้มาก!”
ผู้หญิงคนนั้นเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เขินอายขึ้นมา
“สำนักกระบี่เมฆาม่วงล้วนเป็นสำนักอันดับต้นๆ ของเมืองซีหลิง จะสามารถเข้าได้ง่ายๆ เช่นนั้นได้อย่างใดเล่าเจ้าคะ? หากครั้งนี้อันดับของชิ่นไม่ดีพอ เกรงว่าก็คงไม่มีหน้าเข้าไปแล้ว”
“ชิ่นเอ๋อร์ เจ้าพูดเช่นนี้ก็ถ่อมตัวเกินไปแล้วนะ ปีนี้เจ้าเพิ่งอายุสิบเก้า แต่อยู่ขั้นห้าตอนปลายแล้ว ในลำดับของการประลองครั้งนี้ เจ้าต้องอยู่อันดับต้นๆ อย่างแน่นอน! ไม่ว่าอย่างใดชีพจรตี้จิงของเจ้า…”
ชายร่างผอมยังไม่ทันได้พูดจบ แต่ใบหน้าก็ปรากฏความอิจฉาออกมาแล้ว
เห็นได้ชัดว่าระดับของชีพจรตี้จิงนั้นต้องโดดเด่นกว่าเขาอย่างแน่นอน!
ส่วนชายที่มีเคราก็พยักหน้าเห็นด้วย
“เมื่อเจ้าเข้ามาอยู่ในสำนักกระบี่เมฆาม่วงแล้ว และเริ่มการฝึกอย่างเป็นทางการ ไม่แน่ว่าอีกสองสามปีก็จะแซงพวกข้าไปแล้ว”
“ศิษย์พี่ทั้งสองคนอย่ามาล้อข้าเล่นเลย”
ผู้หญิงคนนั้นรีบโบกมือทันที ท่าทางเหมือนกำลังเขินอายเล็กน้อย แต่รอยยิ้มของนางนั้นกลับสว่างสดใสอย่างมาก
ฉู่หลิวเยว่สังเกตได้ว่า แม้พวกเขาทั้งสามคนจะหน้าแดงเล็กน้อย แต่ปราณรอบตัวของพวกเขากลับปกติอย่างมาก
เมื่อมองดูดีๆ แล้วก็พบว่าที่เอวของพวกเขาห้อยถุงหอมถุงหนึ่งเอาไว้อยู่
คาดไม่ถึงว่าปราณฟ้าดินที่อยู่รอบข้างก็ถูกมันกลืนกินไปเสียหมด
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตามอง
ถุงหอมซื่อหยวน
ของชิ้นนี้ดูธรรมดาไม่ได้ต่างอันใดไปจากถุงหอมทั่วไป แต่ความจริงแล้วมันทอมาจากไหมสวรรค์ซื่อหยวนที่มีความพิเศษอย่างมาก มีความสามารถดูดซับปราณฟ้าดินได้ด้วยตนเอง และสามารถเก็บไว้ได้ในปริมาณมาก
ขอเพียงแค่เจ้าของเปิดมันออกมา พลังที่อยู่ด้านในก็จะพวยพุ่งออกมาในทันที
ผู้บำเพ็ญเพียรส่วนหนึ่งจึงชอบพกถุงนี้เอาไว้ข้างกายตลอด ด้วยวิธีนี้ก็สามารถดูดซับปราณฟ้าดินได้ตลอดเวลา และยังสามารถเร่งความเร็วในการบำเพ็ญเพียรได้อีกด้วย
แต่ว่าเพราะของชิ้นนี้มีราคาแพงมาก ดังนั้นจึงไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถซื้อมันได้
และในตอนนั้น ของวิเศษชิ้นนี้ถือเป็นของวิเศษชิ้นสำคัญที่ทำให้รอดพ้นจากสถานการณ์ที่ร้ายแรงนี้ได้
มิน่าล่ะพวกเขาถึงเดินทางมาถึงที่นี่ได้โดยไม่เป็นอันใดเลย
ฉู่หลิวเยว่ถอนสายตาออก จากนั้นก็ตั้งใจจะก้าวเดินไปด้านหน้าต่อ แต่คนพวกนั้นกลับเห็นนางเข้าแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...