“ข้าบังเอิญไปเจอนางเข้า ยังดีที่นางไม่เห็นข้า แต่หากได้เจอนางอีกครั้ง ข้าคงไม่โชคดีเช่นนี้แน่นอน” หนิงเจียวเจียวพูดเสียงเบา
ชายสองคนนั้นหน้าเปลี่ยนสีทันที ทันใดนั้นหยางเซิ่นเอ๋อร์กลับพูดขึ้นว่า
“ฝีมือของคุณหนูหนิงน่าจะไม่อ่อนด้อยขนาดนั้น โอกาสที่ดีเช่นนี้ แต่กลับกลัวฉู่หลิวเยว่งั้นหรือ?”
หนิงเจียวเจียวชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นเพื่อกระตุ้นความสนใจของทุกคน
“ฉู่หลิวเยว่นั้นแข็งแกร่งกว่าที่พวกเจ้าเห็นมากนัก ตอนรอบคัดเลือก พวกเจ้าไม่ได้เห็นฝีมือของนางหรือ? เจี่ยนเฟิงฉือเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองอย่างมาก เขาจะเลือกคนที่ทำอันใดไม่เป็นมาเข้าร่วมงานหมื่นทูรหรือ?”
หยางเซิ่นเอ๋อร์และพวกหันมองหน้ากันทันที แล้วเงียบเสียงไป
ตอนนั้นเอง พวกเขาเพิ่งจะตระหนักรู้ถึงเรื่องนี้ได้
เมื่อครู่…
“ขอพูดอย่างไม่ปิดบัง คุณหนูหนิง ความจริงแล้วเมื่อครู่พวกเราเพิ่งได้เจอกับฉู่หลิวเยว่จริงๆ อีกทั้งได้ประมือกับนางแล้ว แต่นางเจ้าเล่ห์อย่างมาก ตอนนี้นางหนีไปทางกระบี่หลงหยวนนั้นแล้ว”
ชายมีเคราพูดขึ้น น้ำเสียงของเขาดูกล้ำกลืนอย่างมาก
หยางเซิ่นเอ๋อร์หัวเราะเสียงต่ำ แต่ใบหน้าไม่ได้แสดงอารมณ์
หนิงเจียวเจียวมีสีหน้าตกใจอย่างมาก
“จริงหรือ? นาง…คนเดียวหรือ?”
เมื่อครู่นางได้ยินว่าเป็นชื่อของฉู่หลิวเยว่จริงๆ จึงถามหยั่งเชิงออกไป แต่ดูจากท่าทางของพวกเขาแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะเป็นการสู้หนึ่งต่อสาม แล้วยังสามารถหนีออกไปได้อีก?!
ผู้ชายสองคนนั้นรู้สึกละอายเล็กน้อย
ชายรูปร่างผอมสูงรีบพูดขึ้นทันทีว่า
“หลังจากที่พวกเราโดนโจมตีจากปราณกระบี่หลงหยวน นางจึงฉวยโอกาสนี้ อีกทั้ง ในร่างกายของนางนั้นมีของอันใดแปลกๆ ปราณกระบี่หลงหยวนที่น่ากลัวอย่างมาก แต่นางก็สามารถปัดป้องมันได้อย่างง่ายดาย ไม่รู้ว่านางมีวิธีอันใด”
ไม่มีใครพูดถึงพรมแดนไวฑูรยะที่มีลักษณะพิเศษเช่นนั้น
หนิงเจียวเจียวเองก็สงสัยถึงเบื้องหลังของฉู่หลิวเยว่
จากนั้นนางก็พูดถึงเป้าหมายของนางทันที
“ถ้าเช่นนั้นเหตุใดพวกเราไม่ร่วมมือกันเล่า?”
…
อีกด้านหนึ่ง อินทรีสามตากำลังพาฉู่หลิวเยว่ไปที่ก้นของหลุมยุบแล้ว
ทันทีที่เข้ามา ปราณกระบี่ที่อยู่โดยรอบก็พุ่งเข้ามาหานางอย่างบ้าคลั่ง
อินทรีสามตาขยับปีกทันที ตอนนั้นเองฉู่หลิวเยว่ก็สังเกตเห็นว่าพื้นดินรอบๆ ของนางก็แข็งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว!
เมื่อปราณกระบี่สีดำมาถึงบริเวณดังกล่าว มันก็เคลื่อนที่ช้าลง และหายไปในที่สุด
นี่คืออาณาเขตเซียนเทพของอินทรีสามตา
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก…ที่แท้นี่ก็คือไพ่ไม้ตายของมันอย่างนั้นหรือ!
ภายในพื้นที่แห่งนี้ มันสามารถควบคุมทุกสิ่งได้ตามใจชอบ!
กระบี่หลงหยวนเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ยอดเยี่ยม แต่อินทรีสามตาก็เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์
เมื่อแรงกดดันของปราณกระบี่อยากเข้ามาโจมตีอาณาเขตเซียนเทพของอินทรีสามตา ก็ยังถือว่าห่างชั้นอีกไกล!
เมื่อหนึ่งคนหนึ่งอสูร ใช้วิธีนี้ผ่านดงปราณกระบี่ที่เข้มข้น พวกเขาก็สามารถบุกเข้าไปพื้นที่ด้านในสุดได้!
ยิ่งเดินเข้าไปลึกมากเท่าไร ปราณกระบี่ก็ยิ่งมีเยอะมากเท่านั้น และยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นอีกด้วย!
แต่ความเร็วของอินทรีสามตานั้นไม่ได้ลดลงไปเลย!
ฉู่หลิวเยว่ที่แอบอยู่ด้านหลังของมัน ก็จ้องมองไปที่พื้นด้านล่าง
เมื่อเดินเข้ามาใกล้ๆ นางก็สัมผัสได้ว่า ตำแหน่งที่กระบี่หลงหยวนปักเอาไว้ในใต้ดินนั้น จะมีเปลวเพลิงสีทองรอดออกมา!
หัวใจของฉู่หลิวเยว่สั่นไหว ตอนที่นางอยากจะก้มลงไปมองให้ละเอียด แต่กลับพบว่าเปลวเพลิงสายนั้นหายไปแล้ว
นางขมวดคิ้วเล็กน้อย…หรือว่าเมื่อครู่นางมองผิดไปกันนะ?
แต่ทันใดนั้นเองอินทรีสามตาก็พูดขึ้นด้วยความตกใจว่า
“เป็นไปได้อย่างใด?”
ปกติแล้วน้ำเสียงของมันจะเย็นชาอยู่เสมอ แต่คราวนี้มันกลับตกใจอย่างมาก
“เป็นอันใดหรือ?” ฉู่หลิวเยว่รีบถามขึ้นทันที
อินทรีสามตาสะบัดปีก แล้วพูดขึ้นว่า
“”เมื่อครู่เจ้าก็เห็นหรือ ด้านล่างถัดจากตำแหน่งของกระบี่หลงหยวน เปลวเพลิงสีทองปรากฏขึ้น?!”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า
“เจ้าก็เห็นหรือ? ข้านึกว่าข้าเห็นภาพมายา”
“นั่นไม่ใช่ภาพมายา” อินทรีสามตาพูดขึ้นมาเสียงเรียบ “นั่นคือเปลวเพลิงที่อยู่บนโครงกระดูกของอสูรศักดิ์สิทธิ์”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...