ถ้าตามการคาดการณ์ของเขา ในเวลานี้น่าจะเหลือเพียงแค่คนที่มีพรสวรรค์ในชีพจรตี้จิงอย่างแท้จริงเท่านั้น
แต่ฉู่หลิวเยว่กลับสามารถอยู่รอดได้ถึงตอนนี้?
หรือว่าในตัวของนางมีของวิเศษอันใดอยู่หรือไม่?
“ตอนนี้มู่ชิงเห่ออยู่ที่ใด?” เขาถามขึ้น
“คุณชายใหญ่ก่อนหน้านี้ท่านได้ให้เขาไปช่วยจัดการงานไม่ใช่หรือ… ตอนนี้เขาน่าจะยังไม่กลับมา” คนติดตามพูดเตือนเสียงเบา
เจียงอวี่เฉิงชะงักไป แล้วกุมขมับของตนเองทันที
ช่วงหลายวันมานี้ เขาอาจจะเหนื่อยเกินไป คาดไม่ถึงว่าเรื่องเช่นนี้ก็ลืมได้
“ให้เขาไปเจอข้าที่สวนวั่นจิ่น”
สวนวั่นจิ่นเป็นเหลาอาหารที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองซีหลิง ขึ้นชื่อเรื่องความหรูหราและบรรยากาศที่งดงาม
แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่า สวนวั่นจิ่นนั้นเป็นฐานของเขา
“…ท่านหมายถึง…ตอนนี้หรือขอรับ?”
เจียงอวี่เฉิงหันไปมองทางกระดานหยกสีดำ แล้วพยักหน้าพร้อมพูดขึ้นเบาๆ ว่า
“ถูกต้อง ไปตอนนี้แหละ”
เมื่อพูดจบเขาก็หมุนตัวแล้วเดินออกมา
“กวนฮ่าว ส่งคนจับตาดูสถานการณ์ต่อไป หากมีอันใดผิดปกติให้รีบแจ้งข้าทันที”
กวนฮ่าวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็สามารถเดาได้ว่า คำว่า “ผิดปกติ” นั่นหมายถึงอย่างใด
“ขอรับ!”
…
ตอนที่เจียงอวี่เฉิงมาถึงสวนวั่นจิ่น มู่ชิงเห่อก็มารออยู่ในห้องแล้ว
เมื่อเห็นเจียงอวี่เฉิงเข้ามา เขาก็รีบลุกขึ้นยืนทันที
“คารวะคุณชายใหญ่”
เขาเป็นรองแม่ทัพทหารม้าทมิฬที่มีแต่ความเย็นชาอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อเจอหน้าคุณชายใหญ่ตระกูลเจียง เขาก็ให้เกียรติอีกฝ่ายอย่างมาก
เจียงอวี่เฉิงนั่งลง
“เจ้าก็นั่งลงเถอะ”
มู่ชิงเห่อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายรินชาสองถ้วย เขาจึงยอมนั่งลง
กวนฮ่าวเดินออกไปแล้ว แล้วปิดประตูลงเบาๆ ก่อนจะยืนเฝ้าอยู่ด้านนอก
มู่ชิงเห่อหลุบตาลงต่ำ
“ไม่ทราบว่าคุณชายใหญ่รีบร้อนเรียกข้ามาที่นี่ มีเรื่องอันใดหรือขอรับ?”
เจียงอวี่เฉิงยกแก้วชาขึ้นมา แล้วเป่าเบาๆ กลิ่นหอมของชาก็เข้าจมูก
“ก็ไม่ใช่เรื่องด่วนอันใด ข้าแค่อยากจะคุยกับเจ้าเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”
“คุณชายใหญ่ถามข้ามาได้เลย หากข้าน้อยรู้ข้าน้อยจะตอบทุกอย่าง”
เจียงอวี่เฉิงลูบถ้วยชาไปมา แต่ไม่ได้ดื่มเสียที จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วมองหน้ามู่ชิงเห่อ
“ฉู่หลิวเยว่…เจ้าเป็นคนพามาสินะ?”
มือของมู่ชิงเห่อที่วางไว้บนตักสั่นเล็กน้อย แต่ไม่เปลี่ยนสีหน้า
“ขอรับ”
“แล้วเหตุใดคนด้านนอกจึงบอกว่าเจี่ยนเฟิงฉือเป็นคนพานางมา เรื่องมันเป็นอย่างใดกันแน่”
มู่ชิงเห่อชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เล่าสถานการณ์ในตอนนั้นอย่างสั้นๆ ให้เขาฟัง
“…ดังนั้น ข้าน้อยจึงเดินทางกลับมาก่อน อีกทั้งยังขอให้เจี่ยนเฟิงฉือเป็นคนพานางมา ส่วนทางด้านของงานหมื่นทูร เวลาที่ลงทะเบียนนั้นน่าจะมีการเข้าใจผิดอยู่ ดังนั้นจึงใส่ชื่อของเจี่ยนเฟิงฉือลงไป”
เจียงอวี่เฉิงไม่ได้ยิ้ม แต่ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
“หลิ่วสิงอีนั้นไม่ชอบเจี่ยนเฟิงฉือมาโดยตลอด น่าจะเป็นเรื่องที่เขาตั้งใจ”
คนไร้สมองแบบนี้ แต่กลับเป็นสายเลือดเดียวกับเจ้านายตระกูลซั่งกวนของเขาคนนั้น
เขาเองก็ไม่คิด ไม่ว่าจะเป็นซั่งกวนหว่านหรือว่าเจียงอวี่เฉิง ต่างไม่มีทางทำให้เจี่ยนเฟิงฉือช่วยเรื่องแบบนี้แน่นอน
คาดไม่ถึงว่าเขายังรอโอกาสที่จะแก้แค้นอยู่…
ไม่ดูเลยว่าคนที่สามารถพูดให้เจี่ยนเฟิงฉือช่วยได้นั้นเป็นใครกันแน่!
มู่ชิงเห่อครุ่นคิดสักครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า
“แต่คำพูดเหล่านี้เหมือนว่าจะแพร่ไปทั่วเมืองซีหลิงแล้ว เช่นนั้นให้ข้าน้อยไป…”
“ไม่ต้อง คนพวกนั้นจะคิดอย่างใดไม่สำคัญ ประเด็นสำคัญตอนนี้คือ…ฉู่หลิวเยว่ มู่ชิงเห่อตอนที่เจ้ากลับมา เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยว่า ฉู่หลิวเยว่คนนี้มีความลับที่เก็บไว้ที่ตัวมากขนาดไหนกัน”
เจียงอวี่เฉิงวางถ้วยชากลับไปบนโต๊ะ ทำให้เกิดเสียงไม่เบาไม่ดัง
มู่ชิงเห่อขมวดคิ้วเบาๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...