เขามีชีวิตอยู่มานานหลายปี และได้เห็นทั้งคนต้องจบชีวิตเพราะถูกทัณฑ์สวรรค์ผ่าใส่ตรงๆ รวมทั้งคนที่ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต เพราะไปท้าทายพลังของมัน และเขายังได้เผชิญกับความแข็งแกร่งของทัณฑ์สวรรค์อันน่ากลัวมาแล้วกับตัว แต่สุดท้ายเขาก็ผ่านมันไปได้อย่างราบรื่น
แต่เขาไม่เคยเห็นใครที่เผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์ แถมยังเป็นผ่านบุกเองเช่นนี้มาก่อนเลย
เรื่องนี้มันผิดแปลกเกินไปแล้วนะว่าไหม?
เมื่อครู่เด็กคนนั้นยังทำท่าหมดแรงจากการรองรับอสนีบาตสองสามสาย จนแทบจะยอมแพ้อยู่เลยนะ?
เหตุใดเพียงพริบตา เหตุการณ์ถึงได้กับตาลปัตรจากหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้ได้?
เมื่อเห็นว่าพลังของทัณฑ์สวรรค์ ที่หนีไปทุกทิศทุกทางถูกเปลวเพลิงสีแดงกลืนกินโดยไม่ลังเล องค์ไท่จู่ก็ตกอยู่ในความสับสน เท้าข้างหนึ่งที่ก้าวออกไปก็เมื่อครู่ เริ่มลังเลว่าจะก้าวต่อหรือจะถอยหลังดี
หรือว่าเขา…
จะตาฝาด?
แต่เลือดบนร่างของฉู่หลิวเยว่นั้นเป็นของจริงที่เขาไม่คิดว่าตัวเองตาฝาดแน่นอน อีกทั้งรอยแผล และคราบเลือดนับไม่ถ้วนบนแขนทั้งสองข้างของนาง ที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนจากตรงนี้อีก
เมื่อครู่นางกำลังจะตายจริงๆ…หรือเป็นเขาที่โง่เกินไป และไม่รู้เองว่าบนโลกนี้ก็ยังมีวิธีจัดการกับทัณฑ์สวรรค์เช่นนี้ด้วย?
ขณะที่องค์ไท่จู่ตกอยู่ในความงุนงง ฉู่หลิวเยว่ก็ได้ยึดพลังทั้งหมดของทัณฑ์สวรรค์สายที่สิบเก้าไปแล้ว และถ่ายเทพลังทั้งหมดลงในกระบี่เทพเมฆาสำริด
ยามเห็นแสงสีเงินไหลผ่านออกมาจากใบมีด ฉู่หลิวเยว่ก็ค่อยๆ เช็ดเลือดออกจากมุมปากของนาง
หากพูดตามพื้นฐานพลังปราณของในปัจจุบันของนางแล้ว มันถือเป็นเรื่องยากมากที่นางจะทนต่อพลังของทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้นได้
นอกเสียจากว่า…มันไม่ได้มีแค่พลังของนางผู้เดียว?
ภายในร่างกายของนาง นางระดมพลังจากไข่มุกธารา และเปลี่ยนพลังปราณดั้งเดิมที่พุ่งพล่านให้กลายเป็นเปลวเพลิง ที่ใช้ห่อหุ้มกระบี่เทพเมฆาสำริดแล้วผ่าทัณฑ์สวรรค์ที่ฟาดลงมาออกเป็นสองส่วน…
ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้เป็นได้อย่างราบรื่น และเป็นอย่างที่นางคิด หากศัตรูแข็งแกร่งเกินกำลัง ก็ต้องใช้ความแข็งแกร่งที่เสมอภาคเข้าสู้
เพราะอย่างใดเสียทัณฑ์สวรรค์นั่น ก็ไม่เห็นจะมีทีท่าหยุดผ่าง่ายๆ เช่นนี้เหตุใดถึงไม่ลองเสี่ยงดูเล่า
ตอนแรกนางก็แค่จะเดิมพันชีวิตกับความหวังสุดท้ายที่เหลือ แต่คิดไม่ถึงว่าผลที่ได้จะเกินความคาดหมายขนาดนี้ และเหมือนว่าทัณฑ์สวรรค์เหล่านี้จะดูหวาดกลัวนางไปแล้วด้วย…
พูดให้ชัดคือกลัวอิทธิ์ฤทธิ์ของไข่มุกธาราในร่างนางมากกว่า
เดิมทีนางคิดแค่ว่ารับพลังของทัณฑ์สวรรค์มาก็จบ และไม่ได้คิดว่าในยามที่ลงมือนั้น ทัณฑ์สวรรค์สายนี้จะหนีหัวซุกหัวซุนเช่นนั้น?
ฟาดลงมาขนาดนี้แล้วยังจะหนีไปเพื่ออันใด?
ฉู่หลิวเยว่จึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด และใช้กำลังทั้งหมดชิงสกัดความร้ายกาจมันก่อนทันที!
เพราะเหตุนี้ทัณฑ์สวรรค์สายนี้จึงยอมเชื่อฟังนาง และไม่กล้าทำลายพลังภายในของนางอีก
มันก็ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดในร่างกายของฉู่หลิวเยว่ได้อย่างมาก
พลังที่อ่อนโยนและทรงพลังพุ่งออกมาจากไข่มุกธารา และแผ่กระจายแล่นฉิวไปยังแขนขาและกระดูกของฉู่หลิวเยว่
อาการบาดเจ็บตามร่างกายของนางเริ่มฟื้นตัวอย่างว่องไว ภายใต้การห่อหุ้มของเปลวไฟสีแดงเข้ม แม้แต่บาดแผลที่ผิวหนังบนกายบาง ก็ยังตกสะเก็ดอย่างรวดเร็ว
ยิ่งไปกว่านั้น ในกล้ามเนื้อและกระดูกของนางก็มีพลังแห่งทัณฑ์สวรรค์มากมายวนเวียนอยู่ สิ่งเหล่านี้ถูกย่อย และแปรเปลี่ยนเป็นพลังปราณของนางเอง ซึ่งเป็นพลังปราณที่มีมวลมหาศาลอย่างยิ่ง
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจบาว เมื่อสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของตน
โชคดีที่ยังมีไพ่ตายใบนี้คอยช่วยเหลือกันอยู่…
มิเช่นนั้น นางคงไม่สามารถอดทนต่อการไล่ล่า และสกัดกั้นของทัณฑ์สวรรค์ได้นานขนาดนี้
หลังจากแน่ใจแล้วว่า การหลอมกระบี่เทพเมฆาสำริดด้วยทัณฑ์สวรรค์สายที่สิบเก้าได้เสร็จสิ้นลงแล้ว และสภาพร่างกายของนางก็ดีขึ้นแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง
เหนือท้องฟ้า มีอสนีบาตสีเงินเหมือนงู แหวกว่ายอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆสีดำ
มันคือทัณฑ์สวรรค์สายที่ยี่สิบ!
ฉู่หลิวเยว่กระโดดลงไปยืนบนศิลาดวงดาวอีกครั้ง พลางกางขาออกเล็กน้อย และกำกระบี่ในมือแน่น นางจ้องมองมันอย่างตั้งใจ และกลั้นหายใจ
ทว่าหลังจากรออยู่พักหนึ่ง… อสนีบาตสายนั้นกลับไม่ได้ผ่าลงมา
ฉู่หลิวเยว่หันไปมององค์ไท่จู่ด้วยความงุนงง
“องค์ไท่จู่ ท่านบอกว่าทุกขั้นจะประกอบด้วยทัณฑ์สวรรค์เก้าสายมิใช่หรือ? เมื่อครู่ข้าเห็นมันโผล่ออกมาจากเมฆแล้ว แต่ตอนนี้เหตุใดมันถึงไม่ผ่าลงมากัน?”
องค์ไท่จู่ขมวดคิ้วขณะมองไปยังทัณฑ์สวรรค์ที่ลอยอยู่ในเมฆอย่างต่อเนื่อง
“คงต้อง…รออีกครู่หนึ่งกระมั้ง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...