“หลิวเยว่!”
องค์ไท่จู่ตะโกนด้วยความตกใจ พลันไปข้างหน้า
ทว่าเพียงก้าวได้ครึ่งก้าวเดียว ก็จำต้องหยุดฝีเท้าลง
เพราะตอนนี้…มันยังไม่ถึงเวลาที่จะเข้าไป
ฉู่หลิวเยว่คุกเข่าลงทั้งสองข้าง และวางกระบี่เทพเมฆาสำริดในมือลงบนศิลาดวงดาว
พรึบ!
เกิดประกายไฟจำนวนหนึ่งพุ่งออกมา
ก่อนจะเกิดรอยแตกร้าวขึ้นบนศิลาดวงดาว
ฉู่หลิวเยว่หันไปจับด้ามกระบี่ไว้แน่น พลางพยุงร่างของนางไว้ และลุกขึ้นยืนช้าๆ
การเคลื่อนไหวของนางช้ามาก และทุกครั้งที่นางขยับตัว บาดแผลบนร่างกายของนางก็จะยิ่งแตกออกอย่างรุนแรง
นางไม่รู้เลยว่าตัวเองมีบาดแผลบนร่างกายมากแค่ไหน และเสียเลือดไปมากเท่าไร
แต่นางยังคงกัดฟัน และเผาพลานพลังปราณดั้งเดิมในร่างกายของตนต่อไปอย่างดุเดือด
ทันใดนั้น ก็มีแสงสีเงินส่องสว่างออกมาจากกระบี่เทพเมฆาสำริด
องค์ไท่จู่ขมวดคิ้วพลางลอบมองฉากตรงหน้า พร้อมหัวใจที่สั่นไหว
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ฉู่หลิวเยวก็ยังคิดรวบรวมพลังของทัณฑ์สวรรค์ และถ่ายเทมันลงในตัวกระบี่ต่อไป…
สุดท้ายแล้ว พลังใจของนางจะแข็งแกร่งเพียงใดกัน?
เมื่อแสงสีเงินไหลจากด้ามกระบี่ถึงปลายกระบี่ ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็ยืนขึ้น
หยาดเลือดที่ไหลออกมาจากใบหน้าของนาง ไหลเข้าไปในตา จนทำให้ดวงตาของนางกลายเป็นสีแดงฉาน
นางเช็ดเลือดออกจากใบหน้าลวกๆ และหายใจเข้าลึกๆ แล้วยกกระบี่ขึ้นอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน นางก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า พร้อมแววตามุ่งมั่นที่เต็มไปด้วยไฟแห่งการต่อสู้อันบ้าคลั่ง
องค์ไท่จู่ถึงกับผงะ
เด็กคนนี้…
คิดจะสู้จนตัวตายเลยหรือไร?
สายที่สิบสองฟาดลงมา
ตามด้วยสายที่สิบสาม
…
จนถึงคราของทัณฑ์สวรรค์สายที่สิบแปด
ทั่วทั้งตัวของฉู่หลิวเยว่เต็มไปด้วยรอยแผล และพลังปราณดั้งเดิมภายในก็ใกล้จะหมดลงทุกที
นางกลั้นหายใจ และส่งพลังของทัณฑ์สวรรค์สายที่สิบแปดเข้าไปในกระบี่เทพเมฆาสำริด
พลันลวดลายอักขระสีเงินเส้นที่สอง ก็ปรากกขึ้นบริเวณด้ามกระบี่ และในเวลานี้ รอยขีดข่วนที่หยาบกร้านบนตัวกระบี่ ที่เกิดจากการเจียระไนลบคมเป็นเวลานาน ก็ได้หายไปนานแล้ว มันดูเรียบขึ้น สม่ำเสมอ คมกริบมากเช่นกัน
ยามสะบัดข้อมือเบาๆ ก็สามารถได้ยินเสียงของกระบี่ดังแผ่วขึ้นมา
ดวงตาของฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ ไล่มองมองจากปลายกระบี่ลงมา
ตัวกระบี่ทั้งเล่มกลายเป็นสีน้ำเงินที่ทั้งหนาและทึบแสง มีจุดแสงดาวประดับประดาอยู่ทั่ว ช่วยเพิ่มสีสันให้มันดูสดใส
เสมือนน้ำแข็งและความร้อน…มันคือการผสมผสานที่ลงตัว
พลังปราณอัดแน่นและการข่มพลังที่แผ่ออกมานั้นช่างน่าทึ่ง
ในใจของฉู่หลิวเยว่รู้สึกภูมิใจ และพอใจเป็นอย่างมาก
แม้ว่ากระบี่เล่มนี้จะไม่สามารถเทียบได้กับกระบี่หลงหยวนได้ แต่เมื่อเทียบคราแรกที่ได้มา ตอนนี้มันกลับดีกว่าเดิมหลายเท่า
หากมีกระบี่เล่มนี้ละก็ แม้แต่ผนึกศิลาขาวแสนชิ้นก็ยังไร้ค่า
ฉู่หลิวเยว่หายใจออกยาวๆ และเงยหน้าขึ้นทันที
ยามนี้กระบี่ได้ถูกหลอมขึ้นแล้ว เช่นนั้นนิมิตสวรรค์โลกาที่ถูกกระตุ้น ก็ควรจะสลายไปด้วย…
พลันการแสดงออกของฉู่หลิวเยว่ก็จำต้องหยุดชะงัก
เพราะเมื่อมองไปรอบๆ เมฆดำหนาทึบเหนือท้องฟ้ากลับไม่ได้สลายไปเลยแม้แต่น้อย!
ก้อนเมฆสีดำยังคงเคลื่อนตัวไปมา และกระแสความผันผวนขนาดใหญ่ยังคงหมุนอย่างช้าๆ
ฉู่หลิวเยว่เริ่มไม่สบายใจขึ้นมาทันที
“องค์ไท่จู่ องค์ไท่จู่? เพราะอันใดกัน? เหตุใดเมฆดำเหล่านั้นถึงยังไม่สลายไปเล่า?”
พลันร่องรอยของขลาดอาย ก็ปรากฏบนใบหน้าขององค์ไท่จู่
“คะ…คือเพราะขั้นตอนการหลอมกระบี่…ยังไม่เสร็จสมบูรณ์”
ฉู่หลิวเยว่ชะงัก
“อันใดนะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...