เชียงหว่านโจวยืนงุนงงอยู่ที่เดิมมาสักพักใหญ่
นางชนะแล้วหรือ?
ครรลองสายตาของเขาหยุดอยู่ที่แผ่นศิลาสีดำด้านหน้าร่างของนาง ดูท่า ค่ายกลด้านบนคงถูกกางเสร็จเรียบร้อยแล้ว
อีกทั้งเหมิงจิงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ก็มองแผ่นศิลาสีดำฝั่งตนเองอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
ค่ายกลครึ่งส่วนที่อยู่ด้านบนแตกกระจายไปแล้ว! ในที่สุดก็สลายไปอย่างสมบูรณ์
นี่ก็พิสูจน์ได้แล้วว่า ฉู่หลิวเยว่กางค่ายกลครึ่งหนึ่งของนางเรียบร้อยแล้วจริงๆ และยังทำลายค่ายกลทั้งหมดของเขาอีกด้วย
ใบหน้าของเขาขาวซีด พึมพำไม่หยุดว่า
“นี่เป็นไปได้อย่างใด…”
การแข่งขันเพิ่งเริ่มต้น เขายังไม่ทันได้คิดเลยด้วยซ้ำว่าจะเริ่มเช่นไร ทว่าฉู่หลิวเยว่กลับทำสำเร็จแล้ว
เขาพลันเงยศีรษะขึ้นมา เอ่ยตะโกนด้วยสีหน้าเดือดดาล
“เจ้าโกง เจ้าต้องโกงแน่ๆ”
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้ว เลื่อนสายตาชำเลืองมองเขาครั้งหนึ่ง
“ข้าโกง เจ้ามีหลักฐานหรือ?”
เหมิงจิงสะอึก ทว่าก็ยังคงกำหมัดแน่น เอ่ยด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง
“เจ้า…เจ้าหากว่าเจ้าไม่ได้โกง ปรมาจารย์ขั้นสี่เช่นเจ้าจะสามารถกางค่ายกลครึ่งหนึ่งอย่างสมบูรณ์ได้รวดเร็วขนาดนี้ได้อย่างใด? นี่คือค่ายกลระดับหกนะ”
อีกทั้งเมื่อเทียบกันแล้ว ค่ายกลอันนี้ซับซ้อนกว่าค่ายกลระดับหกธรรมดาอยู่บ้าง ต่อให้เขาเป็นปรมาจารย์ขั้นหกตัวจริงก็ยังต้องใช้ความพยายามมากอยู่ดี
ไม่ต้องพูดถึงฉู่หลิวเยว่เลยด้วยซ้ำ?
“ตัวเจ้าเองทำไม่ได้ก็เป็นเรื่องของเจ้า ผู้อื่นทำได้แปลว่าผู้อื่นมีความสามารถ ไม่มีหลักฐาน เช่นนั้นกล่าวให้ร้ายกันที่นี่ ข้าว่าไม่ค่อยเหมาะสมเท่าใดกระมัง? หรือว่าคนของสำนักพันธมิตรเก้าดาราเป็นขี้แพ้ชวนตีเช่นนี้กันหมดเลยหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ยันกายลุกขึ้น
ในตอนนั้นเอง บุรุษที่ถูกเชียงหว่านโจวบังคับให้ถอยกลับฉวยโอกาสนี้พุ่งเข้าหาเขา!
เชียงหว่านโจวหันศีรษะกลับไปมองเขาด้วยสายตาเย็นชารอบหนึ่ง
ในใจบุรุษผู้นั้นพลันบังเกิดความขลาดกลัว
จากนั้น เขาก็กัดฟัน ชักกริซสองเล่มข้างเอวออกมา หมายจะแทงเชียงหว่านโจวทั่วร่าง
“ตายซะ!”
ด้านบนของกริซทั้งสองเล่มมีชั้นน้ำแข็งบางลอยวนรอบ ความหนาวเย็นรุนแรงมาก
เชียงหว่านโจวยืนตระหง่านดุจขุนเขา เขาเพียงแค่ยกกระบี่ในมือขึ้นมาอีกครั้ง! สกัดกั้นกริซก่อนถึงร่างอย่างรวดเร็ว
เคร้ง…เคร้ง!
กริซสองเล่มพลันแทงเข้าด้านบนของกระบี่เทพเมฆาสำริด ทว่าถูกหยุดยั้งไว้อย่างง่ายดาย
ไม่ต้องพูดถึงว่าจะฟันกระบี่เล่มนี้ออกเป็นสองท่อน ขนาดรอยขีดข่วนสักเส้นก็ยังไม่ทิ้งไว้
สีหน้ามุ่งมั่นจะเอาชนะของฝั่งตรงข้ามแข็งค้างไปในชั่วพริบตา
กริซสองเล่มนี้เป็นไพ่ตายของเขา มันตัดผ่านเหล็กราวกับโคลนมาได้ตลอด…
เชียงหว่านโจวพลันถอยหลังไปหนึ่งก้าว หมุนข้อมือคว้ากริซสองเล่มของชายผู้นั้นแล้วยกขึ้น
ชิ้ง…
เสียงเหล็กตัดเสียดสีแหลมหูดังแว่วมา บนตัวกระบี่ปรากฏกลุ่มปักษาสีน้ำเงินบินมาจากทุกทิศทาง
ชายผู้นั้นพลันสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง คิดล่าถอยในทันที
กระบี่เล่มนี้…อันตรายนัก
ทว่าเขายังไม่ทันจะขยับตัว กระบี่ของเชียงหว่านโจวก็มาปรากฏต่อหน้าเขาแล้ว
ไอกระบี่เย็นเยียบปะทะเข้ากับใบหน้าเขาอย่างจัง
ทันทีที่บุรุษผู้นั้นเห็นประกายของมัน เขาก็พลันรู้สึกเย็นยะเยือกที่หน้าอก
ทันใดนั้น ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงแล่นปราดขึ้นมา
ลำคอที่แข็งเกร็งของเขาค่อยๆ ก้มศีรษะลงดู
กระบี่เล่มหนึ่งแทงทะลุผ่านหน้าอกด้านขวาของเขา
มีคราบเลือดสีแดงเข้มค่อยๆ ซึมออกมาผ่านเสื้อผ้าบริเวณหน้าอก
ริมฝีปากของเขาสั่นระริก ทว่ากลับไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อย
ชิ้ง…
เชียงหว่านโจวชักกระบี่กลับคืน
บริเวณปากแผลรู้สึกราวกับมีเปลวเพลิงคอยแผดเผา ทว่าก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีน้ำแข็งคอยแช่แข็ง
พลังสองสายอันแข็งแกร่งสู้กันเอง ทำให้เขาแทบหมดสติ
พลั่ก!
ร่างกายของเขาพลันทรุดลงบนพื้น
กริซสองเล่มบนมือร่วงระเนระนาดลงบนพื้นเช่นกัน
เชียงหว่านโจวหลุบตามองเขา แล้วเอ่ยประโยคหนึ่งออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“ของสิ่งนั้นก็เรียกว่าเป็นกระบี่หรือ?”
บุรุษที่ทั้งร่างยังคงนั่งกองไปกับพื้นตัวสั่นเทา ไม่กล้าเอ่ยคำอันใด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...