“…ท่านผู้นำ ตอนนี้เราจะทำอย่างใดดี?”
บรรยากาศของฝั่งพันธมิตรเก้าดาราหดหู่เสียจนไม่มีใครกล้าพูดอันใดแม้แต่คนเดียว
และมีเพียงผู้อาวุโสคนหนึ่ง ที่ทำใจก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ พร้อมพูดอย่างระมัดระวัง
จางหัวกัดฟันแน่น จนสันกรามนูนเด่น
โดนปรับแพ้ขนาดนี้แล้ว จะยังทำอันใดได้อีกหรือ?
ถ้ารู้แบบนี้แต่ทีแรก เขาคงไม่ผลีผลามเช่นนั้น! และรอแข่งอีกรอบเงียบๆ เสียยังดีกว่า!
ทว่าบนโลกนี้ไม่มียารักษาโรคสำนึกผิดขายหรอกนะ
“กลับ!”
เขาสะบัดแขนเสื้อของตัวเองอย่างแรง พลันหันหลังกลับและจากไปอย่างรวดเร็ว
สาวกของพันธมิตรเก้าดาราเดินตามเขาไปติดๆ และออกจากสนามประลองไปอย่างหดหู่ภายใต้สายตานับไม่ถ้วนที่จ้องมองมา
กระทั่งคล้อยหลังสมาชิกคนสุดท้าย จางหัวก็หันกลับมามองด้วยหางตา
ฉู่หลิวเยว่จึงเงยหน้ามอง พลางเลิกคิ้วด้วยความสงสัย
จางหัวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกลียดชัง
“คอยดูเถอะ ฉู่หลิวเยว่! เจ้าไม่มีทางอวดดีเช่นนี้ได้ทุกครั้งหรอก! ”
ฉู่หลิวเยว่เหยียดยิ้ม ดวงตาและคิ้วเรียวสวยโก่งโค้งลง
“การอวดทักษะของตัวเองนั้นเป็นเรื่องดี ดีกว่าการแพ้ติดๆ กันหลายรอบเสียอีก!”
จางหัวสำลักจนแทบจะกระอักเลือดออกมาเต็มปาก เขาห่อตัวด้วยความโกรธ และหายตัวไปจากสายตาของทุกคนอย่างรวดเร็ว
และไม่นาน คนของพันธมิตรเก้าดาราก็พากันออกไปจากแอ่งสี่ทิศ
เหลือไว้เพียงเสียงถอนหายใจของฝูงชนนับไม่ถ้วน
จากนั้นการประลองของอีกสามสำนัก ก็จบลงทีละรายการ
มีผู้ชนะเหลืออยู่เพียงไม่กี่สำนัก
ซึ่งจนแล้วจนรอด ตำแหน่งของสี่สำนักหลัก ก็ยังคงเป็นสี่สำนักเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ทว่าสำนักเพลิงศักดิ์สิทธิ์และอีกสามสำนักที่เหลือ ที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้กลับไม่ได้แพ้แล้วพาลเหมือนพวกพันธมิตรเก้าดารา
เพราะพวกเขารู้ตัวดีว่าพละกำลังและความแข็งแกร่งของพวกเขานั้น ยังเทียบสำนักภูเขาเขี้ยวมังกรไม่ได้ ซึ่งมันเป็นความพ่ายแพ้ที่สมเหตุสมผล
และกลายเป็นว่าชงซูเก๋อที่พวกเขาเคยคิดว่าเกือบจะแพ้ กลับเปลี่ยนความพ่ายแพ้เป็นชัยชนะในวินาทีสุดท้าย และได้ตำแหน่งกลับคืนมา ซึ่งทำให้พวกเขาประหลาดใจมาก
และในขณะเดียวกันก็รู้สึกโล่งใจด้วย
ขนาดพันธมิตรเก้าดารายังแพ้เลย เช่นนั้นพวกเขาเล่า?
โชคดีที่วันนี้พวกเขาไม่ใช่คู่แข่งของชงซูเก๋อ มิเช่นนั้นคงได้แพ้ราบคาบแล้วกลับบ้านด้วยความอัปยศอย่างพันธมิตรเก้าดาราเป็นแน่!
แต่นี่ก็เป็นการเตือนใจพวกเขาเช่นกัน ชงซูเก๋อในปัจจุบันอาจดูเหมือนเปลือกหอยที่ว่างเปล่า แต่ความจริงนั้นห้ามประมาทเปลือกแข็งๆ ของมันเป็นอันขาด
ดั่งคำว่า หัวเราะทีหลังดังกว่า
ในเมื่อได้บทเรียนตัวอย่างจากเหตุการณ์เมื่อครู่ของพันธมิตรเก้าดาราแล้ว พวกเขาก็ขออยู่อย่างสันติและซื่อสัตย์ดีกว่า
…
งานประชุมสำนักวิชาจบลงอย่างราบรื่น
ข่าวการประลองแพร่กระจายไปยังเมืองซีหลิงอย่างรวดเร็ว
ในหมู่สำนักวิชาทั้งหมด เหตุการณ์ต่างๆ ระหว่างชงซูเก๋อและพันธมิตรเก้าดารานั้น ได้รับการพูดถึงมากกว่าใคร
โดยเฉพาะเชียงหว่านโจวผู้ชนะศัตรูด้วยกระบี่เล่ม และฉู่หลิวเยว่ผู้เข้าประลองสามครั้งติดต่อกัน เพื่อเปลี่ยนแนวโน้มให้สำนักของตนได้ชัยชนะ ซึ่งถือเป็นข่าวลือที่หนาหูอย่างยิ่ง
แม้แต่คนที่เคยคิดว่าฉู่หลิวเยว่ได้ที่หนึ่งในงานหมื่นทูร เพราะโชคช่วย ก็ยังต้องเปลี่ยนความคิด
ปกติฉู่หลิวเยว่ก็ดังในซีหลิงอยู่แล้ว และตอนนี้ชื่อเสียงของนางก็ยิ่งดังกระฉูด
และกลายเป็นดาวเด่นผู้ไร้เทียมทานอย่างรวดเร็ว
…
ในเขตพระราชวัง ณ ตำหนักฮวาหยาง
สาวใช้สองคนกำลังยืนซุบซิบกันอยู่ใต้ต้นกุ้ยฮวา
“ไอ้หยา เจ้าจะบอกว่าฉู่หลิวเยว่ผู้นั้น เก่งกาจขนาดนั้นเชียวหรือ?”
“หากไม่เก่งจะชนะสามครั้งซ้อนได้เช่นไร? คราวนี้ที่ชงซูเก๋อรักษาตำแหน่งสี่สำนักหลักไว้ได้ ก็เพราะนางล้วนๆ!”
“ไหนว่านางเป็นสาวชั้นต่ำที่มาจากครอบครัวจนๆ อย่างใดเล่า?”
“ใครจะรู้ ไม่แน่นางอาจจะซ่อนฐานะของตัวเองไว้ก็ได้? แต่ถึงนางจะยากจน แต่นางก็แข็งแกร่งจริงๆ! เมื่อตอนที่นางมาที่นี่ครั้งแรก นางเป็นแค่จอมยุทธระดับสาม แต่นางก็เอาชนะจอมยุทธระดับห้าได้มากกว่าหนึ่งครั้ง! อีกอย่าง นางเพิ่งมาถึงซีหลิงได้ไม่นาน น่าจะไม่ถึงสองเดือนด้วยซ้ำ แต่นางกลับข้ามขั้นจากจอมยุทธระดับสามไปสู่จอมยุทธระดับสี่ขั้นสูงแล้ว ความรวดเร็วเช่นนี้…ช่างน่าอิจฉาจริงๆ!”
“นั่นก็จริง…ไม่ต้องพูดถึงจอมยุทธระดับสาม แต่นางกลับมีทักษะทุกด้าน และคนที่มากความสามารถเช่นนี้ ก็ไม่ค่อยมีให้เห็นในเมืองซีหลิง! ถ้าเป็นเมื่อก่อน ก็จะมีองค์หญิงใหญ่ที่…”
“กรี๊ดดด นี่เจ้าอยากตายหรือ! กล้าเอ่ยนามท่านผู้นั้นออกมาได้เช่นไร! เดี๋ยวองค์หญิงสามก็ได้ยินเอาหรอก…”
สาวใช้คนหนึ่งรีบตบแขนหญิงสาวอีกคนและพูดอย่างร้อนรน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...