“องค์หญิงสามน่ะหรือเชิญข้าเข้าวัง?”
ฉู่หลิวเยว่เหลือบตาขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความมึนงง
“เจ้าค่ะ องค์หญิงสามได้ยินว่าคุณหนูฉู่เป็นผู้กอบกู้สถานการณ์วิกฤตที่เกิดขึ้นในงานประชุมสำนักวิชา ซึ่งนับเป็นความกล้าหาญอันโดดเด่น และน่าชื่นชมมาก เพราะฉะนั้นเลยอยากเชิญคุณหนูเข้าไปพูดคุยกันในวังน่ะเจ้าค่ะ”
สองมือของฉานอี้กุมท้องน้อย พร้อมกับเอ่ยไปทีละคำ
ถึงแม้จะอยู่ในชงซูเก๋อ แต่นางก็ยังให้ความเคารพ เอาจริงเอาจัง และปฏิบัติตนดีเปรียบเสมือนอยู่ในวัง
ความคิดมากมายแวบเข้ามาในหัวของฉู่หลิวเยว่
ในตอนนั้นนางไม่รู้ว่าจะเข้าใกล้คนเหล่านั้นได้เช่นไร แต่กลับเป็นซั่งกวนหว่านที่ออกตัวเชิญนางเข้าไปในพระราชวังด้วยตนเอง
อีกฝ่ายเรียกตัวนางกะทันหัน เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่า “ความชื่นชม” เลยสักนิด แต่เป็นเพื่อจุดประสงค์อื่น
ในความเป็นจริง ก่อนหน้านี้ขณะที่นางอยู่ที่สวนเทพเนรมิต ฉู่หลิวเยว่จงใจทำให้ซั่งกวนหว่านสงสัย ทุกคราที่ขมวดคิ้วและยิ้ม ก็ล้วนเป็นความตั้งใจที่จะทำท่าทางให้เหมือนตนเองในสมัยก่อน
นั่นไม่ใช่เพียงแค่การทำเพื่อให้ซั่งกวนหว่านไม่สบายใจเท่านั้น แต่ยังเป็นการฝังเมล็ดพันธุ์ความสงสัยไว้ในใจของนางอีกด้วย
คิดไม่ถึงว่าผ่านไปแค่ไม่กี่เพลา ซั่งกวนหว่านก็นั่งไม่ติดเสียแล้ว
งานประชุมหมู่เหล่าสำนักเพิ่งจะจบไปเมื่อวันก่อน เช้าวันนี้ซั่งกวนหว่านก็ส่งฉานอี้มาในทันที
ดูเหมือนความอดทนของนางจะไม่ได้ดีเหมือนเคยเสียแล้ว…
“การได้รับคำเชื้อเชิญอันจริงใจจากองค์หญิงสาม นับเป็นเกียรติของคุณหนูนะเจ้าคะ”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มเบาๆ ใบหน้าของนางปนไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและความตื่นเต้น
ราวกับนางปลาบปลื้มเป็นอย่างมาก และพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะควบคุมท่าทางของตนไว้
“ไม่ทราบว่าองค์หญิงสามได้นัดไว้เวลาใดหรือ?”
“หากคุณหนูฉู่ไม่ติดอันใด ก็ขอเชิญกลับพระราชวังไปพร้อมข้าน้อยวันนี้เลยเป็นอย่างใด?”
“วันนี้เลยหรือ?”
ดูเหมือนฉู่หลิวเยว่จะลังเลเล็กน้อย
“วันนี้น่ะไม่ติดสิ่งใด แต่จะเป็นอันใดหรือไม่ หากข้าไม่ได้เตรียมตัวเข้าวังเลย?”
ฉานอี้กวาดสายตาไปทั่วใบหน้าของฉู่หลิวเยว่อย่างรวดเร็ว ร่องรอยของความดูถูกผุดขึ้นในใจ แต่สีหน้าของนางนั้นไม่ได้แสดงออกมาแม้แต่น้อย นางยังคงมีท่าทีสุภาพ
“เรื่องพวกนี้คุณหนูฉู่ไม่ต้องกังวลไป องค์หญิงสามให้ความสำคัญกับคุณหนูเป็นอย่างมาก องค์หญิงไม่ใส่ใจกับเรื่องเหล่านี้หรอกเจ้าค่ะ”
ความกังวลบนใบหน้าของฉู่หลิวเยว่หายไป ก่อนจะเผยให้เห็นรอยยิ้มที่มั่นใจและสดใส
“หากเป็นอย่างนั้นข้าก็สบายใจแล้ว เช่นนั้นก็… รบกวนเจ้าด้วย”
“เชิญเจ้าค่ะ คุณหนูฉู่”
ขณะฉู่หลิวเยว่เดินตามฉานอี้ออกมาจากทางเข้าหลักของห้องโถง เย่หรานหร่านและเชียงหว่านโจวที่รออยู่นอกประตูอย่างกระวนกระวายใจก็มองมา
แท้จริงแล้วประตูไม่ได้ปิดไว้ พวกเขาจึงได้ยินบทสนทนาที่เกิดขึ้นด้านในระหว่างฉู่หลิวเยว่และบุคคลที่สองจากข้างนอกได้อย่างชัดเจน
เย่หรานหร่านก้าวไปข้างหน้าและเอ่ยถามอย่างลังเล
“หลิวเยว่ เจ้าจะเข้าวังจริงๆ หรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มตอบ
“ใช่ องค์หญิงสามส่งคนมาเชิญด้วยตนเอง ซึ่งก็แสดงถึงความจริงใจของนาง ไม่ต้องห่วง ข้าไปเดี๋ยวก็กลับ”
การกระทำของซั่งกวนหว่านในครานี้โจ่งแจ้งนัก ต่อให้นางต้องการจะทำอันใดบางอย่างจริงๆ ก็คงไม่เลือกลงมือในครั้งนี้เป็นแน่
เรื่องแค่นี้ ซั่งกวนหว่านคิดได้อยู่หรอก
เย่หรานหร่านกวาดสายตามองฉานอี้อย่างรวดเร็ว
ไม่รู้ด้วยเหตุอันใด นางมักจะรู้สึกว่าสตรีในราชสำนักนางนี้มีลับลมคมในบางอย่าง
แม้ว่านางจะดูไม่มีอันใดผิดปกติ แต่…มันมีกลิ่นอายของสิ่งที่ทำให้คนรู้สึกไม่ชอบและก็รู้สึกไม่สบายใจ
“เช่นนั้น…เจ้าก็รีบกลับแล้วกัน”
ฉู่หลิวเยว่ฉีกยิ้มจนใบหน้าอันกลมมนของนางบีบเข้าหากัน
“รับทราบ!”
สาวน้อยผู้นี้คิดว่าตนเองปิดบังได้แนบเนียนแล้ว แต่ความจริง ความคิดทั้งหมดของนางนั้นถูกเขียนไว้บนใบหน้าหมดแล้ว
นางมองไปยังเชียงหว่านโจว
ทั้งสองสบตากัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...