ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 649

ฉู่หลิวเยว่เดินตามฉานอี้ไปเข้าประตูด้านข้าง และมุ่งตรงไปยังตำหนักฮวาหยาง

ตอนนี้เป็นช่วงฤดูหนาว ทำให้อากาศหนาวเย็นและมีลมกรรโชกแรง สายลมเหล่านั้นพัดใส่ใบหน้าของผู้คนราวกับโดนมีดกรีดไปตามผิวหนัง

ทันใดนั้น ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วหว่างคิ้ว

นางเงยหน้าขึ้น

ก่อนจะเห็นเกล็ดหิมะสีขาวตกลงมา

หิมะกำลังตก

ทั้งสองคนเดินไปข้างหน้าจนสุดทาง และเมื่อเดินมาถึงห้องตำหนักฮวาหยาง ชั้นหิมะบางๆ ก็ตกลงมาบนแผ่นศิลาสีฟ้าที่ราบเรียบ

เมื่อเห็นฉานอี้กลับมา ข้าราชบริพารในวังก็คำนับนางทีละคน

สายตาหลายคู่ล้วนจับจ้องไปที่ฉู่หลิวเยว่

ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ยินข่าวมาแล้วว่า ทางตำหนักขององค์หญิงสามได้เชิญฉู่หลิวเยว่เข้าเฝ้า

และคนผู้นี้…ก็คงจะเป็นฉู่หลิวเยว่ตัวจริง

เมื่อก่อนพวกเขาเคยได้ยินแต่ข่าวลือ ทว่าตอนนี้กลับได้เห็นตัวจริงแล้ว และรู้ว่าข่าวลือเหล่านั้นค่อนข้างเชื่อถือได้

อย่างน้อยรูปร่างหน้าตาที่มีเสน่ห์ และนิสัยอันโดดเด่นนี้ก็สมกับคำล่ำลือจริงๆ

ฉานอี้ก้าวเท้าไปด้านหน้า

“กราบทูลองค์หญิงสาม ฉู่หลิวเยว่มาถึงแล้วเพคะ”

จากนั้นก็มีน้ำเสียงนุ่มนวลดังออกมาจากด้านใน

“ไฉนยังไม่รีบเข้ามาอีกเล่า?”

ฉานอี้จึงหันไปเชิญฉู่หลิวเยว่

“เชิญคุณหนูฉู่ เจ้าคะ”

ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเล็กน้อยและตามนางเข้าไป

แต่ไหนแต่ไรตำหนักฮวาหยางนั้นเป็นที่พักผ่อนส่วนตัวของซั่งกวนหว่าน

ในบรรดาตำหนักต่างๆ ในพระราชวัง ตำหนักฮวาหยางนั้นไม่ได้โดดเด่นมากนัก

ไม่ว่าจะเป็นขนาดของมัน ตำแหน่งที่ตั้ง หรือการตกแต่ง ก็ล้วนอยู่ในระดับปานกลาง

มารดาของซั่งกวนหว่านนั้นมีฐานะต่ำต้อย ซั่งกวนหว่านเองก็ไม่สู้คน ทำให้สมัยเด็กนางถูกรังแกอยู่บ่อยครั้ง

ต่อมาฉู่หลิวเยว่ก็มองว่านางน่าสงสาร และรู้สึกเห็นใจ จึงมักจะไปขอให้บิดาของตนช่วยเสมอ

ตั้งแต่นั้นมา ซั่งกวนหว่านก็มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และได้ย้ายไปอาศัยอยู่ที่ตำหนักฮวาหยาง

แม้ว่าตำหนักฮวาหยางจะไม่ได้โอ่อ่าเท่าตำหนักของฉู่หลิวเยว่ แต่มันก็เป็นการปรับปรุงที่ยอดเยี่ยมสำหรับซั่งกวนหว่านในเวลานั้น

เดิมทีฉู่หลิวเยว่คิดว่าหลังจากที่นางยึดอำนาจไปแล้ว นางจะย้ายไปอยู่ที่อื่น แต่กลับคิดไม่ถึงว่านางจะยังอยู่ที่เดิม

ทว่าทั่วทั้งตำหนักฮวาหยางก็ได้รับการปรับปรุงใหม่แล้ว

ดูจากทัศนียภาพและการตกแต่งโดยรอบแล้ว คงจะใช้เงินไปจำนวนไม่น้อยเชียว

และทันใดนั้นก็มีร่างของสตรีรูปงามนางหนึ่ง ก้าวออกมาจากหลังม่านกั้น

รูปลักษณ์ที่สวยงาม รอยยิ้มมุมปากพราวเสน่ห์ และบรรยากาศเย็นสบายรอบตัวเสมือนกลิ่นของฤดูใบไม้ผลิ อีกทั้งความสง่างามและความเย่อหยิ่งของราชนิกูลตรงระหว่างคิ้วของนาง

ซั่งกวนหว่าน!

ฉู่หลิวเยว่ชำเลืองมองนาง พลางคุกเข่าลงและทำความเคารพ

“ถวายบังคมองค์หญิงสาม”

ซั่งกวนหว่านก้าวไปข้างหน้าเพื่อให้กำลังใจนางเล็กน้อย และพูดด้วยรอยยิ้ม

“รีบลุกขึ้นเถิด วันนี้ข้าเป็นคนชวนเจ้ามาพูดคุยกัน ฉะนั้นเจ้าอย่าได้เป็นทางการนักเลย”

แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น ทว่านางก็ยังยืดไหล่ยืนตัวตรง และอยู่ห่างจากฉู่หลิวตั้งสามก้าว ราวกับไม่ได้หมายความจะเป็นมิตรด้วยเลยสักนิด

ฉู่หลิวเยว่เคยเห็นกลอุบายเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้มาหลายครั้งแล้ว นางจึงไม่ได้สนใจ หลังจากคุกเข่าและทำความเคารพแล้ว นางก็ลุกขึ้นและยิ้มให้ซั่งกวนหว่าน

“ขอบพระคุณองค์หญิงสามเพคะ”

ซั่งกวนหว่านตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง พลันหยุดชะงักไปชั่วขณะ

ครั้งล่าสุดที่พบกัน พวกนางยืนอยู่ห่างกันมาก จึงทำให้มองเห็นอีกฝ่ายได้ไม่ชัดเจนนัก

ทว่ายามที่ได้มองกันใกล้ๆ เช่นนี้ ส่งผลให้นางมองเห็นใบหน้านั้นได้ชัดเต็มสองตา

บทที่ 649 ชีพจรดั้งเดิม 1

บทที่ 649 ชีพจรดั้งเดิม 2

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์