ทั้งสองคนเงยหน้าขึ้นไปมองพร้อมกัน และคนที่เข้ามาใหม่คือ เจียงอวี่เฉิง นั่นเอง
เขาเดินตรงมาทางนี้ ใบหน้าประดับรอยยิ้มเล็กน้อย
“หว่านเอ๋อร์ ข้ากำลังคิดว่าจะเข้าวังไปพบเจ้าพอดีเลย เพื่อคุยเรื่องงานแต่งงาน แต่เจ้าก็มาที่นี่พอดี”
เมื่อได้ยินเขาพูดถึงเรื่องนี้ ในใจของซั่งกวนหว่านก็รู้สึกหวานล้ำ ใบหน้าดูดีขึ้นมากกว่าเดิม
เจียงอวี่เฉิงพูดไปด้วย พร้อมเดินเข้ามานั่งข้างๆ พวกนางด้วย จากนั้นก็ถามขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจว่า
“เหตุใดถึงไม่บอกก่อนเล่าว่าจะมา? เมื่อเจ้ามาแล้วที่จวนไม่มีคนออกมาต้อนรับเลย เป็นการละเลยเจ้าอย่างมาก”
“ไม่เป็นไร จู่ๆ ข้าก็แค่อยากมาเท่านั้น จึงพาแค่ฉานอี้มาที่นี่ แล้วอีกอย่างที่นี่ก็มีอวี่จือคอยต้อนรับข้าอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?”
ซั่งกวนหว่านพูดยิ้มๆ
“หื้ม?” เจียงอวี่เฉิงเหลือบสายตาไปมองเจียงอวี่จือ “แล้วเมื่อครู่นี้พวกเจ้ากำลังคุยเรื่องอันใดกันอยู่หรือ?”
เขากวาดสายตามองตัวของเจียงอวี่จืออย่างช้าๆ ตอนนั้นเองก็ทำให้เจียงอวี่จือรู้สึกร้อนตัวขึ้นมา
นางก้มหน้าลงแล้วพูดพึมพำว่า
“ก็…ก็ไม่มีเรื่องอันใด…”
“นางบอกว่าช่วงนี้ไม่ได้ออกจากจวนเลย ไม่รู้ว่าด้านนอกเกิดเรื่องอันใดสนุกๆ ขึ้นบ้าง ดังนั้นจึงขอให้ข้าเล่าเรื่องราวให้นางฟังบ้าง”
ซั่งกวนหว่านต่อบทสนทนาอย่างราบรื่นและไม่เปลี่ยนสีหน้า และเหมือนว่ากำลังมองเจียงอวี่เฉิงด้วยความโกรธเล็กน้อย
“จะว่าไปแล้วนางก็เป็นน้องสาวแท้ๆ ของเจ้า เหตุใดเจ้าถึงขังนางเอาไว้ในจวนล่ะ? เจ้าเห็นหรือไม่ว่านางรู้สึกน้อยใจไปหมดแล้ว? ไม่เช่นนั้นครั้งนี้ก็ปล่อยนางไปสักครั้งดีหรือไม่?”
เจียงอวี่จือลอบส่งสายตาให้นางด้วยความซาบซึ้ง
“คือว่า…” เจียงอวี่เฉิงมองใบหน้าของพวกนางทั้งสองแล้วหัวเราะขึ้นมา “ในเมื่อหว่านเอ๋อร์ขอร้องด้วยตนเองเช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่ข้าจะปฏิเสธ อวี่จือ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป การลงโทษกักบริเวณของเจ้าเป็นอันยกเลิก”
เจียงอวี่จือเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความประหลาดใจ
“แต่ว่า เรื่องที่ข้าสั่งเจ้าไว้ก่อนหน้านี้ เจ้าจะต้องจำไว้ให้ได้ ไม่เช่นนั้นแล้ว…จะไม่มีใครสามารถช่วยเจ้าได้”
“ข้าเข้าใจแล้ว! ขอบคุณท่านพี่เจ้าค่ะ! ขอบพระทัยองค์หญิงสามเพคะ!”
เจียงอวี่จือรู้สึกอุดอู้มาตั้งนานแล้ว เดิมทีที่นางออกมาเพื่อจะมาขอร้องท่านพี่เกี่ยวกับเรื่องนี้
แต่คิดไม่ถึงว่านางยังไม่ทันได้เอ่ยปาก แต่ก็สำเร็จเสียแล้ว!
แล้วจะไม่ให้นางดีใจได้อย่างใด?
ในตอนนั้น นางก็นับว่าซั่งกวนหว่านเป็นผู้มีพระคุณของนางแล้ว
เจียงอวี่เฉิงยิ้ม แล้วหยิบแหวนเฉียนคุนออกมาวงหนึ่ง
“ข้ารู้ว่าเจ้าอยากออกไปข้างนอกตั้งนานแล้ว เอาไปสิ วันนี้เจ้าจะเอาไปซื้ออันใดก็ได้ แต่ว่า ต้องพาลุงฝูไปด้วย”
ลุงฝูคือผู้อาวุโสในจวนตระกูลเจียง เขามีวรยุทธ์ระดับเจ็ดขั้นปลายแล้ว
มีเขาติดตามไปด้วย เขาก็สามารถปกป้องคุ้มครองเจียงอวี่จือได้
เจียงอวี่จือกรีดร้องอย่างมีความสุข และรีบคว้าแหวนเฉียนคุนไปอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ากลัวเจียงอวี่เฉิงจะเปลี่ยนใจ จากนั้นนางก็พูดขึ้นว่า
“ข้าทราบแล้ว! ขอบคุณท่านพี่มากเจ้าค่ะ!”
เมื่อพูดจบ นางก็รีบวิ่งออกไปทันที
“ลุงฝู! ลุงฝู! รีบไปเร็วเข้า!”
เมื่อเห็นว่าเจียงอวี่จือหายลับไปจากสายตาแล้ว เจียงอวี่เฉิงก็ถอนหายใจออกมา
เขาเบนสายตาหันไปมองซั่งกวนหว่าน
“หว่านเอ๋อร์ ที่เจ้ามาวันนี้…”
เขาไม่เชื่อว่าจู่ๆ ซั่งกวนหว่านจะอยากมาที่นี่จริงๆ
ซั่งกวนหว่านจ้องหน้าเขาครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดสิ่งที่จั่วหมิงซีรายงานวันนี้ซ้ำอีกรอบ
ยิ่งพูด ใบหน้าของเจียงอวี่เฉิงก็ยิ่งเย็นชามากขึ้น
“…เรื่องมันก็ประมาณนี้ แต่ตอนนี้ใต้เท้าจั่วกำลังสงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง เพียงแต่ว่าเขาไม่มีหลักฐานเท่านั้น ส่วนข้าก็คิดไปคิดมาแล้ว จึงคิดว่าควรนำเรื่องนี้มาปรึกษากับเจ้า”
ซั่งกวนหว่านพูดไปด้วย พร้อมกับสังเกตสีหน้าของเจียงอวี่เฉิงไปด้วย
ดูไปแล้ว…เหมือนว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จริงๆ…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...