ตอนซั่งกวนเยว่ก็เป็นเช่นนี้
วันแต่งงานของนางกับเจียงอวี่เฉิง ก็เป็นวันเดียวกับวันขึ้นครองราชย์
แต่ว่าหลังจากคนตายไปแล้ว ก็ไม่สามารถจัดงานต่อไปได้
ตอนนี้กว่าจะถึงคราวของนาง แล้วจะให้รอช้าอยู่ได้อย่างใด?
ถ้าได้นั่งตำแหน่งนั้นช้าหนึ่งวัน นางก็รู้สึกไม่สบายใจเพิ่มขึ้นอีกวัน
เจียงอวี่เฉิงมองท่าทีหนักแน่นของนาง ราวกับว่านางได้ตัดสินใจลงไปแล้ว เขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดหัวขึ้นมา
“แต่ว่า…หว่านเอ๋อร์ หรือว่าเจ้าลืมเรื่องที่สำคัญที่สุดไปแล้วหรือ? หากเจ้าต้องการขึ้นตำแหน่งอย่างสมเหตุสมผลจริงๆ …เช่นนั้นเจ้าจะต้องมีคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่ง…แต่ตอนนี้ร่างกายของเจ้า”
สีหน้าของซั่งกวนหว่านเปลี่ยนไปในทันที นางกัดฟันกรอด
นางจำเรื่องนี้ได้อยู่แล้ว!
จักรพรรดิทุกคนของราชวงศ์เทียนลิ่ง ตอนที่จะขึ้นครองราชย์จะต้องถือคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งต่อหน้าเหล่าขุนนางน้อยใหญ่!
เพื่อเป็นการยืนยันตัวและฐานะของตนเอง!
และเป็นตัวแทนอำนาจสูงสุดของราชวงศ์เทียนลิ่งอีกด้วย!
แต่อย่างใดก็ตามคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งนี้มีน้ำหนักมากกว่าหมื่นจิน มีเพียงแค่นักรบระดับแปดเท่านั้นที่จะสามารถยกมันขึ้นได้!
ในตอนนี้ชีพจรของซั่งกวนหว่านถูกทำลายจนหมดสิ้น ดังนั้นจึงไม่มีทางทำได้แน่!
แต่สามารถใช้กลวิธีปกปิดคนอื่นว่านางไม่ใช่ตัวขยะ
แต่นางไม่สามารถหลอกลวงปิดบังคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งได้แน่นอน!
“เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ว่า หากตอนนั้นเจ้าไม่สามารถยกคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งขึ้นมาได้ ขุนนางทั้งหมดจะมองเจ้าอย่างใด? พวกเขาจะคิดว่าเจ้าไม่มีความสามารถและคุณสมบัติที่จะสืบเชื้อสายราชวงศ์เทียนลิ่ง!”
คทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งนั้นถือว่าเป็นของวิเศษที่หลงเหลืออยู่ในราชวงศ์เทียนลิ่ง
มีคนจำนวนนับไม่ถ้วนให้ความเคารพบูชาและนับถือมัน
มันคือความเชื่อของทุกคน
มีเพียงแค่คนที่ได้รับการยอมรับจากคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งเท่านั้น ถึงจะสามารถเป็นจักรพรรดิที่แท้จริงได้!
ถ้าหากซั่งกวนหว่านล้มเหลวทั้งชีวิตนี้นางจะไม่สามารถกำจัดเงาดำนี้ไปได้ตลอดชีวิต!
ซั่งกวนหว่านกัดริมฝีปากแน่น
ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดมาตลอดว่าต้องรอให้เสด็จพ่อฟื้นขึ้นมา จากนั้นถึงจะดำเนินแผนการนี้ต่อไป
แต่เมื่อดูจากตอนนี้แล้ว ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาจะต้องรอไปอีกนานแค่ไหน
แต่อย่างใดก็ตามซั่งกวนหว่านอยากได้ตำแหน่งจักรพรรดิจนอดใจรอไม่ไหวแล้ว!
นางพูดขึ้น
“เช่นนั้นก็ต้องหาทางฟื้นฟูชีพจรของข้าให้กลับมาดังเดิมก็ได้แล้ว! ไม่ว่าอย่างใดงานหมื่นทูรก็ได้จบลงไปแล้ว…”
เจียงอวี่เฉิงมองนางอย่างประหลาดใจ จากนั้นก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นแล้วพูดว่า
“ไม่ได้! ตอนนี้มันยังเร็วเกินไป หากจะทำเรื่องเช่นนี้ มันจะต้องดึงดูดความสงสัยของคนอื่นอย่างแน่นอน…”
“สงสัยแล้วอย่างใด? ตอนแรกก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่สงสัยในการตายของซั่งกวนเยว่ไม่ใช่หรือ? ผลสุดท้ายแล้วมันก็ผ่านไปได้ด้วยดีไม่ใช่หรือ?” ซั่งกวนหว่านแค่นหัวเราะ “ตราบใดอำนาจที่แท้จริงยังอยู่ในมือ ไม่ว่าความสงสัยอันใดก็จะสลายไปอยู่ดีนั่นแหละ”
เจียงอวี่เฉิงมองไปที่นางด้วยความเย็นชา
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าใช้ความพยายามไปมากเท่าไรกว่าจะคลี่คลายความสงสัยเหล่านั้นได้?”
ซั่งกวนหว่านกลอกตามอง จากนั้นนางก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่ด้านหน้าของเจียงอวี่เฉิง
ใบหน้าที่เย่อหยิ่งจองหองของนาง ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มหวานหยดย้อย
นางเอนตัวซบลงในอ้อมกอดของเขา มือทั้งสองข้างก็กอดเอวของอีกฝ่ายไว้ แล้วพูดอย่างออดอ้อนว่า
“หว่านเอ๋อร์รู้อยู่แล้ว อวี่เฉิงนั้นดีต่อข้ามากที่สุด ไม่ใช่หรือ?”
นางไม่ได้แทนตัวเองว่า “ข้า”
“ไม่ว่าอย่างใดสถานการณ์ตอนนี้ก็เป็นเช่นนี้แล้ว ไม่มีอันใดสามารถเปลี่ยนแปลงได้ บางทีอาจจะมีเพียงวิธีที่ทำให้ข้าฟื้นฟูชีพจรเท่านั้น…ต่อให้ไม่ทำตอนนี้ หลังจากนี้ก็ต้องทำอยู่ดี ขอแค่ระวังตัวให้มากหน่อย จะต้องไม่เกิดปัญหาอย่างแน่นอน”
มือของนางกำลังปัดป่ายอยู่ที่แขนของเขาอย่างช้าๆ ใบหน้าก็มีประกายความเศร้าหมอง
“ตอนนี้พวกเราทั้งสองคนต่างบาดเจ็บ พลังของเจ้าใช้เวลาแค่หนึ่งปีกว่าก็ฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว แต่ว่าข้า…”
เจียงอวี่เฉิงหลับตาลง เพื่อปิดบังความโกรธในแววตา
เขาเกลียดที่ซั่งกวนหว่านพูดถึงเรื่องนี้มากที่สุด ราวกับกำลังย้ำเตือนว่านี่ไม่ใช่แขนของเขา!
แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้รู้สึกผิดปกติอันใด แต่ในส่วนลึกของเขากลับรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
ถ้าวันนี้เขาไม่ตอบตกลงไป ซั่งกวนหว่านจะไม่หยุดพักอย่างแน่นอน
หลังจากที่เขาครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดเขาก็พยักหน้า
“ได้”
ซั่งกวนหว่านเงยหน้ามองเขาอย่างดีใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...