เซี่ยมู่เงยหน้าขึ้น จากนั้นก็เห็นเป็นใบหน้าที่คุ้นเคย
แววตาของมารร้ายผู้สูงส่งยังมีรอยยิ้มปรากฏขึ้น สายตาราวกับดอกท้อต้องแสงกลางเดือนสาม เป็นความอบอุ่นที่ทำให้จิตใจผู้คนหวั่นไหวมากที่สุด
หรงซิว!
เขาสวมชุดแพรสีขาว เสื้อคลุมตัวใหญ่สีดำ ใบหน้านวลเนียนราวกับแสงจันทร์ขาวยามค่ำคืน
ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก จนทำให้ได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน
ภายในรถม้ามีเตากำยานสีทองวางอยู่ มันกำลังเผาไหม้อย่างเงียบๆ จึงทำให้บรรยากาศในรถม้าทั้งคันนี้อุ่นขึ้น
เดิมทีรถม้าที่ดูกว้างขวางกลับเล็กลงไปถนัดตา
การกระทำของเซี่ยมู่หยุดชะงัก ม่านตาสีดำขลับคล้ายหมึกมีร่องรอยของความประหลาดใจพัดผ่าน
หรงซิวขยับตัวเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด ยกมือขึ้นเบาๆ จากนั้นก็ถอดหน้ากากเหล็กของเซี่ยมู่ออกอย่างง่ายดาย
ตอนที่เขาเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลไฟไหม้ แทนที่จะมีความไม่พอใจในแววตา แต่เขากลับยกยิ้มมุมปากขึ้น
“ทำได้ไม่ค่อยดีเลย ถ้ามองใกล้ๆ จะต้องมองออกอย่างแน่นอน มิน่าล่ะเจ้าถึงได้ร้อนใจเช่นนี้”
ขณะที่เขากำลังพูดอยู่ เขาก็ลูบคางของเซี่ยมู่เบาๆ จากนั้นก็ค่อยๆ ลอกรอยแผลเป็นนั้นออกอย่างง่ายดาย
ใบหน้าเกลี้ยงเกลางดงาม ก็ปรากฏแก่สายตา
ถ้าไม่ใช่ฉู่หลิวเยว่แล้วจะเป็นใครได้?
หรงซิวกวาดสายตาไปบนหน้าของนางอย่างละเอียด
ไม่ได้เจอกันเพียงไม่กี่วัน เหมือนว่าเขาจะคิดถึงอีกฝ่ายแทบคลั่ง
เขาขยับนิ้วชี้เคาะเบาๆ หน้ากากเหล็กที่ทำขึ้นอย่างหยาบๆ ก็ได้กลายเป็นฝุ่นผงอย่างไร้เสียง
แค่การขยับมือเพียงเล็กน้อย ฝุ่นเหล่านั้นก็ลอยหายออกไปจากสายตา
ในตอนนั้นเองเขาก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นแล้วขยับตัวพิงผนังรถ
สันกรามเรียบคม ลูกกระเดือกขยับขึ้นลงอย่างชัดเจน อีกทั้งหยกคาดเอวก็ส่องประกายระยับ
เขามองไปยังแม่นางตรงหน้าที่ยังไม่ได้สติกลับคืนมาด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“กำลังมองอันใดอยู่หรือ?”
น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำและดูเกียจคร้าน ปลายเสียงสั่นเล็กน้อย เหมือนมีตะขอเกี่ยวเข้ากับหัวใจของคนฟัง ทำให้นางรู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้นมา
ตอนที่พูดคุยกันนั้น ลูกกระเดือกที่ขยับขึ้นลงก็ดูน่าดึงดูดอย่างมาก
ฉู่หลิวเยว่จ้องมองที่กระดุมหยกเม็ดนั้น ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามันขัดหูขัดตาเล็กน้อย
ที่เขาสวมชุดเช่นนี้ มันจะไม่อึดอัดหรือ?
“หือ?”
ตอนนั้นเองฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกได้ว่าเหมือนนางจะถูกยั่วเย้าด้วยอันใดบางอย่าง
มารร้าย!
นางแอบก่นด่าอยู่ในใจ
“หึ”
ฉู่หลิวเยว่แค่นหัวเราะขึ้นจมูกมาหนึ่งเสียง แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินว่าหรงซิวกำลังพูดอันใดอยู่
“ปล่อยข้าลงนะ!”
ตอนที่ร้อนรนขนาดนี้ เขายังมีแก่ใจมาล้อเล่นอีกหรือ?
อย่างใดก็ตาม หรงซิวก็ยังวางมืออยู่ตรงเอวของฉู่หลิวเยว่ไม่ยอมปล่อย นิ้วมือของเขาขยับไปมาเบาๆ สายรัดเอวของฉู่หลิวเยว่ก็ถูกปลดออกอย่างไร้เสียง และค่อยๆ หลุดออกจากร่างของนาง
“หรงซิว?”
ฉู่หลิวเยว่อุทานเสียงเบา ก่อนจะมองไปทางเขาอย่างประหลาดใจ
การเคลื่อนไหวของหรงซิวนั้นรวดเร็วอย่างมาก เร็วเสียจนเสื้อคลุมด้านนอกข้างนางได้ร่วงไปกองที่พื้นแล้ว
“แควก”
ตอนที่เสื้อคลุมกำลังจะหลุด คาดไม่ถึงว่าเขาจะฉีกเสื้อนั้นทิ้งด้วย ชั่วพริบตาเดียวเสื้อตัวหนึ่งก็กลายเป็นเศษผ้าในทันที
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกสับสนอย่างมาก
นี่หรงซิวกำลังทำอันใดเนี่ย?
จากนั้นเขาก็เห็นหรงซิวกำลังถอดเสื้อคลุมตัวนอกสีเทาดำออกอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ยังปลดเสื้อคลุมสีแดงของนางออกด้วยความรวดเร็ว
ฉู่หลิวเยว่รีบคว้าข้อมือของเขาเอาไว้
นางยังไม่ทันได้พูดอันใด ทันใดนั้นที่ด้านนอกก็มีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมา
“หยุด!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...