ชายชุดขาวยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ข้าน้อย หรงซิว”
เจียงอวี่เฉิงนึกย้อนความทรงจำของตัวเองอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พบว่าตนเองไม่รู้จักคนคนนี้ และไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
“ตามหลักแล้วข้าควรจะลงจากรถม้าไปคารวะคุณชายใหญ่เจียง แต่ว่า…ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ จึงเกรงว่าข้าจะไม่สามารถทำได้ ดังนั้นหวังว่าคุณชายใหญ่เจียงจะเข้าใจ”
น้ำเสียงของหรงซิวนั้นเบามาก และแฝงด้วยความเกียจคร้านหลายส่วน
เดิมทีมันเป็นการขอโทษ แต่เมื่อหลุดออกมาจากปากของเขา กลับรู้สึกถึงความไร้ระเบียบแบบแผน
ราวกับว่า…เขาไม่เห็นเจียงอวี่เฉิงอยู่ในสายตาเลย
เจียงอวี่เฉิงระงับไฟโกรธ
“เจ้ารู้จักข้า แต่เหมือนว่าข้าจะไม่เคยเจอเจ้ามาก่อน”
ริมฝีปากบางของหรงซิวยกขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิ้ม
“หรงซิวเป็นเพียงแค่คนธรรมดาเท่านั้น หากคุณชายเจียงไม่เคยได้พบข้า นั่นก็เป็นเรื่องปกติแล้ว”
เจียงอวี่เฉิงมองไปทางผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา
“คนที่อยู่ในอ้อมแขนของเจ้าคือใคร เงยหน้าขึ้นมาสิ”
หรงซิวขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น พร้อมพูดด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“ได้ยินมาว่าคุณชายเจียงกำลังตามหาคนร้ายอยู่ ข้าสามารถเข้าใจได้ว่าท่านมีใจต้องการตามหา แต่…พวกเราสองคนอยู่ในรถม้าตลอด ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนที่ท่านเรียกว่ามือสังหารเลยแม้แต่น้อย…”
“มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ แค่ตรวจสอบก็จะได้รู้แล้ว!”
เจียงอวี่เฉิงพูดแทรกหรงซิว สายตายังจดจ้องไปที่แม่นางคนนั้นตาเขม็ง
“เงยหน้า!”
ในวันที่หิมะตกหนัก แต่คนทั้งสองไม่ยอมอยู่ในเรือนอุ่นๆ แต่กลับออกมานั่งรถม้าที่ด้านนอกเนี่ยนะ?
ในใจของเขารู้สึกสงสัยอย่างมาก แม้กระทั่งสายตาที่จับจ้องไปยังผู้หญิงคนนั้นยังเข้มงวดอย่างมาก
รอยยิ้มบนใบหน้าของหรงซิวหดหายลงไปสามส่วน
ในตอนที่เขากำลังพูดขึ้น ทันใดนั้นเองแม่นางที่ซบอกของเขาอยู่ก็ขยับศีรษะเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นมาว่า
“หรงซิว ในเมื่อคุณชายใหญ่เจียงต้องการหาคนร้าย แน่นอนว่าเขาจะปล่อยผ่านใครไปไม่ได้ แค่ให้เขาดูหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก”
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เจียงอวี่เฉิงก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้น
เสียงนี้มัน…
ความคิดบางอย่างกำลังแล่นผ่านสมองของเขา และในตอนนั้นเองแม่นางที่อยู่ในอ้อมกอดของหรงซิวก็เงยหน้าขึ้นมามอง
ใบหน้างดงามปรากฏสู่สายตาของเขา
คนคนนั้นคือฉู่หลิวเยว่!
ในตอนนี้ร่างกายของนางถูกเสื้อคลุมสีดำห่ออย่างแน่นหนา มีเพียงใบหน้าเล็กๆ ที่ถูกรังแกโผล่ขึ้นมา แววตาฉ่ำวาวราวกับสายน้ำกระทบแสงในเดือนสารท
เหมือนกับวันที่หิมะจางหาย สายรุ้งพาดผ่าน เหลือเพียงทิวทัศน์ที่งดงามเท่านั้น
เจียงอวี่เฉิงมองแม่นางคนนั้นอย่างตกตะลึง
แน่นอนว่าเขาจำใบหน้าของนางได้ แต่มัน…ก็คล้ายเป็นคนแปลกหน้า
ในความทรงจำของเขา ฉู่หลิวเยว่เป็นคนที่งดงามอย่างมาก แต่ทั้งร่างกายมีรัศมีสันโดษ ปลีกวิเวก ทำให้คนไม่กล้าเข้าใกล้
แต่ในตอนนี้สีหน้าที่ดูอ่อนโยน ความอบอุ่นในแววตาที่หาได้อย่างยากยิ่ง เหมือนจะทำให้จิตใจของผู้คนที่พบเห็นอ่อนยวบเป็นลูกบอล และอดไม่ได้ที่จะตกหลุมรักนาง
ฉู่หลิวเยว่มองหน้าเขา
“ที่ข้าไม่ได้เปิดเผยหน้าตาเมื่อครู่ เพราะคิดไม่ถึงว่าจะได้มาเจอคุณชายใหญ่ในสถานการณ์เช่นนี้ แต่ในเมื่อคุณชายใหญ่เจียงต้องการที่จะตามหาคนร้าย ข้าจึงต้องทำเช่นนี้ หวังว่าคุณชายใหญ่จะให้อภัยข้านะเจ้าคะ”
เมื่อพูดจบนางก็ยิ้มขึ้นเล็กน้อย ราวกับว่ากำลังเขินอายอยู่หลายส่วน และยังรู้สึกวาบหวามในใจ
เจียงอวี่เฉิงไม่รู้ว่าตนเองรู้สึกอย่างใด ในสมองของเขาขาวโพลน จากนั้นเขาก็ถามขึ้นอย่างไม่รู้ตัวว่า
“เขาเป็นใครหรือ?”
หรงซิวกระชับเสื้อคลุมตัวใหญ่ให้แน่นขึ้น จนเกือบจะปิดใบหน้าเล็กๆ ของฉู่หลิวเยว่จนมิด จากนั้นก็ยิ้มขึ้นบางๆ พร้อมพูดว่า
“ข้าเป็นคู่หมั้นของเยว่เอ๋อร์”
เจียงอวี่เฉิงชะงักไปครู่หนึ่ง ในตอนนั้นสมองของเขาก็ว่างเปล่า เขาไม่รู้ว่าควรจะมีปฏิกิริยากับเรื่องนี้อย่างใด
ตอนที่มู่ชิงเห่อไปแคว้นเย่าเฉิน ประเด็นสำคัญที่สุดไม่ใช่ให้เขาไปค้นหาคนที่มีชีพจรตี้จิง
แต่ความจริงแล้วคือการพาฉู่หลิวเยว่ให้มาเข้าร่วมงานหมื่นทูร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...