เมื่อฉู่หลิวเยว่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง นางก็กลับมาที่ห้องของตนเองในสำนักชงซูเก๋อแล้ว
หลังจากมั่นใจว่าตนเองกลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว ฉู่หลิวเยว่จึงถอนหายใจออกมายาวๆ
อันตรายมาก…
เมื่อครู่นางเกือบโดนเจียงอวี่เฉิงจับได้แล้ว!
ถ้าหากนางช้ากว่านี้อีกแค่ก้าวเดียว…
แต่ใครจะไปคิดเล่าว่าเจียงอวี่เฉิงจะมาที่เรือนฉินอย่างกะทันหันเช่นนี้?
นางถอดเสื้อคลุมฉางเผ่าสีดำบนร่างกายออก จากนั้นหันไปถามอินทรีสามตาว่า
“เมื่อครู่เขาเห็นเจ้าหรือไม่?”
“ไม่เห็น”
น้ำเสียงของอินทรีสามตายังคงสงบนิ่งเช่นเดิม พร้อมสายตาดูถูก
“ก็แค่พวกด้านนอกแข็งแกร่งด้านในอ่อนแอ”
เมื่อเทียบกับจอมยุทธที่อยู่ในระดับเดียวกันแล้ว ปฏิกิริยาตอบสนองของเจียงอวี่เฉิงนั้นย่ำแย่อย่างมาก
ร่างกายของเขาจะต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน
แม้ว่าตอนนี้อินทรีสามตาจะไม่มีกายเนื้อ แต่เขาก็ยังเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งหลังจากทำพันธสัญญากับฉู่หลิวเยว่แล้ว พลังของเขาก็ฟื้นฟูขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่ามันจะช้า แต่ลมปราณนั้นก็กำลังเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
ถ้าให้จัดการกับเจียงอวี่เฉิงก็ไม่ใช่ปัญหาเลย
เมื่อฉู่หลิวเยว่ได้ยินดังนั้นก็วางใจ หลังจากได้ยินการวิเคราะห์ของอินทรีสามตา นางก็อดแค่นหัวเราะเย็นๆ ไม่ได้
“ข้าเองก็สัมผัสได้ ฝีมือของเขานั้น…อ่อนแอกว่าเดิมมากนัก ดูแล้วเรื่องทรายรวมศูนย์นั้น น่าจะเป็นฝีมือเขาจริงๆ”
แม้จะไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีการใด ทำให้ระดับพลังของตนเองไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่พลังของเขากลับถดถอยลงอย่างเห็นได้ชัด
กอปรกับก่อนหน้านี้นางส่งอุโมงค์เลือดไป…
เกรงว่าตอนนี้สภาพร่างกายของเจียงอวี่เฉิงน่าจะย่ำแย่อย่างมากแล้ว
”แต่ว่า…ของสิ่งนี้นับว่ามีประโยชน์อย่างมาก…ระยะไปกลับไกลขนาดนั้น แต่กลับใช้ปราณดั้งเดิมในร่างกายของข้าไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น…”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นพร้อมมองไปที่ตราประทับลายดอกท้อหนึ่งดอกตรงข้อมือข้างซ้าย
ดอกท้อส่องแสง แล้วผลิบานอย่างอ่อนโยน
แม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดของสิ่งนี้ถึงพานางเข้าไปในเรือนฉิน แต่ก็ยังสามารถกลับมาอย่างปลอดภัยและราบรื่น เพียงเท่านี้ก็สามารถพิสูจน์ความสามารถของมันได้แล้ว
ของชิ้นนี้มีประโยชน์กว่าที่นางคิดเอาไว้มาก
“หากครั้งหน้าได้เจอกับผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหก ข้าจะต้องกล่าวขอบคุณเขาเสียหน่อย”
เมื่อพูดจบฉู่หลิวเยว่ก็ออกไปตรวจสอบกลอนหน้าต่างและประตูอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครเข้ามารบกวน นางจึงหยิบกู่ฉินหลังนั้นออกมาจากแหวนเฉียนคุน และวางไว้ที่ด้านหน้าอย่างระมัดระวัง
เมื่อครู่เกือบจะทำให้ใบโพธิ์สีทองม่วงยอมรับได้แล้ว แต่กลับโดนเจียงอวี่เฉิงเข้ามาขัดจังหวะ
เมื่อมองไปที่กู่ฉินหลังนี้ ในใจของฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกสับสนอย่างมาก
นางคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าตนเองจะเอามันกลับมาด้วยเช่นนี้…
เรื่องเช่นนี้เจียงอวี่เฉิงไม่กล้าส่งเสียง นางจึงไม่กังวลว่าจะมีการตรวจสอบอย่างยิ่งใหญ่
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉู่หลิวเยว่ก็นึกขึ้นมาได้ว่า จะต้องหาทางเอาใบโพธิ์สีทองม่วงออกมาอีกครั้ง
นางกวาดสายตามองไปทั่ว ในที่สุดก็เห็นว่าตรงมุมมีประกายแสงสีทองม่วงปรากฏขึ้นมา
เหมือนกับใช้พู่กันวาดเส้นอย่างแผ่วเบา มันดูวิจิตรงดงามอย่างมาก
แสงสีทองม่วงกวัดแกว่งเล็กน้อย ราวกับต้องการจะขยับตัวหนี
แต่ว่ารอบด้านกลับถูกปกคลุมด้วยชั้นสีดำหนึ่งชั้น จนไม่สามารถหนีออกไปทางไหนได้
นั่นคือตราประทับที่อินทรีสามตาผนึกขึ้นในช่วงเวลาที่รีบร้อน
แววตาของฉู่หลิวเยว่หดตัวลงเล็กน้อย
“เริ่มเลยเถิด!”
พรึ่บ…
อินทรีสามตาปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...