ฉู่หลิวเยว่เงี่ยหูฟังเป็นระยะ จิตใจของนางสงบนิ่ง ปราศจากการรบกวนใดๆ
ดูเหมือนว่าจะไม่มีเหตุการณ์อุกอาจเกิดขึ้นในแดนภังคะมาเกือบสองปีแล้ว
เมื่อมีทหารม้าทมิฬประจำการอยู่ที่นั่น มันจึงมีเสถียรภาพมากกว่าเดิมมาก
แต่ถ้าไม่ใช่เพราะเหล่าผู้พิทักษ์ และเพราะครั้งนี้ซั่งกวนหว่านต้องการไปหาวัตถุดิบยาสองสามอย่างและอสูรศักดิ์สิทธิ์ล่ะก็ การไปที่นั่นพร้อมผู้ติดตามเพียงไม่กี่คน คงจะสะดวกกว่าหลายเท่า
…
ซั่งกวนหว่านตั้งใจฟัง จนแทบจะจำทุกคำพูดของมู่ชิงเห่อได้อยู่แล้ว
เมื่อก่อนนางไม่เคยไปยังแดนภังคะเลย และนี่เป็นครั้งแรก
แค่ได้ยินว่าแดนภังคะนั้นเต็มไปด้วยอันตราย นางก็แทบไม่สนใจด้วยซ้ำ
และหากไม่ใช่เพราะต้องหาสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับแผนที่วางไว้ ชาตินี้นางคงไม่ย่ำเท้าเข้าไปยังพื้นที่ทุรกันดารเช่นนั้นหรอก
อีกทั้งสมบัติล้ำค่าที่ล่ำลือเหล่านั้น แม้แต่ผู้สืบทอดที่แข็งแกร่งก็ยัง…
กระนั้นแล้ว มีหรือที่องค์หญิงสามแห่งราชวงศ์เทียนลิ่งจะจริงจังกับสิ่งเหล่านี้?
ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า นางจะได้ขึ้นครองราชย์ และเมื่อถึงเวลานั้นกฤษฎีกาทั้งหมดก็จะตกเป็นของนาง แล้วเหตุใดนางจึงต้องไปเสี่ยงอันตรายในสถานที่อย่างแดนภังคะด้วยเล่า?
อย่าว่าแต่เสี่ยงชีวิตเลย แค่ของดีๆ มีมูลค่าสักอย่าง ก็ไม่รู้ว่าจะมีหรือเปล่า
ทว่าในเมื่อได้คำแนะนำจากมู่ชิงเห่อมามากมายขนาดนี้ เมื่อถึงตอนนั้นเดี๋ยวก็มีความมั่นใจขึ้นมาเองแหละ
“สถานการณ์โดยทั่วไปของแดนภังคะก็เป็นเช่นนี้ หากมีอันใดที่ท่านไม่เข้าใจก็ทูลถามกระหม่อมได้ รองแม่ทัพผู้นี้ล่วงรู้ทุกอย่าง”
เขาสวมชุดเกราะแล้วเดินนำออกไป ท่าทีของมู่ชิงเห่อเปลี่ยนไปแล้ว
ซั่งกวนหว่านโค้งริมฝีปากเป็นรอยยิ้วสวย
“ข้าเข้าใจแล้ว ขอบใจรองแม่ทัพมู่มาก หากไร้ซึ่งการนำทางของท่าน เกรงว่าการเดินทางครั้งนี้คงได้เผชิญกับอันตรายเป็นแน่”
มู่ชิงเห่อโค้งศีรษะลง พลางเอ่ย
“โปรดอย่าได้เกรงใจ มันคือหน้าที่ของกระหม่อม”
“อย่าถ่อมตัวไปเลยรองแม่ทัพมู่ เมื่อถึงแดนภังคะแล้ว ข้าอาจรบกวนเจ้ามากกว่านี้อีก! อวี่เฉิง เจ้าเองก็คิดเช่นนั้นใช่หรือไม่?”
นางพูดพลางหันมองเจียงอวี่เฉิงที่ยืนอยู่อีกด้าน
แต่เจียงอวี่เฉิงนั้นไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอันใดอยู่ แต่เขากำลังตกอยู่ในห้วงความคิดและไม่ได้ยินคำพูดของนาง
ซั่งกวนหว่านชะงัก
“อวี่เฉิง? อวี่เฉิง?”
เจียงอวี่เฉิงรีบดึงสติกลับมา พลันเงยหน้าขึ้นมองนาง
“มีอันใดหรือ?”
เมื่อเห็นท่าทีเสมือนเพิ่งตื่นจากความฝันของเขา ซั่งกวนหว่านก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าระหว่างทางนั้นเกิดอันใดขึ้นบ้าง แต่เจียงอวี่เฉิงกลับเอาแต่เหม่อลอย
ที่มู่ชิงเห่อชี้แจ้งเรื่องภัยอันตรายเมื่อครู่นี้ เขาไม่ได้ฟังเลยหรือไร?
หากจำไม่ผิด เจียงอวี่เฉิงเองก็ไม่เคยไปแดนภังคะมาก่อนมิใช่หรือ?
ปกติเขาเป็นคนระมัดระวังสูง แน่นอนว่าเขาควรกังวลเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ให้มาก
แต่เขากลับทำตัวใจลอยแบบนี้…ช่างน่าแปลกเสียจริง
“เรื่องที่รองแม่ทัพมู่บอกเมื่อครู่นี้ เจ้า…ได้ฟังบ้างหรือไม่?”
เจียงอวี่เฉิงกระแอมไอ พลางยืดคอให้ตั้งตรง
“อือ ก่อนหน้านี้รองแม่ทัพมู่เคยพูดกับข้าไปแล้ว”
ซั่งกวนหว่านไม่เชื่อ
มู่ชิงเห่อเป็นคนของเขา การที่อีกฝ่ายแจ้งเรื่องนี้ให้เขาทราบตั้งแต่เนิ่นๆ นั้นถือเป็นเรื่องปกติ
แต่ว่า…การกระทำของเขานั้นผิดแปลกไป
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ความกังวลก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง
“อวี่เฉิง เจ้าเป็นอันใดหรือเปล่า? หรือช่วงนี้เจ้าเหนื่อยล้าเกินไป?”
นางรู้ว่าช่วงนี้เขากำลังตามหาคน ที่เข้าไปลอบสังหารเขาเมื่อไม่นานมานี้
ที่เขาทำงานหนักเป็นเพราะเรื่องนี้หรือเปล่านะ?
ดวงตาของเจียงอวี่เฉิงหลุกหลิกไปมา ราวไม่ยอมรับ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ
“ก็มีส่วน แต่ข้าได้ทิ้งเรื่องทุกอย่างในเมืองซีหลิงไว้กับซุนฉีและคนอื่นๆ รับผิดชอบแทนแล้ว”
ซั่งกวนหว่านสังเกตสีหน้าของเขา และคิดในใจว่าตนเดาถูกแล้ว
และก็ใช่
ตอนนี้เจียงอวี่เฉิงมีตำแหน่งสูงและกุมอำนาจไว้มากล้น แต่จู่ๆ เขาก็ถูกลอบสังหารโดยใครบางคนที่เขาไม่รู้จัก และหลังจากค้นหามาหลายวัน เขากลับไม่พบมือสังหารนิรนามนั่น ดังนั้นเขาจึงรู้สึกเสียศักดิ์ศรีเป็นอย่างมาก
“ซุนฉีทำงานได้ดี เจ้ามิต้องกังวลไป”
เจียงอวี่เฉิงหัวเราะเบาๆ แล้วพยักหน้าตอบ
เขาดึงสายตากลับมาอย่างสงบ แล้วรีบมองไปทางอื่น
ทว่าผ่านไปสักพัก เขาก็โพล่งถามขึ้นมาว่า
“ข้าจำได้แล้วว่ามู่หงอวี่ผู้นั้น…เป็นผู้ครอบครองร่างซวีหยวน?”
มู่ชิงเห่อพยักหน้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...