เกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงหรือ?
ฉู่หลิวเยว่ก้มหน้ากวาดสายตามอง
เมื่อครู่เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ได้ทะลวงเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดง ทิ้งเป็นรอยร้าวความยาวหนึ่งนิ้วไว้บนนั้น
ที่เขาหมายถึงนี่…
“ชุดเกราะของเจ้าไม่เลว มีก็แต่ความเสียหายนี่แหละ ความสามารถในการป้องกันคงจะลดลงไปมาก ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉู่หลิวเยว่จึงเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจ
“เจ้า… จะช่วยข้าซ่อมชุดเกราะนี้หรือ?”
อีกฝ่ายพยักหน้าเบาๆ
“เชื่อใจข้าไม่ลงหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้า
“หาไม่ หากเจ้าช่วยข้าได้ ข้าก็ไม่รู้จะขอบน้ำใจเจ้าอย่างใด”
ก่อนหน้านี้นางเองก็กังวลเรื่องความเสียหายของเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงมาโดยตลอด
โดยทั่วไปแล้ว หากชิ้นส่วนเดิมเสียหาย ประสิทธิภาพของมันจะลดลงอย่างมาก
ส่วนใหญ่หากชิ้นส่วนเดิมที่เป็นของธรรมดาทั่วไปก็จะถูกโยนทิ้งเสียเลย แต่ชิ้นส่วนที่มีระดับค่อนข้างสูงจะต้องได้รับการซ่อมแซมอย่างสุดความสามารถ
แต่ทว่าสิ่งนี้มันมีข้อกำหนดในระดับสูงต่อตัวผู้ซ่อม ซึ่งมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถทำมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้ว ผลลัพธ์สุดท้ายจึงไม่ได้ดีไปเสียทีเดียว
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะออกตัวให้ความช่วยเหลือ
แต่หากพิจารณาจากพละกำลังของเขาแล้ว บางทีเขาอาจจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ด้วยกระมัง
ฉู่หลิวเยว่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตอบตกลง
ตามระดับขั้นของนางปัจจุบันแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะซ่อมเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นจะเป็นการดีกว่าหากปล่อยให้เขาได้ลองทำมัน
อย่างใดเสีย เกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงก็จดจำผู้ถือครองได้ และนางก็ไม่ได้กังวลด้วยว่าเขาจะเล่นแง่แต่อย่างใด
หากเขาต้องการจะแย่งชิงสิ่งใดไป…คงทำไปนานแล้ว เหตุใดจึงต้องรอถึงตอนนี้
เพียงความคิดในใจของฉู่หลิวเยว่ทำงาน แสงสีทองจางๆ ก็ปรากฏขึ้นบนเรือนร่างของนาง
จากนั้น ลำแสงเหล่านี้ก็ลอยออกไป ก่อนจะรวมตัวกันเป็นชุดเกราะต่อหน้านางอีกครั้ง
เพียงนางโบกสะบัดแขนเสื้อ เกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงก็ถูกส่งออกไป
ทันทีที่ชายคนนั้นยกมือขึ้น เกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงก็ตกลงมาอยู่ในมือของเขาอย่างเชื่อฟัง
หรงซิวมองเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงในมือ ก็รู้สึกท้อใจขึ้นมา
หากต้องการจะช่วยเหลือฮูหยินตน ก็ต้องหาเหตุผลที่มันเป็นการเป็นงาน ช่างน่าเหนื่อยใจนัก
เขากวาดตามองเพียงปราดเดียว ก็เห็นส่วนที่เสียหายของเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงทันที
เขาคุ้นเคยกับสิ่งนี้มาก คราก่อนที่ช่วยนางเกลาพรมแดนไวฑูรยะเหล่านั้น เขาต้องทำการค้นคว้ามากมาย
แต่อย่างใดเสียสถานการณ์ตอนนี้ ก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป
ฉู่หลิวเยว่มองดูอีกฝ่ายที่กำลังถือเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงไว้ในมือ บุรุษผู้นั้นมองดูมันอย่างระมัดระวังครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มลงมือ
พลังปราณดั้งเดิมสีดำลอยออกมาจากฝ่ามือของเขา แล้วเปลี่ยนเป็นก้อนเปลวเพลิงอย่างรวดเร็ว
เพียงเขาสะบัดนิ้ว เปลวเพลิงสีดำก็ลอยไปยังส่วนที่เสียหายของเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงและเริ่มเผาไหม้
“เจ้าดูท่าจะเชี่ยวชาญทางด้านนี้ไม่น้อย…”
ทันใดนั้นเองเสียงขององค์ไท่จู่ก็ดังขึ้น
แท้ที่จริงฉู่หลิวเยว่เองก็มองเห็นหนทางอยู่บ้าง เพราะเมื่อก่อนนางก็เคยหลอมกระบี่เทพเมฆาสำริดด้วยตัวเองมาก่อน
เกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงส่องแสงระยิบระยับอ่อนๆ รอบก้อนเปลวเพลิงสีดำ ก่อนจะค่อยๆ อ่อนแสงลงเรื่อยๆ
ฉู่หลิวเยว่แอบประหลาดใจ
คนผู้นี้ควบคุมพละกำลังของเปลวเพลิงได้เป็นอย่างดี!
เกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงเป็นของของนาง ดังนั้นระดับการปรับเปลี่ยนอ่อนแข็งจะสามารถเปลี่ยนไปได้ตามใจนาง
แต่หากอยู่ในมือของผู้อื่นมักจะดูเหมือนเป็นเกราะแข็งๆ ธรรมดาทั่วไปอันหนึ่ง
คนผู้นี้ดูท่าเหมือนจะศึกษาเรื่องพวกนี้มาเป็นอย่างดี…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...