“ข้าตกลง!”
ซั่งกวนหว่านคิดทบทวนไปมา แต่สุดท้ายมีเพียงต้องยอมตอบตกลงเท่านั้น
ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่คือคนที่กำขุมทรัพย์อยู่ในมือ นางจึงทำตัวยโสโอหังเช่นนี้ แต่นางจะปล่อยให้อีกฝ่ายได้ใจไปก่อน เอาไว้รอให้เรื่องนี้เสร็จสิ้นเมื่อไร นางจะชำระความแค้นทั้งเก่าและใหม่กับอีกฝ่ายอย่างสาสมเลย!
ริมฝีปากบางของฉู่หลิวเยว่แย้มยิ้ม
“แค่องค์หญิงสามยอมตกลงตั้งแต่แรกก็จบแล้ว อย่างใดเสีย พระวรกายของฝ่าบาทก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ท่านว่าหรือไม่?”
ซั่งกวนหว่านแทบสำลัก พลางคิดว่าฉู่หลิวเยว่ตรงหน้านางนั้นช่างร้ายกาจเสียจริง!
นางลดเสียงต่ำลง พร้อมเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา
“อย่ามาเล่นลิ้นกับข้า! ไม่อย่างนั้น… ข้าจะจัดการเจ้าเสีย!”
ฉู่หลิวเยว่ยักไหล่อย่างไม่แยแสและยิ้มเยาะเบาๆ
หลังจากนั้น ซั่งกวนหว่านก็หมุนตัวเดินนำออกไปก่อน
ฉานอี้ที่รออยู่ด้านนอกก็พลันรีบถวายบังคม และแอบชำเลืองมองทั้งสองคนไปมา
ใบหน้าขององค์หญิงสามนั้นยังมีร่องรอยของโกรธาหลงเหลืออยู่ แต่ฉู่หลิวเยว่กลับดูผ่อนคลายเสียอย่างนั้น
ดูๆ แล้ว… คงเจรจากันได้ไม่ค่อยดีเสียเท่าไร
“ไปตามจั่วหมิงซีมา”
ซั่งกวนหว่านกล่าวเสียงเย็นเยียบ
“เจ้าค่ะ!”
ฉานอี้ไม่กล้าถามอันใดอีก และส่งคนไปที่นั่นทันที
ซั่งกวนหว่านหันกลับมามองฉู่หลิวเยว่แวบหนึ่ง
“ส่วนเจ้า ตามข้าไปที่ตำหนักชิงเฟิง!”
…
ตั้งแต่กลับมาเกิดใหม่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉู่หลิวเยว่เข้าวัง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้มายังตำหนักชิงเฟิง
ก่อนหน้านี้นางเคยพยายามลอบเข้ามาที่นี่อยู่เหมือนกัน ทว่าตำหนักแห่งนี้มีการคุ้มกันที่แน่นหนาและยากที่จะเข้าใกล้ได้ ดังนั้นมิอาจหุนหันพลันแล่นทำการใดได้
และจะเห็นได้ว่า ซั่งกวนหว่านให้ความสำคัญกับตำหนักชิงเฟิงมาก
ฉู่หลิวเยว่รู้ดีว่ามันไม่ใช่แค่เพราะท่านพ่อของนางอยู่ที่นี่ แต่มันเป็นเพราะนางอยากให้ท่านหลับพักผ่อนโดยไม่มีใครเข้าไปรบกวนต่างหาก
และด้วยมาตราการที่เข้มงวดเช่นนี้ ทำให้ยากที่เชื้อพระวงศ์องค์อื่นจะเข้ามาที่นี่ได้ และถ้าอยากเข้าไป ก็จำต้องมีเหตุผลสำคัญจริงๆ เท่านั้น
บริวารในตำหนักชิงเฟิงต่างรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ที่เห็นซั่งกวนหว่านพาฉู่หลิวเยว่มาด้วย
และพอได้ยินซั่งกวนหว่านกล่าวว่า ฉู่หลิวเยว่ได้รับอนุญาตให้เข้าพบฝ่าบาทด้านใน หลายๆ คนก็ถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
เนื่องจากทุกคนต่างรู้ว่า โดยปกติแล้วการเข้าออกสถานที่แห่งนี้ นอกจากเซียนหมอสามคนที่คอยแวะเวียนเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ก็จะมีเพียงองค์หญิงสามและองค์ชายใหญ่เจียงเท่านั้น ที่สามารถเข้าออกได้อย่างอิสระ
ซึ่งการที่คนอย่างฉู่หลิวเยว่… ได้รับอนุญาตให้เข้าไปนั้น สร้างความตกใจให้พวกเขามากจริงๆ
อย่างใดก็ตาม พวกเขาก็ได้ลองพิจารณาอีกครั้ง พลันตระหนักได้ว่าในตัวของฉู่หลิวเยว่นั้น มีทั้งอสูรศักดิ์สิทธิ์และบัวระบำ ดังนั้นการที่องค์หญิงสามเชิญนางมา จึงฟังดูสมเหตุสมผล…
ซั่งกวนหว่านยังไม่ได้พาฉู่หลิวเยว่เขาไปด้านใน แต่เลือกที่จะรอจั่วหมิงซีอยู่ในศาลาข้างๆ ตำหนักแทน
ทุกสายตาล้วนจับจ้องไปที่ฉู่หลิวเยว่
แต่ฉู่หลิวเยว่เคยชินกับสิ่งเหล่านี้แล้วและไม่ได้เก็บมาใส่ใจ ตั้งแต่หัวจรดเท้า นางวางตัวอย่างนอบน้อมและดูสุภาพอ่อนโยน
คำพูดและการกระทำของนางดูสมบูรณ์แบบ เสมือนสตรีผู้สูงศักดิ์ที่ได้รับการอบรมจากตระกูลผู้ดีมั่งคั่ง อีกทั้งยังดูใจกว้างน่าคบหา
ค่อนข้างแตกต่างจากภาพลักษณ์เด็กจอมอวดดีในตำหนักฮวาหยางก่อนหน้านี้ลิบลับ!
สองหูแอบฟังเสียงกระซิบกระซาบของคนรับใช้เหล่านั้น
“… นั่นน่ะหรือฉู่หลิวเยว่… เมื่อก่อนเคยได้ยินแต่เสียงร่ำลือ ข้าเพิ่งเคยเห็นนางครั้งแรกก็วันนี้นี่แหละ สมกับที่เขาลือกันจริงๆ ด้วย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...