ยามนี้เจียงอวี่เฉิงและซั่งกวนหว่านได้เดินจับมือเข้ามา และยืนอยู่กลางจัตุรัสกว้างด้านหน้าตำหนัก
ในขณะเดียวกัน เสียงประกาศของขั้นตอนพิธีการต่างๆ ดังก้องไปทั่วทั้งบริเวณ
สายตาหลายคู่จับจ้องมาที่คนทั้งสอง
วันนี้ซั่งกวนหว่านเองก็แต่งตัวด้วยชุดเต็มยศ ปลายชุดคลุมยาวเฟื้อยสีแดงสดเสมือนหางของหงส์ฟ้า แผ่ขยายระไปตามพื้นในทุกย่างก้าวของนาง ด้ายสีทองที่ฝังอยู่ในผ้าแพรนั้นทอประกายสะท้อนแสงแวววาว
แต่เนื่องจากนางสวมผ้าคลุมศีรษะอยู่ จึงทำให้ผู้คนรอบๆ มองไม่เห็นหน้าตาของนาง ทว่าแค่มองจากชุดอันสวยหรูของนาง ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความอลังการที่ซ่อนอยู่ผ้าคลุมนั่นแล้ว
จากนั้นทั้งสองคนก็เดินขึ้นบันไดสวรรค์เก้าขั้นไปพร้อมกัน และทำความเคารพอย่างเป็นทางการที่หน้าตำหนักหลางคุน
เดิมทีหากฝ่าบาทอยู่ที่นี่ พระองค์จักยืนรอทั้งสองคนอยู่ที่หน้าประตู
แต่เพราะตอนนี้เขายังหมดสติอยู่ ขั้นตอนนี้จึงถูกข้ามไป
เจียงอวี่เฉิงกับซั่งกวนหว่านยืนเคียงข้างกันและจับมือกันไว้แน่น หนึ่งสตรีรูปงามและบุรุษที่แสนหล่อเหลา ยิ่งมองยิ่งดูเหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก
“หว่านเออร์ เราไปกันเถอะ”
เจียงอวี่เฉิงเอียงศีรษะเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเผยยิ้มบาง พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เสมือนว่าหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ เขานั้น คือ รักสุดท้ายในชีวิตที่เขาเทิดทูนรักใคร่สุดหัวใจ
ซั่งกวนหว่านพยักหน้าตอบเบาๆ
ไม่มีใครเห็นสีหน้าของนางในตอนนี้
ทั้งสองคนเดินจับมือกันไปข้างหน้า
จากนั้นซั่งกวนหว่านก็เป็นฝ่ายก้าวเท้านำขึ้นไปบนบันไดขั้นแรก
ตามด้วยเจียงอวี่เฉิงที่จงใจเดินตามหลังนางครึ่งก้าว เพื่อเป็นการให้เกียรติ
จะได้ไม่ถูกผู้คนตำหนิทั้งทางด้านวาจาและการกระทำ
ซั่งกวนหว่านเดินต่อไปยังขั้นที่สอง
ทว่าเมื่อถึงตรงนี้ นางก็เริ่มสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากตำหนักหลางคุนจางๆ
แต่มันก็ยังทำอันใดซั่งกวนหว่านและเจียงอวี่เฉิงไม่ได้
ขณะที่ทั้งสองย่างก้าวขึ้นไปทีละขั้น แรงบีบอัดของพลังปราณก็หนักขึ้นเรื่อยๆ!
และทุกครั้งเขยิบขึ้นไปทีละขั้น ก็ต้องยิ่งใช้พละกำลังมากกว่าเดิม เพื่อต้านแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นนี้!
เมื่อก้าวไปถึงขั้นที่เจ็ด ซั่งกวนหว่านก็เริ่มรู้สึกหมดแรง
แม้ว่าปัจจุบันความแข็งแกร่งของนางจะอยู่ที่ระดับเจ็ดขั้นแรก แต่เพราะว่านางเพิ่งรักษาชีพจรดั้งเดิมของตัวเองได้ ฉะนั้นนางจึงไม่สามารถใช้พลังทั้งหมดได้อย่างเต็มร้อย
ร่างกายของนางหนักอึ้งราวกับตะกั่ว!
เจียงอวี่เฉิงที่อยู่ข้างๆ รู้สึกได้อย่างรวดเร็วว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับซั่งกวนหว่าน
ไม่กี่วันมานี้ เขาเองก็ได้อาศัยวิธีการบางอย่างเพื่อฟื้นฟูความแข็งแกร่งของตัวเอง ให้ฟื้นคืนสู่ระดับเจ็ดขั้นสูง
แต่ถึงแม้ว่าสภาพร่างกายของเขาจะดีกว่าซั่งกวนหว่าน แต่เขาก็ไม่ควรประมาทแรงกดดันแผ่ออกมาจากในตำหนักนั่น
เขาแอบใช้มือถ่ายพลังปราณเพื่อส่งซั่งกวนหว่านก้าวไปยังขั้นที่แปด!
ขาทั้งสองข้างและร่างกายของซั่งกวนหว่านสั่นสะท้าน
เจียงอวี่เฉิงแอบขมวดคิ้วแล้วรีบช่วยพยุงนาง พลันกัดฟันดันนางให้ขึ้นไปเหยียบบันไดขั้นที่แปด!
และเมื่อยืนอยู่ตรงนี้ พวกเขาก็สามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่า ประตูใหญ่ของตำหนักหลางคุนที่อยู่ด้านบนนั้นเปิดอยู่!
โดยปกติแล้ว ประตูใหญ่ของตำหนักหลางคุนจะถูกล็อคอย่างแน่นหนา และผู้อาวุโสของราชวงศ์ทั้งหมดจะร่วมมือกันเปิดมันเฉพาะในช่วงพิธีขึ้นครองราชย์เท่านั้น
เพราะเมื่อเปิดค่ายกลในตำหนักแล้ว จะทำให้แรงกดดันของพลังปราณจากคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่ง แผ่กระจายไปทั่วบริเวณโดยรอบอย่างไม่หยุดยั้ง!
และเป็นเพราะเหตุนี้ ซั่งกวนหว่านและเจียงอวี่เฉิงถึงต้องเผชิญกับการบีบบังคับที่น่ากลัวเช่นนี้!
ยิ่งเข้าใกล้เท่าไร ลมปราณนั่นก็ยิ่งหนาแน่นขึ้นจนน่าตกใจ!
ผู้คนที่ยืนอยู่ในจัตุรัสด้านล่างเอง ก็กำลังจ้องมองพวกเขาอยู่เช่นกัน
แต่พอเห็นว่าท่าเดินของซั่งกวนหว่านดูอ่อนแรงลง บางคนก็มีปฏิกิริยาตอบสนองที่ต่างไปจากเดิม
“เมื่อครู่นี้ องค์หญิงสามจะล้มหรือเปล่า?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...