ภาพสถานการณ์ในตอนนี้นั้นช่างน่าขันสิ้นดี
เห็นได้ชัดว่าซั่งกวนหว่านเป็นถึงรัชทายาทที่มีสายเลือดของราชวงศ์ แต่ตอนนี้นางกลับกำลังตำหนิฉู่หลิวเยว่ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนางด้วยน้ำเสียงเย็นชา และเรียกร้องให้อีกฝ่ายคืนคทาให้ตัวเอง!
พูดไปก็จะมีแต่คนหัวเราะกันให้ทั่ว!
ฉู่หลิวเยว่ยังคงสงบนิ่งและเชิดคางขึ้น
“องค์หญิงสาม ข้าไม่ได้คิดจะเอาคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งมาเป็นของตัวเอง แล้วจะใช้คำว่า ‘คืน’ ได้อย่างใด? ถ้าท่านอยากได้มันคืน เช่นนั้นท่านก็มาเอามันกลับไปเองมิได้หรือ?”
ซั่งกวนหว่านแทบสำลัก ใบหน้าของนางแดงก่ำ
ถ้ามันง่ายอย่างที่ฉู่หลิวเยว่พูดจริงๆ นางจะมายืนปวดหัวอยู่แบบนี้หรือ?
คทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งนั้นค่อนข้างชั่วร้าย มันปฏิเสธนางตั้งแต่ครั้งแรกที่สัมผัส และพอนางขอให้ผู้อาวุโสช่วยเมื่อครู่ นางก็ถูกพลังของมันเหวี่ยงออกไปทันที และตกลงมาจากบันไดเก้าขั้นต่อหน้าทุกคน!
ส่งผลให้ตอนนี้ นางไม่กล้าลองทำอันใดอีกแล้ว
นางไม่กล้าคิดเลยว่า ถ้าเกิดผลลัพธ์แบบเดิมขึ้นเป็นครั้งที่สอง… สภาพที่ออกมานั้นจะอนาถเพียงใด!
แต่ถ้านางไม่ทำอันใดเลย แล้วคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งไม่ยอมกลับมาจริงๆ ล่ะ?
ยามนี้มันยังคงลอยอยู่ตรงหน้าฉู่หลิวเยว่เงียบๆ ราวกับว่ามันกลายเป็นของติดตัวของนางไปแล้ว!
เจียงอวี่เฉิงผลักนางเบาๆ
“หว่านเออร์ เจ้าเป็นสายเลือดราชวงศ์ ไม่ว่าคทาจะเป็นเช่นไร มันก็ไม่ควรทำอันใดเจ้า เจ้าก็แค่ต้องไปเชิญมันกลับมาด้วยตัวเอง”
ซั่งกวนหว่านหันศีรษะไปมองเขาทันที
จะไม่ทำอันใดนางอย่างนั้นหรือ?
นางโดนเล่นงานขนาดนั้นแล้ว เขายังมองไม่เห็นอีกหรือไร!?
มันเหมือนกับว่านางเสียชีวิตไปแล้วครั้งหนึ่ง!
ซึ่งหากล้มเหลวอีก… นางคงแบกหน้าสู้ต่อไปไม่ไหวแน่ๆ!
ทว่าเจียงอวี่เฉิงกลับดูแน่วแน่มาก
เพราะเรื่องนี้นอกจากซั่งกวนหว่านแล้ว จะมีใครทำได้อีก?
ผู้อาวุโสเฉินเค่อและคนอื่นๆ มีหน้าที่ปกป้องตำหนักหลางคุนและควบคุมค่ายกลที่อยู่บนหินนิลทมิฬ
แต่พวกเขาก็ได้พูดไว้ชัดเจนแล้วว่า พวกเขาควบคุมคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งไม่ได้!
แต่แล้วพวกเขาจะคอยยืนดูเฉยๆ เช่นนี้หรือ?
ซั่งกวนหว่านกัดฟันแน่น โดยไม่สามารถแย้งเจียงอวี่เฉิงได้ และทำได้เพียงก้าวเท้าไปข้างหน้า
นางสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วมองไปที่คทา และพยายามปรับเสียงให้ฟังดูจริงจังมากขึ้น
“ข้าน้อยซั่งกวนหว่าน ขอเชิญคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งกลับไปยังที่สถิตเดิม ณ บัดนี้!”
ทว่าครั้นสิ้นสุรเสียง คทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งก็ยังคงไม่เคลื่อนไหว ราวกับไม่มีการตอบสนอง
แต่มันมีสติปัญญาระดับหนึ่ง ฉะนั้นการเงียบของมัน จึงไม่ได้แปลว่ามันไม่เข้าใจสิ่งที่ซั่งกวนหว่านพูด
และผลลัพธ์เช่นนี้ ก็กลายเป็นเรื่องตลกในทันที
ประชาชนทั้งหมดต่างเงียบเสียงลง พร้อมสีหน้าที่ต่างกันออกไป
นางถูกคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งเมินใส่ แถมยังทำเป็นหูหนวกใส่อีกด้วย…
หลังจากผ่านไปหลายปี ดูเหมือนจะมีแค่ซั่งกวนหว่านคนเดียว ที่โดนแบบนี้ใช่หรือไม่?
ท่ามกลางความเงียบที่แสนน่าอับอาย แม้แต่อากาศรอบตัวก็ยังดูอึดอัดเหลือคณา
ใบหน้าของซั่งกวนหว่านเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกลับมีซีดเซียวอีกครั้ง ร่างกายของนางสั่นไหวเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนางโกรธหนัก หรือเพราะละอายใจสุดขีดกันแน่
แต่รวมๆ แล้วก็คือ ตอนนี้ซั่งกวนหว่านเข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้วว่า อับอายขายขี้หน้ามันเป็นอย่างใด!
และทันใดนั้น เสียงของฉู่หลิวเยว่ก็ดังขึ้นมาทำลายความเงียบ
“นี่ องค์หญิงสามเชิญเจ้ากลับไปแน่ะ”
นี่คือคำพูดที่ฉู่หลิวเยว่ใช้พูดกับคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่ง
ถึงแม้ว่านางอยากจะคว้าคทานั้นมาไว้ในมือมากแค่ไหน แต่ในเวลาแบบนี้… คงดูไม่เหมาะสมนัก…
คทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งฟังคำพูดของนาง และในที่สุดมันก็เคลื่อนไหว
แสงเรืองแสงรอบๆ ตัวมัน กะพริบขึ้นเป็นจังหวะ ราวกับว่ามันกำลังหายใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...