มันเป็นเพียงประโยคธรรมดาๆ แต่กลับฟาดลงมาราวกับฟ้าผ่า! และกระแทกใจของจ้าวจื่อเฉิงอย่างแรง!
แวบหนึ่งสมองของเขาแทบหยุดทำงาน
“จะ เจ้าว่ากระไรนะ?”
เขาเป็น…คู่หมั้นของนางหรือ!?
ไม่ใช่ว่านางเพิ่งกลับมาที่นี่หรอกหรือ ไฉนถึง…
เขาหันกลับไปมองนางด้วยความตกใจ ก่อนจะพบว่าหลังจากที่นางเห็นผู้มาใหม่ หญิงสาวที่ก่อนหน้านี้ปฏิบัติต่อเขาอย่างเย็นชา ก็พลันแย้มยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว มุมปากของนางยกโค้งขึ้นพร้อมดวงตาที่ทอประกายระยิบระยับดุจดั่งดวงดารา
ยามนี้ เพลิงรักในใจของจ้าวจื่อเฉิงดับมอดลงทันที
“หรงซิว”
ฉู่หลิวเยว่ไม่คิดว่าเขาจะมาเร็วขนาดนี้ นางยกเท้าขึ้นแล้วเดินไปหาเขา
“เหตุใดเจ้าถึงมาแต่เช้าเชียว?”
หรงซิวเลิกคิ้วเล็กน้อยพลางเผยยิ้มบางราวไม่ยิ้ม
“ถ้าอยากมาคารวะพ่อตา ก็ควรมาแต่เช้า อีกอย่าง ถ้ามาช้าคงอดเห็นอันใดดีๆ”
ฉู่หลิวเยว่ถลึงตามองเขาอย่างขุ่นเคือง
ขนาดนี้แล้วยังจะหยอกล้อนางอีก เมื่อครู่นางก็ปฏิเสธไปชัดๆ แล้วแท้ๆ
หรงซิวมองดูนางที่กำลังโกรธตนด้วยรอยยิ้มกว้าง ในใจรู้สึกคันยุบยิบเล็กน้อย และอยากจะคว้านางเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขนเสียให้รู้แล้วรู้รอด
แต่เมื่อคิดได้ว่าที่นี่คือพระราชวังของราชวงศ์เทียนลิ่ง ที่มีข้าราชบริพารมากมายล้อมหน้าล้อมหลังแล้ว เขาจึงทำได้เพียงอดทนและจับมือนางไว้เท่านั้น
เมื่อเห็นมือที่ประสานกันของคนทั้งสอง ในที่สุดจ้าวจื่อเฉิงก็ได้สติ
เขาเผลอขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
เป็นใครก็ดูออกว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมากแค่ไหน
คู่หมั้นหรือ…
เหตุใดเขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน?
ไม่กี่วันก่อน จ้าวจื่อเฉิงถามไถ่เรื่องสารทุกข์สุขดิบของซั่งกวนโหยวจากบิดาของตน ทว่าตอนนั้นบิดาของเขาก็ไม่ได้พูดเรื่องคู่หมั้นของนางเลย
หรืออาจจะเป็นคนใหม่ที่นางพบในช่วงสองปีที่ผ่านมา?
ถ้าจำไม่ผิด ก่อนหน้านี้นางเดินทางมาจากแคว้นเย่าเฉินที่อยู่นอกพรมแดนม่านฟ้า
ผู้ชายคนนี้…
“เจ้าดูไม่เหมือนคนจากเมืองซีหลิง”
จ้าวจื่อเฉิงสูดหายใจเข้าลึกๆ และพยายามสงบคลื่นอารมณ์ในใจตนลง
อย่าว่าแต่ในเมืองซีหลิงเลย แม้แต่ในราชวงศ์เทียนหลิงทั้งหมด และในบรรดาตระกูลที่มีชื่อเสียง ก็ยังไม่เคยมีตระกูลหรงปรากฏขึ้นมาก่อน
ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่อีกฝ่ายจะมาจากแคว้นเย่าเฉิน
อันที่จริงฉู่หลิวเยว่ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดกับจ้าวจื่อเฉิงให้มากความ ดังนั้นนางจึงแทรกขึ้นมาว่า
“ท่านพ่อน่าจะรออยู่ข้างในแล้ว เช่นนั้นข้ากับหรงซิวขอตัวเข้าไปข้างในก่อนนะ ส่วนคุณชายจ้าวเองก็ควรกลับไปได้แล้ว”
ทว่าจ้าวจื่อเฉิงกลับจ้องมองหรงซิวอย่างไม่ลดละ
“ในเมื่อเขาเป็นคู่หมั้นของฝ่าบาท เช่นนั้นก็ย่อมสามารถพูดเรื่องภูมิหลังของต้นตระกูลได้อยู่แล้วมิใช่หรือ?”
นี่คือการเผชิญหน้ากับหรงซิวอย่างเป็นทางการ
หรงซิวชำเลืองมองฉู่หลิวเยว่ด้วยความมั่นใจ พลันยิ้มบางและพูดว่า
“ข้าคือหรงซิว องค์ชายลำดับเจ็ดแห่งแคว้นเย่าเฉิน”
สุดท้ายก็เป็นคนจากแคว้นเย่าเฉินนั่นจริงๆ ด้วย!
จ้าวจื่อเฉิงขมวดคิ้วแน่นขึ้นกว่าเดิม
แม้ว่าหรงซิวผู้นี้จักเป็นองค์ชาย แต่แคว้นน้อยๆ แบบนั้น ย่อมไม่คุ้มค่าแก่การกล่าวสำหรับคนซีหลิง
ต่อให้นางจะเป็นเพียงลูกสาวขุนนางจากตระกูลธรรมดาทั่วไป แต่เขาก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่เข้าตามตรอกออกตามประตูอยู่ดี นับประสาอันใดกับฉู่หลิวเยว่ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นจักรพรรดิผู้สูงศักดิ์ไปแล้ว?
สถานะของทั้งสองคนแตกต่างกันมาก อย่าว่าแต่เขาเลย แม้แต่พวกขุนนางในราชวงศ์เองก็คงไม่ยอมรับการแต่งงานครั้งนี้เป็นแน่!
จ้าวจื่อเฉิงหันขวับไปมองฉู่หลิวเยว่อย่างอดไม่ได้
ไม่ใช่ว่านางไม่รู้ข้อเท็จจริงเหล่านี้ แต่นางกลับเพิกเฉยและยืนยันที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่านางประทับใจผู้ชายคนนี้จริงๆ
จ้าวจื่อเฉิงกำหมัดแน่น พร้อมความรู้สึกฟุ้งซ่านในใจ
หลายปีก่อนเขาก็โดนเจียงอวี่เฉิงตัดหน้าไปแล้ว
และตอนนี้ก็มีหรงซิวอีก
ราวกับว่าทุกครั้งที่เขาก้าวไปข้างหน้า มันกลับช้ากว่าคนอื่นไปก้าวหนึ่งเสมอ
ไม่สบอารมณ์เลยจริงๆ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...