หลังจากพูดจบแล้ว ร่างกายฉู่หลิวเยว่ก็เคลื่อนไหว และหลบเข้าไปในรอยแยกของทางเข้าออก!
ตอนที่นางเดินเข้าไปจนสุดทาง นางก็ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมา ประกายเพลิงกลุ่มหนึ่งก็ลุกพรึ่บ!
พลังของม่านพลังก็ค่อยๆ ประสานกัน จนมันสามารถปิดลงอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ก่อนจะคืนสู่สภาพเดิมในที่สุด!
“นี่มัน…”
กงซุนเซียวเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ในแววตามีประกายความผิดหวัง
เดิมทีเขาเองก็อยากจะลองดูว่าพอจะมีโอกาสเข้าไปข้างในนั้นได้หรือไม่?
คิดไม่ถึงว่าฉู่หลิวเยว่จะไร้น้ำใจขนาดนี้ แม้กระทั่งที่ว่างก็ยังไม่เหลือทิ้งไว้ให้เขา!
ถานไถเฉินแค่นหัวเราะเสียงเย็น
“พี่กงซุน ซั่งกวนเยว่คนนั้นใจแคบอย่างมาก ไม่สามารถพึ่งพานางได้เลย!”
กงซุนเซียวมีสีหน้าย่ำแย่
“นางเปิดม่านพลังขึ้นมาด้วยตัวเอง ไม่ว่านางจะว่าอย่างใด นั่นก็เป็นสิทธิ์ของนางไม่ใช่หรือ?”
หนิงหยวนพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน น้ำเสียงเย็นชา
“เมื่อครู่พวกเราล้วนนั่งอยู่ตรงนี้ แต่กลับไม่มีใครเดินเข้าไปช่วยเหลือนางเลย นางจะไม่ช่วยเหลือพวกเรา ก็เป็นเรื่องปกติแล้ว”
กงซุนเซียวกลืนคำพูดทั้งหมดลงคอ
หนิงหยวนผู้นี้เป็นผู้เฒ่าผู้แก่ เรื่องส่วนใหญ่แล้ว มักคิดเห็นไม่ตรงกัน
แต่ฝีมือของเขาแข็งแกร่งมาก อีกทั้งราชวงศ์ตงหนิงก็เป็นรองเพียงราชวงศ์เป่ยหมิงเท่านั้น กงซุนเซียวจึงต้องจำใจไม่คิดล่วงเกิน
ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เขาก็ไม่ต้องการไปโต้เถียงอันใดอีก เพื่อไม่ให้ไปล่วงเกินใครเข้าอีก
ถานไถเฉินเห็นว่าตนเองไม่สามารถยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูดได้อีก ในตอนนั้นเขาก็รู้สึกเสียใจอย่างมาก
แต่เขาก็เหมือนกับกงซุนเซียว ที่ไม่อยากจะเผชิญหน้ากับหนิงหยวน ดังนั้นจึงต้องกลืนคำพูดทั้งหมดลงคอ
ทั่วทั้งสนามตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
แต่ว่าภายในจิตใจของทุกคนไม่ได้สงบนิ่งเหมือนหน้าตา
เดิมทีแต่ละราชวงศ์สามารถเข้าไปได้ราชวงศ์ละห้าคน ตอนนี้ซั่งกวนเยว่เข้าไปแล้ว ดังนั้นคนของราชวงศ์เทียนลิ่งจึงมีคนเพิ่มอีกหนึ่งคน!
แต่ประเด็นที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ ฝีมือของนางนั้นแข็งแกร่งกว่าที่พวกเขาประเมินเอาไว้อย่างเห็นได้ชัด!
หากเข้าร่วมไปแล้ว อาจจะทำให้ประสิทธิภาพในการต่อสู้ของราชวงศ์เทียนลิ่งยกระดับขึ้นมากเลยทีเดียว!
ถานไถเฉินหลับตาลง
ตอนนี้เขาหวังเพียงแค่ว่าคนของราชวงศ์เทียนลิ่งจะถูกกำจัดจนหมดแล้ว…เมื่อเป็นเช่นนั้น ต่อให้ฉู่หลิวเยว่เข้าไปเพิ่มอีกคนหนึ่ง ก็สามารถช่วยเหลืออันใดได้ทัน!
…
ฉู่หลิวเยว่เดินผ่านม่านพลังเข้าไปในหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวง
ทันทีที่นางเข้ามาที่นี่ นางก็รู้สึกได้อย่างรวดเร็วว่าที่นี่มีปราณฟ้าดินเข้มข้นอย่างมาก! เข้มข้นมากกว่าข้างนอกเกือบสามเท่า!
เมื่อนางกวาดสายตามองไปโดยรอบ ก็จะพบเทือกเขาสลับซับซ้อน แม่น้ำสายยาวสีเขียวทอดผ่าน คดเคี้ยวเลี้ยวผ่านระหว่างกลางหุบเขา
เขาสวยน้ำใส สะกดสายตา
นอกจากนี้นางยังสามารถได้ยินแว่วเสียงนกร้องจากในป่า หรือบางครั้งก็เห็นเงาของสัตว์อสูรเดินผ่าน
ท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าจะมองอย่างใดก็ดูเป็นทิวทัศน์ที่มีชีวิตชีวาอย่างมาก
มิน่าล่ะหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงถึงได้รับการยกย่องจากราชวงศ์เป่ยหมิงว่าเป็นหุบเขาศักดิ์สิทธิ์
สภาพแวดล้อมที่ดีต่อการบำเพ็ญเพียรเช่นนี้ หาได้ยากจริงๆ
แต่ในตอนนี้ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้มีใจมาชื่นชมกับสิ่งสวยงามเหล่านี้
นางยกมือขึ้น แล้วมองไปยังกระดิ่งทองคำ ก่อนจะเริ่มค้นหาลมปราณของพวกเขาทั้งหลาย
ต่อมานางก็พบว่าลมปราณเหล่านั้นแยกเป็นสองทาง!
นั่นก็หมายความว่าพวกเขาทั้งห้าคนถูกแยกออกจากกันแล้ว!
ในใจของฉู่หลิวเยว่ยิ่งรู้สึกกังวลมากกว่าเดิม คิ้วขมวดพันกันแน่นขึ้น
ก่อนที่จะเข้ามา นางได้บอกกับพวกเขาไว้แล้วว่า ถ้าเป็นไปได้จะต้องอยู่กันเป็นกลุ่ม
ตอนนี้กระดิ่งทองคำทั้งห้าเม็ดได้แตกสลายออกหมดแล้ว และพวกเขาก็อยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างกันอีกด้วย!
เกรงว่าสถานการณ์ของพวกเขาจะย่ำแย่กว่าที่นางคิดเอาไว้!
ถ้านางไม่ได้คาดเดาผิดละก็ เจี่ยนเฟิงฉือและเชียงหว่านโจวจะอยู่ทางซ้าย ส่วนสามคนที่เหลือจะต้องอยู่ทางด้านขวา
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เลือกไปทางขวา!
นอกจากเชียงหว่านโจว จะมีกระดิ่งทองคำติดตัวแล้ว เขายังมีนกหวีดสีทองที่อาจารย์เคยมอบไว้ให้ก่อนหน้านี้ด้วย ในตอนนี้เขายังไม่ได้เป่ามัน หมายความว่าบางทีเขาอาจจะยังรับมือมันได้อยู่
ยิ่งไปกว่านั้นฝีมือของเขากับเจี่ยนเฟิงฉือก็ไม่ได้อ่อนแอ ฉู่หลิวเยว่จึงรู้สึกวางใจเล็กน้อย
สถานการณ์ของมู่หงอวี่และอีกสองคนนั้นอาจจะเลวร้ายมากยิ่งกว่า!
ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็ตะโกนขึ้นเสียงดัง
“ถวนจื่อ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...