ยอดคุณหมอตาวิเศษ นิยาย บท 1419

อู๋เป่ยเข้าไปในเทียนเหมิน จากนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนว่ากำลังเหยียบอากาศและตกลงไปในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยสีสัน เมื่ออยู่ที่นี่ เขาก็รู้สึกว่าที่นี่คล้ายกับอาณาจักรสวรรค์ แต่มหัศจรรย์ยิ่งกว่าอาณาจักรสวรรค์!

เมื่ออยู่ในนี้ เขารู้สึกว่าทั้งสติปัญญา ความคิดและสภาพร่างกายต่างก็ดีขึ้นหลายร้อยหลายพันเท่า!

เขาสามารถพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่าต่อให้พาคนโง่มาที่นี่ เขาก็จะกลายเป็นอัจฉริยะ อีกทั้งการฝึกฝนของเขาก็จะก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

เขาไม่มีเวลามานั่งสำรวจ ทุกนาทีของเขานั้นมีค่า ดังนั้นเขาจึงเริ่มฝึกซ้อมทันที!

ตอนนี้เขาเห็นตัวอักษรมากมายปรากฏขึ้นมาในอากาศ เมื่อเขามองอย่างละเอียด เขาก็รู้ได้ว่ามันคือระยะเวลา มันเขียนว่า: สามสิบสามวันกับอีกเจ็ดชั่วโมง

เขาสามารถเข้าใจได้ทันทีว่าเวลาที่เขาสามารถซ้อมได้ในเทียนเหมินคือสามสิบสามวันกับอีกเจ็ดชั่วโมง!

“ฝึกฝนคัมภีร์พลังเทพก่อน!”

ในคัมภีร์พลังเทพมีเก้าระดับ ขั้นที่หกของคัมภีร์พลังเทพนั้นเกี่ยวกับ "การแปรสภาพ" มันสามารถเปลี่ยนพลังของทุกสิ่งบนโลกให้เป็นพลังเทพเพื่อการนำมาใช้งาน

ยกตัวอย่างเช่น เวลาอู๋เป่ยเจอกับมังกร เขาก็สามารภใช้กระบวนการแปรสภาพเพื่อเปลี่ยนมังกรให้เป็นสายฟ้า จากนั้นทำให้เป็นพลังเทพของเขาเอง ทำให้มังกรกลายเป็นส่วนหนึ่งของพลังของเขา!

ขั้นนี้นั้นยากมาก แต่การฝึกฝนในเทียนเหมิน ทำให้อู๋เป่ยใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงในการผ่านขั้นที่หก!

เขารีบตีเหล็กตอนร้อน ฝึกคัมภีร์พลังเทพขั้นเจ็ดต่อไปเพื่อฝึกฝนจิตวิญญาณ!

ในขั้นที่หก อาจทำให้ทุกสิ่งกลายเป็นพลังให้ตัวเองได้ แต่ในขั้นที่เจ็ดนั้น สามารถใช้พลังเทพมาสร้างสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังได้! วิธีการนี้มีประสิทธิภาพมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย ตัวอย่างเช่น ในพื้นฐานการหลอมรวมวิญญาณ เขาสามารถหลอมรวมความสามารถที่แข็งแกร่งของมังกรและเสือเข้าด้วยดัน จากนั้นก็ใช้มันเพื่อสร้างสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังมากยิ่งขึ้นไปอีก

เมื่อเขาฝึกมาถึงจุดนี้เขาก็ไม่สามารถฝึกต่อไปได้ เพราะเขายังไม่ได้หล่อหลอมสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลัง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการฝึกวิญญาณพวกนั้น ตอนนี้เขารู้แค่วิธีหลังจากนี้เขายังต้องฝึกฝนต่ออีกถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ

เขาไม่สามารถฝึกฝนคัมภีร์พลังเทพได้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงฝึกฝน คัมภีร์ดาบเทียนจีต่อ เขาฝึกเทียนจีแบบที่สามสำเร็จแล้ว ตอนนี้เขาใช้โอกาสนี้ทำความเข้าใจมันอีกครั้งและเขาก็ได้รับความเข้าใจใหม่จริงๆ

เมื่อมองดูเวลา เขาก็เห็นว่าเขาฝึกฝนไปเพียงหกชั่วโมงเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงฝึกฝนต่อไปในขั้นที่เก้าของคัมภีร์ดาบเทียนจี

ขั้นที่เก้านี้เรียกว่าแสงดาบ!

จะว่าไปก็ช่างบังเอิญก่อนหน้านี้ที่ฝึกพลังเทพ อู๋เป่ยได้รวมพลังเทพเข้ากับเจียนว่าน เหมือนฝึกแสงดาบ เขาเองก็ได้แปลงพลังดาบให้กลายเป็นสายฟ้าอีกด้วย ทั้งสองมีจุดมุ่งหมายเดียวกันแต่มีแนวทางแตกต่างกัน!

แสงดาบ ขอเพียงแค่เป็นเซียนดาบที่มีเจียนว่านก็จะสังเกตเห็นได้ แต่ "แสงดาบ" นั้นไม่ใช่ ขั้รที่เก้าของคัมภีร์ดาบเทียนจีคือพลังงานดาบที่กลายเป็นแสงไฟฟ้า มันสามารถบินได้หลายล้านเมตรในทันทีและสามารถฆ่าเป้าหมายของเราด้วยความเร็วที่รวดเร็วมาก!

วิธีนี้น่ากลัวอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าอู๋เป่ยจะมีพลังเทพอยู่ในร่างกายของเขา แต่มันก็ไม่ง่ายเลยที่จะสำเร็จ โชคดีที่อยู่ภายในเทียนเหมิน มันจึงทำให้ทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่นมาก

เวลาผ่านไปประมาณ 3 ชั่วโมง อู๋เป่ยก็สำเร็จในขั้นแสงดาบ เพียงแค่ใจเขานึกแสงดาบก็ไปไกลแล้วถึงไมล์ พลังของมันก็แข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า!

หลังจากฝึกขั้นแสงดาบเสร็จสิ้น เขาฝึกขั้นที่สิบต่อ!

ขั้นที่สิบของคัมภีร์ดาบเทียนจีเรียกว่าเงาดาบ ทันทีที่ฝึกฝนขั้นนี้สำเร็จ ท้องฟ้ากับโลกก็เต็มไปด้วยเงาของแสงดาบ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอันไหนคือของจริงอันไหนคือของปลอม เงาดาบแต่ละอันสามารถทำร้ายศัตรูได้อย่างแม่นยำและในขณะเดียวกัน ศัตรูก็ไม่สามารถบอกได้ว่าอันไหนคือแสงดาบของจริง นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง

นอกจากนี้เงาดาบยังมีความสามารถอีกอย่าง นั่นก็คือทุกครั้งที่สิ่งมีชีวิตถูกฆ่า วิญญาณของมันจะถูกดูดเข้าไปในมิติของเงาดาบและถูกปิดผนึกไว้ ถึงตอนนั้นวิญญาณของผู้ที่ถูกฆ่าก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของเงาดาบ ยิ่งมันฆ่าสิ่งมีชีวิตมากเท่าไร เงาดาบก็จะยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น

เงาดาบนี้ต้องการใช้พลังจิตขั้นสูงและต้องใช้ความคิดเยอะมาก อู๋เป่ยได้ฝึกความคิดมาพร้อมอยู่แล้ว เขาสามารถแยกแยะความคิดนับสิบล้านและได้ เดิมทีเขาได้บรรลุเงื่อนไขในการฝึกฝนอยู่แล้ว

ตอนนี้เขาฝึกฝนอย่างหนักอยู่ในเทียนเหมินมาสิบชั่วโมงแล้ว อีกทั้งเขาสามารถฝึกเงาดาบได้สำเร็จ ทันทีที่เขาคิด แสงดาบสามพันดวงก็ลอยพุ่งออกมา รูปลักษณ์ของแสงดาบแต่ละอันล้วนเหมือนกันหมด แต่มันมีเพียงแสงดาบเพียงอันเดียวเท่านั้นที่เป็นของจริง ส่วนที่เหลือเป็นเงาดาบทั้งหมด!

หลังจากนั้น จือเอ๋อร์ก็ไดนำอู๋เป่ยไปที่ห้องโถงของจวนจ้านหวัง ตอนนี้ในห้องโถงมีคนหลาย 10 คนนั่งอยู่ส่วนมากเป็นคนหนุ่มวัยรุ่น อีกทั้งทุกคนต่างก็มีความสามารถด้านพลังยุทธ์

อู๋เป่ยเข้ามาและพบว่าไม่มีที่นั่งว่างแล้ว ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น ในที่นี้มีคนอีกหลาย 10 คนที่ไม่ได้นั่ง ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะเป็นหลานซินเยว่ทีาตั้งใจทำ

จือเอ๋อร์ขยับเก้าอี้ วางไว้ด้านหลังอู๋เป่ย ก่อนจะยิ้มเล็กน้อย

คนที่ยืนอยู่ต่างไม่พอใจเมื่อเห็นว่าอู๋เป่ยมีเก้าอี้ หนึ่งในนั้นพูดอย่างโกรธ ๆ ว่า: "นี่จวนจ้านหวังหมายความว่ายังไง? ทำไมชายคนนี้มีเก้าอี้ แต่พวกเรากลับไม่มีล่ะ?"

เมื่อได้ยินคำปะท้วงของเขา จือเอ๋อร์ก็ตอบว่า: "ถ้าคุณเป็นปรมาจารย์นักเล่นแร่แปรธาตุระดับห้าดาวสีม่วงเหมือนกัน ฉันก็จะเอาเก้าอี้มาให้คุณด้วย"

ประโยคนี้เกือบทำให้ชายคนนั้นถึงกับสะอึก ในขณะเดียวกับสถานะของอู๋เป่ยก็ทำให้เขาตกใจไม่แพ้กัน เป็นถึงปรมาจารย์นักเล่นแร่แปรธาตุระดับห้าดาวม่วงเลยเหรอ!

คนที่เหลือต่างก็ไม่มีข้อคิดเห็นใดต่อ บางคนถึงกับเริ่มที่จะเข้ามาทักทายอู๋เป่ย พอถึงยังไงการที่ได้รู้จักกับปรมาจารย์นักเล่นแร่แปรธาตุห้าดาวม่วงก็ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง

หลังจากนั้นก็มีคนอีกหลายคนมาถึง เมื่อมาถึงกันได้พอสมควรแล้ว ในที่สุดหลานซินเยว่ก็ปรากฏตัวขึ้น เมื่อเห็นความงามของเธอ ดวงตาหลายคู่ต่างก็เปล่งประกาย อีกทั้งพวกเขาต่างก็พากันฉีกยิ้มอย่างมั่นใจ

หลานซินเยว่ยิ้มให้ทุกคนพลางพูดว่า: "คุณชายทุกท่าน ขอบคุณสำหรับความรักที่ทำให้คุณมาที่วังของฉัน ฉันมีเงื่อนไขอยู่สามข้อ ดังนั้นโปรดออกจากห้องโถงด้วย หากคุณไม่ตรงตามเงื่อนไขที่ว่ามานี้"

คนคนหนึ่งยิ้มพลางพูดว่า: "องค์หญิง ว่ามาเถอะว่าเงื่อนไขแรกคืออะไร?"

หลานซินเยว่: "ฉันเคารพนักเล่นแร่แปรธาตุมาโดยตลอดและฉันก็หวังว่าสามีของฉันจะเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ ทุกท่านในที่นี้หากใครเป็นปรมาจารย์นักเล่นแร่แปรธาตุระดับสามดาวขึ้นไปก็สามารถอยู่ต่อได้"

ทั้งห้องโถงลุกฮือกันทันที ล้อกันรึไง นักเล่นแร่แปรธาตุบนโลกใบนี้มีเพียงแค่ไม่กี่คน อีกทั้งที่นี่จะมีนักเล่นแร่แปรธาตุกันสักกี่คนเชียวและต่อให้มีแต่ใครกันล่ะที่จะเป็นถึงปรมาจารย์นักเล่นแร่แปรธาตุระดับสามดาว?