ออกจากเมืองเซี่ยเยว่ อู๋เป่ยกับฟางฟางก็ขี่มุ่งหน้าไปยังป่าหมอกพิษ
ถนนหน้าเมืองเป็นถนนหลวงกว้างใหญ่ พื้นดินโรยด้วยเปลือกพืชบดละเอียดที่ไม่อ่อนหรือแข็งเกินไป เหมาะแก่การขี่ม้า
ม้าวิ่งฉิวอย่างรวดเร็ว ไม่ช้าก็วิ่งไปได้กว่าร้อยลี้ ขณะนั้นเอง ทั้งสองเห็นว่าด้านหน้ามีผู้คนกลุ่มหนึ่งกำลังโต้เถียงกันเสียงดัง ชาวบ้านจำนวนไม่น้อยยืนดูอยู่ข้างทาง
อู๋เป่ยกับฟางฟางจึงเข้าไปใกล้ เห็นเกวียนคันหนึ่งล้มอยู่ข้างทาง คนกลุ่มหนึ่งที่นั่งมากับเกวียนกำลังด่าทอใส่หนุ่มน้อยคนหนึ่งอย่างหยาบคาย
หนุ่มน้อยคนนั้นอายุประมาณสิบห้าปี ขี่วัวสีขาวตัวหนึ่ง วัวตัวนี้ไหล่สูงเกือบสามเมตร ลำตัวยาวสี่เมตร เป็นสัตว์ร่างใหญ่โต มีขนสีขาวสะอาดไร้จุดด่างและมีกลิ่นหอมจางๆ แผ่ออกมา
หนุ่มน้อยดูเรียบร้อยดี พลังยุทธ์ก็ไม่สูงนัก ยามนี้ยืนเก้อเขิน ใบหน้าแดงก่ำ อ้าปากอยากพูดแต่ก็พูดไม่ออก
อู๋เป่ยได้กลิ่นหอมจากวัวตัวนั้น ก็รู้สึกสะดุดใจ จึงเดินตรงไปยังกลุ่มคนที่กำลังด่า แล้วเอ่ยขึ้นว่า “พอได้แล้ว อย่าด่ากันเลย”
พวกนั้นกำลังเดือด พอได้ยินอู๋เป่ยพูดแบบนั้น ก็พุ่งเป้ามาที่เขา ชายหนวดดำคนหนึ่งตะโกนด้วยความโมโห “เธอเป็นใคร มายุ่งอะไรกับเรื่องของพวกฉัน?”
“โครม!”
อู๋เป่ยกระทืบพื้นอย่างแรง พื้นดินสั่นสะเทือนจากจุดที่เขายืน กลุ่มคนเหล่านั้นยืนทรงตัวไม่อยู่ ล้มระเนระนาด สีหน้าซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว
อู๋เป่ยกล่าวอย่างเย็นชา “พยุงเกวียนขึ้น แล้วรีบไปได้แล้ว”
ด้วยพลังที่น่าหวาดหวั่นของเขา กลุ่มคนนั้นไม่กล้าขัดขืน รีบพยุงเกวียนขึ้นแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว
หนุ่มน้อยเห็นอู๋เป่ยช่วย ก็รีบลงจากวัว โค้งคำนับอย่างลึก “ขอบคุณมากที่ช่วยฉันไว้”
อู๋เป่ยยิ้ม “แค่เรื่องเล็ก ไม่ต้องใส่ใจ” จากนั้นหันไปมองวัวขาวตัวนั้น พบว่าตาของมันเป็นสีม่วง เขายาวสีทองและมีลวดลายธรรมชาติอ่อนๆ อยู่บนเขา
“วัวตัวนี้ช่างสง่างามและใหญ่โตจริงๆ” เขาชม
หนุ่มน้อยพูดขึ้น “อืม มันเพิ่งอายุแค่หนึ่งปี อีกหน่อยจะโตได้มากกว่านี้อีก”
อู๋เป่ยประหลาดใจ “แค่อายุหนึ่งปีแต่ตัวใหญ่ขนาดนี้?”
หนุ่มน้อย “ใช่ มันค่อนข้างขี้กลัว เมื่อครู่ตอนที่เกวียนอีกฝ่ายผ่านมา พวกนั้นแกล้งเอาแส้ฟาดมันเข้า มันตกใจเลยชนเกวียนล้ม”
อู๋เป่ย “ดูเหมือนว่าเธอจะเลี้ยงมันมาตั้งแต่เล็ก?”
หนุ่มน้อยพยักหน้า “มันชื่อจินเจียว ปู่ของฉันเจอมันตอนออกไปค้าขายระหว่างเดินทาง ก็เลยเก็บมันมาเลี้ยง ใครจะคิดว่ามันจะโตได้ขนาดนี้”
อู๋เป่ย “น้องชาย เธอกำลังจะไปที่ไหนกัน?”
หนุ่มน้อยถอนหายใจเบาๆ “ปู่ของฉันขาดทุนจากการค้า จนเครียดหนักแล้วล้มป่วย ตอนนี้ที่บ้านไม่มีเงินรักษา ฉันก็เลยคิดจะขายจินเจียว”
อู๋เป่ยรู้สึกบางอย่างขึ้นในใจ “วัวดีๆ แบบนี้ ขายไปเสียดายแย่เลย”
หนุ่มน้อยกล่าวด้วยความจนใจ “แต่ตอนนี้ต้องช่วยชีวิตปู่ก่อน จะทำยังไงได้…”
อู๋เป่ยจึงถามว่า “แล้วเธอจะขายเท่าไหร่?”
หนุ่มน้อยมองอู๋เป่ยแล้วถาม “เธอคิดจะซื้อมันหรือ?”
อู๋เป่ยก็ไม่ปฏิเสธ “ใช่ ฉันค่อนข้างชอบมัน ขี่แล้วดูสง่างาม หากเธอคิดจะขาย ก็ขายให้ฉัน ฉันจะดูแลมันอย่างดีแน่นอน”
หนุ่มน้อยว่า “พ่อของฉันบอกให้ตั้งราคาสองล้านเหรียญคริสตัล ต่อรองได้บ้างแต่ต้องไม่ต่ำกว่าหนึ่งล้านห้าแสน”
อู๋เป่ย “สองล้านก็ไม่ถูกเลย งั้นฉันไม่ต่อราคา ฉันซื้อจินเจียวในราคาสองล้านเหรียญคริสตัล แล้วแถมม้าให้เธออีกตัว ดีไหม?”
หนุ่มน้อยดีใจสุดๆ “ยอดเยี่ยมเลย!”
อู๋เป่ยจ่ายเงินสองล้านเหรียญคริสตัลให้ แล้วกระโดดขึ้นหลังจินเจียว ตบเบาๆ พลางพูดว่า “จินเจียว ไปกันเถอะ”
จินเจียวเติบโตมากับหนุ่มน้อยตั้งแต่เล็ก ความผูกพันลึกซึ้ง แต่มันเหมือนเฉันใจว่าเกิดอะไรขึ้น มันหันไปมองเธอของตัวน้อยด้วยสายตาลึกซึ้ง แล้วร้องเบาๆ เหมือนกล่าวคำล่ำลา หนุ่มน้อยน้ำตาคลอ โบกมือให้วัวขาวอย่างช้าๆ
อู๋เป่ยนั่งอยู่บนหลังวัวขาว ปล่อยให้มันเดินไปอย่างช้าๆ ผ่านไปได้สักระยะ เขาก็ก้มลงสูดกลิ่นหอมจากตัววัว แล้วยิ้ม “จินเจียว เธอเคยกินสมุนไพรพิเศษอะไรหรือเปล่า?”
วัวขาวดูเหมือนจะไม่เข้าใจว่าเขาพูดอะไร จึงไม่ตอบ อู๋เป่ยเลยหยิบสมุนไพรจากจักรวาลหลักออกมาหนึ่งต้น แล้วยื่นไปใกล้จมูกของมัน วัวขาวชะงักเล็กน้อย มองสมุนไพรนั้นแวบหนึ่ง ก่อนจะอ้าปากเคี้ยวกินทันที
อู๋เป่ย “อร่อยไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ
เสียตังด้วยออ...
ก็แค่นิยายก๊อปปี้เนื้อเรื่องกันไปมาทำไมต้องเสียตังอ่าน😛😛😛...
ชอบอ่านฟรีมากกว่า555...
เวปนี้เสียเงินด้วยหรือผมอ่านมาหลายเรื่องแล้วผึ่งมาเจอระยะหลังต้องเสียเงิน...
น่าจะมีหักทาง ทรูมันนี่วอเล็ตบ้างนะคับ...
ใครเคยเติมบ้างแล้วครับ เติมแล้วเป็นอย่างไรบ้าง...
แล้วเติมเหรียญยังงัย...
อ่านมาเพิ่นๆหลังๆมาเสียตังซะแล้ว...
มีหลายตอนไม่ได้อ่านครบอยากปืนยิงคนดูแลจังลงก็ไม่ครบดีดูแลไม่ได้เรื่องของครอบครัวคนดูแลมีแต่ความชิบหาย...
619 หายไปตอนนึงนะ...