ภายในห้องสวีท ถังปิงอวิ๋นยังคงโกรธพลุ่งพล่านอยู่ เขาพูดด้วยความแค้นเคืองว่า “ถังหลิงผู้นี้ช่างน่ารังเกียจเป็นที่สุด!”
อู๋เป่ยตบไหล่เขาเบาๆและพูดว่า “อย่าโกรธไปเลย ทีหลังไม่ต้องเกรงใจคนพันธุ์นี้หรอก”
ถังปิงอวิ๋นเอามือกุมขมับ ใบหน้าอันสวยงามเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง และพูดว่า “เพราะแบบนี้ไงฉันถึงอยากไปต่างประเทศเพื่อดูแลจัดการทหารรับจ้าง ยังดีกว่าทำงานในถังเหมิน ที่นี่ไม่ว่าจะทำอะไร มักจะมีคนสร้างปัญหามาให้อยู่เสมอ”
อู๋เป่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดว่า “ปิงอวิ๋น ถังหลิงผู้นี้เป็นคนอวดดีมาก ต่อให้เขาเป็นลูกเขยของชิงเหมินก็เถอะ แต่เขาก็เพิกเฉยต่ออำนาจคุณปู่ของเธอไม่ได้อยู่ดีไม่ใช่หรือ?”
ถังปิงอวิ๋นตอบ “ถ้าเป็นถังอู๋จิ้วพ่อของถังหลิงหล่ะใช่ เขาไม่มีทางกล้าอย่างแน่นอน แต่ถังหลิงเป็นคนรุ่นหลัง ต่อให้เขาแย่งอาคารถังไปจากมือของฉัน ก็อาจจะเรียกได้ว่าเป็นความขัดแย้งกันระหว่างคนรุ่นหลัง คุณปู่ก็คงทำอะไรเขาไม่ได้หรอก สุดท้ายแล้วก็ต้องรักษาความสามัคคีเอาไว้อยู่ดี”
อู๋เป่ยพูด “ถ้าเช่นนั้น ไม่ว่าจะทะเลาะกันขนาดไหนก็ตาม ถังอู๋จิ้วก็จะไม่ออกหน้าอย่างนั้นหรือ?”
ถังปิงอวิ๋นพยักหน้า “ถูกต้อง ความขัดแย้งของคนรุ่นหลังมันเป็นประเพณีที่ถ่ายทอดกันมาของถังเหมินอยู่แล้ว ใครมีความสามารถมากกว่า ก็ชนะไป”
อู๋เป่ยรู้สึกเสียดายอยู่บ้างเล็กน้อย และพูดว่า “ถ้ารู้แบบนี้แต่แรก เมื่อครู่ฉันคงซ้อมถังหลิงเพื่อระบายความโกรธให้คุณไปแล้ว”
ถังปิงอวิ๋นส่ายหน้า “ถังอู๋จิ้วมีอำนาจในมืออยู่มาก ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ อย่ามีเรื่องกับเขาจนมองหน้ากันไม่ติดเลยจะดีกว่า คุณทำร้ายปรมาจารย์ขั้นเทพทั้งสองของเขาจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ถือว่าเป็นการโจมตีเขาอย่างมากแล้วหล่ะ”
อู๋เป่ยโบกมือและพูดว่า “เอาหล่ะ อย่าไปพูดถึงเขาเลย ฉันได้เคลียร์กับอวี่ฮว่าหลงเรียบร้อยแล้ว เจียงเฟิงเซียนกับอวี่ฮว่าหลงล้วนต่างสนับสนุนอาคารถัง คุณสามารถออกหน้าและเป็นพันธมิตรกับพวกเขาได้”
ถังปิงอวิ๋นแววตาเป็นประกาย “ยอดเยี่ยมไปเลย! ตราบใดที่เคลียร์กับสองคนนี้ได้ เรื่องอื่นก็หายห่วง”
อู๋เป่ยพยักหน้า “ได้ความช่วยเหลือจากพวกเขา ฉันจะได้สบายใจ รอให้ฉันสอนวิธีฝึกพลังยุทธ์ให้เย่เฉินจนเสร็จเรียบร้อยก่อนก็จะไปจากที่นี่”
ถังปิงอวิ๋นพูด “เดือนหน้าก็จะเป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ตระกูลถังแล้ว พวกเราไปร่วมงานด้วยกันนะ”
อู๋เป่ย “คุณวางใจเถอะ ฉันกลับมาแน่ อีกอย่างถังหลิงเองอาจจะไม่ยอมแพ้ก็ได้ ฉันต้องจัดการกับปัญหานี้ให้สิ้นซากเสียก่อน!”
ถังปิงอวิ๋นออกไปทำธุระข้างนอก อู๋เป่ยเลยเรียกเย่เฉินมา เพื่อถ่ายทอดวิทยายุทธ์ให้กับเขา เพราะเขาพึ่งเริ่มฝึกพลังยุทธ์ เขาเลยสอนวิชายืนควบม้าให้กับเขาหนึ่งชุด และให้เขากลับไปฝึกซ้อมทุกวัน
อย่าคิดว่ามันเป็นท่ายืนธรรมดาทั่วไป การจะยืนให้ได้อย่างมั่นคงมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ แต่สมแล้วที่เย่เฉินเป็นคนมีพรสวรรค์ อู๋เป่ยสอนเพียงรอบเดียว เขาก็เรียนรู้ได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว แนะนำเพิ่มเติมอีกสองสามครั้ง เขาก็ทำได้ตามมาตรฐานเสียแล้ว
อู๋เป่ยรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก และให้เขากลับไปฝึกซ้อม หากเมื่อใดรู้สึกว่าจุดตันเถียนราวกับถูกไฟเผาแล้วค่อยกลับมาหาเขาใหม่อีกครั้ง
หลังจากที่เย่เฉินกลับไปแล้ว เขาก็โทรศัพท์หาหยางมู่ไป๋ และถามเขาหาว่าอยู่ที่เมืองหลวงหรือไม่
ตอนนี้หยางมู๋ไป๋อยู่ในช่วงพักร้อน หลังจากได้รับโทรศัพท์จากอู๋เป่ยแล้ว เขาก็ดีใจมากจน หัวเราะและตอบไปว่า “ศิษย์น้อง อาคารถังเป็นยังไงบ้าง?”
อู๋เป่ย “โอเคดี ศิษย์พี่ คืนนี้ผมจะไปซ้อมคน พี่ไปช่วยหน่อยได้ไหม?”
พอหยางมู่ไป๋ได้ยินว่าศิษย์น้องจะไปซ้อมคน จึงรีบพูดขึ้นว่า “ฉันอยู่บ้าน เธอมาหาฉันสิ พวกเรามาปรึกษากันก่อนดีกว่า”
ดึกมากแล้ว อู๋เป่ยขับรถไปที่บ้านของหยางมู่ไป๋ ส่วนหยางมู่ไป๋เองก็ตระเตรียมไวน์และกับแกล้มไว้รอเขาเรียบร้อยแล้ว
พออู๋เป่ยมาถึงและเห็นว่ามีไวน์ชั้นดี ก็หัวเราะ “ฮ่าฮ่า” พร้อมกับพูดว่า “ศิษย์พี่ ช่างรู้ใจน้องดีเสียจริงๆ”
หยางมู่ไป๋พูด “มีเรื่องอะไร ดื่มกันไป คุยกันไปก็แล้วกัน”
หยางมู่ไป๋มองเขาและพูดว่า “ศิษย์น้อง เธอหมายความว่า วิธีแบบนี้มันผิดอย่างนั้นหรือ?”
อู๋เป่ยพยักหน้า “มันก็ไม่ผิดหรอก แต่มันก็ไม่ใช้การฝึกที่ถูกสักเท่าไร ในเมื่อยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว สิ่งแวดล้อมในทุกวันนี้กับยุคก่อนประวัติศาสตร์มันต่างกันมาก ทำให้ไม่สามารถนำวิธีการฝึกพลังยุทธ์ในสมัยก่อนมาใช้กับโลกปัจจุบันนี้ได้ ไม่ต้องฝึกฝนในชั้นพระเจ้าก่อนแล้วบรรลุขึ้นไปเลย อันที่จริงแล้วมันก็เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ถูกต้องอย่างหนึ่งเหมือนกันนะ”
หยางมู่ไป๋ถอนใจ “ก็ใช่หน่ะสิ เธอดูพี่สิ ชั่วชีวิตนี้หมดหวังที่จะถึงชั้นพระเจ้าแล้ว พี่เองก็รู้สึกเหมือนกันว่า การบรรลุชั้นพระเจ้ายังยากกว่าการบรรลุชั้นตี้เซียนเลยด้วยซ้ำ”
อู๋เป่ยหัวเราะ “ศิษย์พี่ เมื่อครู่ฉันก็พูดไปแล้วว่า การฝึกตนในปัจจุบันนี้ที่ไม่กล้าบรรลุชั้นพระเจ้า นั่นเป็นเพราะว่าสภาพแวดล้อมมันเปลี่ยนไปแล้ว จริงๆ ถ้าจัดหาสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมได้ เรื่องการบรรลุมันก็ไม่ยากเกินไปนักหรอก”
หยางมู่ไป๋ดีใจจนตัวสั่น “ศิษย์น้อง หรือว่าน้องมีวิธีอย่างนั้นหรือ”
อู๋เป่ยพยักหน้าและตอบว่า “ศิษย์พี่ หากพี่สามารถเข้าสู่ชั้นพระเจ้าได้ ต่อให้อายุมากกว่านี้อีกสักหน่อย ก็สามารถบรรลุขั้นตี้เซียนได้เหมือนกัน”
หยางมู่ไป๋รู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก เขารีบเอ่ยถามว่า “ศิษย์น้อง พี่ร้อนใจจะแย่อยู่แล้ว มีวิธีอะไรกันแน่ รีบบอกมาเร็วเข้า”
อู๋เป่ยหัวเราะและพูดว่า “คนกับเซียนทั้งสี่ขั้นที่ศิษย์พี่พูด แต่ละขั้นก็มีลักษณะเฉพาะตัว คนกับเซียนในขั้นที่สามและสี่ที่ว่ายากนั้น นั่นเป็นเพราะว่าการบรรลุชั้นพระเจ้ามันต้องใช้เคล็ดลับและวิธีการบางอย่าง”
มีบางอย่างที่เขาพูดไม่ชัดเจน อันที่จริงแล้วคนกับเซียนมีขอบเขตขั้นหนึ่ง สิ่งที่สืบทอดมานั้นมีเพียงขั้นที่สามและขั้นที่สี่เท่านั้น ตั้งแต่ชั้นที่สามขึ้นไป แต่ละชั้นล้วนมีเคล็ดลับในการเลื่อนขั้นทั้งสิ้น และสิ่งเหล่านี้ล้วนถูกบันทึกอยู่ในแท่นอิฐหยกนั้นเอง
หยางมู่ไป๋หูผึ่งและพูดว่า “ศิษย์น้อง เคล็ดลับอะไรอย่างนั้นหรือ?”
อู๋เป่ยโบกมือ “ศิษย์พี่ ไม่ต้องรีบร้อน รอจัดการกับถังหลิงเรียบร้อยก่อน แล้วฉันจะค่อยๆ บอกพี่เอง”
หยางมู่ไป๋เกาหัวด้วยความงุนงง แต่เขารู้ดีว่าต่อให้เขายิ่งอยากรู้มากกว่านี้ อู๋เป่ยก็ไม่บอกตอนนี้อย่างแน่นอน เลยได้แต่พูดว่า “ตกลง พวกเราชนแก้วกันเถอะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ
เสียตังด้วยออ...
ก็แค่นิยายก๊อปปี้เนื้อเรื่องกันไปมาทำไมต้องเสียตังอ่าน😛😛😛...
ชอบอ่านฟรีมากกว่า555...
เวปนี้เสียเงินด้วยหรือผมอ่านมาหลายเรื่องแล้วผึ่งมาเจอระยะหลังต้องเสียเงิน...
น่าจะมีหักทาง ทรูมันนี่วอเล็ตบ้างนะคับ...
ใครเคยเติมบ้างแล้วครับ เติมแล้วเป็นอย่างไรบ้าง...
แล้วเติมเหรียญยังงัย...
อ่านมาเพิ่นๆหลังๆมาเสียตังซะแล้ว...
มีหลายตอนไม่ได้อ่านครบอยากปืนยิงคนดูแลจังลงก็ไม่ครบดีดูแลไม่ได้เรื่องของครอบครัวคนดูแลมีแต่ความชิบหาย...
619 หายไปตอนนึงนะ...