แค้นรักสามีตัวร้าย นิยาย บท 100

บทที่ 100 บุริศร์รักคุณเข้าแล้ว

นรมนถอยกลับมาเบาๆ ไม่อยากรบกวนกานต์

จริงๆแล้วกานต์เป็นเด็กผู้ชายที่เก็บตัวอย่างมาก ถึงแม้จะรู้เรื่องเร็ว แต่ไม่ง่ายเลยที่จะเปิดใจพูดกับคนอื่น นอกจากเขาคิดว่าคนนั้นสำคัญเป็นพิเศษถึงจะทำดีกับเขา

ถึงแม้จะรู้ว่าความรู้สึกที่กานต์มีต่อกิจจาไม่ธรรมดาทั่วไป แต่กานต์ก็แสดงความเย็นชาต่อเขา สบประมาทเขาอยู่บ่อยๆ ทำให้นรมนไม่ได้สังเกตถึงอิทธิพลของกานต์ที่มีต่อกิจจา

วันนี้เห็นกานต์ที่ห่มผ้าให้เขาอย่างเอาใจใส่ จากนั้นก็ก้มตัวลงไปถอดรองเท้าให้เขาแล้ว ตอนที่เห็นกิจจาไม่ได้สวมถุงเท้าก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย จึงนำเท้าทั้งสองข้างของเขาย้ายไปบนเตียง แล้วดึงผ้าห่มลงมาคลุมเท้าทั้งคู่ของเขา

นรมนไม่รู้ว่าตนเองควรจะตอบสนองอะไรออกไป

ขัดขวาง?

หรือยอมให้พัฒนาต่อไปอย่างนี้?

กานต์กับกิจจาไม่สามารถอยู่ด้วยกันในระยะยาวได้

ถ้าเพียงแค่บุริศร์สามารถช่วยกมลได้ ไม่แน่ว่าเรื่องนี้ก็อาจจะทำให้กิจจาแตกหักกับกานต์ อันที่จริงใครๆก็มองออกว่า บุริศร์ให้ความสำคัญกับกิจจา

ถ้าเขารู้ว่าเพื่อช่วยกมลบุริศร์จึงมีข้อแม้อะไร ระหว่างพ่อกับพี่น้อง เด็กคนนั้นจะเลือกใครกันนะ?

นรมนหวังว่ากานต์จะไม่ได้รับความเจ็บปวด แต่ตอนนี้เธอก็หมดหนทางที่จะขัดขวาง ในใจได้แต่เฝ้าปรารถนา ถ้ามีวันนั้นเกิดขึ้นจริงๆ ก็หวังว่ากานต์จะผ่านไปได้

“แค่กแค่ก!”

นรมนตั้งใจไอขึ้นมาสองครั้ง

กานต์รีบลุกขึ้น สายตาเลิ่กลั่กเล็กน้อย

“หม่ามี้”

“หิวหรือเปล่า? อีกครู่ข้าวจะเสร็จแล้ว แต่กิจจาทำไมหลับไปแล้ว?”

นรมนแสร้งทำเป็นไม่เห็นที่กานต์ทำไปทั้งหมดเมื่อครู่ ถามขึ้นอย่างธรรมดา

กานต์เป่าปากอย่างผ่อนคลายแล้วพูดขึ้น: “เขาตื่นสายทุกวัน วันนี้ต้องตื่นเช้าแล้ว อีกทั้งยังฝึกซ้อมหนักเกินไป ร่างกายคงทนไม่ไหว หม่ามี้ รอข้าวเสร็จแล้ว ไม่ต้องรีบปลุกเขา เก็บไว้ให้เขาชุดหนึ่ง รอเขาตื่นแล้วค่อยกินแล้วกันครับ วันนี้เขาให้เลือด ร่างกายอ่อนแอมาก คาดว่าคงไม่สามารถฝึกซ้อมได้แล้ว ก็ให้เขาพักผ่อนให้มากสักหน่อยนะครับ”

ได้ยินกานต์ครุ่นคิดเพื่อกิจจาอย่างนี้ นรมนก็อึดอัดใจเล็กน้อย

“ลูกก็ให้เลือดไป กินข้าวเสร็จแล้วก็ไปนอนสักตื่นนะ”

“ผมไม่เป็นไรครับ ผมแข็งแรงมาก!”

กานต์ยิ้มแล้วก็โชว์แขนของตนเอง เหมือนกับมีกล้ามเนื้อจริงๆอย่างนั้น

นรมนดึงเขาเข้ามาในอ้อมอก คำพูดมากมายแต่กลับไม่รู้จะว่าควรเริ่มพูดจากตรงไหน?

เสียงน้ำเดือดแผ่ออกมาจากในครัว นรมนรีบปล่อยลูกชายแล้วเดินออกไป

กานต์เห็นนรมนออกไป ก็โซเซอยู่ครู่หนึ่ง

เขาคงประเมินค่าตนเองสูงเกินไปแล้ว

หลังจากให้เลือดไปก็รู้สึกอ่อนเพลียจริงๆ แต่เขาไม่อยากให้หม่ามี้รู้และสังเกตเห็น มิเช่นนั้นหม่ามี้จะเป็นห่วงได้

กานต์พิงข้างเตียงแล้วนั่งลงไป กำลังมองกิจจาที่หลับสนิท มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย

โดยไม่รู้ตัว กานต์ก็พิงเตียงหลับไปแล้ว

ตอนที่นรมนออกมา ก็เห็นร่างที่งอตัวของกานต์อยู่ที่หัวเตียง นอนหลับด้วยท่าทางที่แปลกประหลาด

กิจจาก็ไม่รู้ว่าตอนไหนที่พลิกตัวมากอดกานต์เอาไว้แล้ว แต่กานต์ไม่ได้ต่อต้าน กำลังนอนอย่างเงียบสงบอย่างนั้น

ถ้าเด็กสองคนนี้ล้วนแต่เป็นลูกของนรมน ภาพตรงหน้าก็คงสวยงามอย่างไม่ต้องสงสัย ที่น่าเสียดายก็คือ กิจจาเป็นลูกของเขมิกา

เธอเตือนตนเองมาโดยตลอดว่าเด็กไม่มีความผิด แต่แค่คิดถึงกมลที่นอนอยู่ในโรงพยาบาลในทุกๆวันต้องอาศัยอุปกรณ์ทางการแพทย์จึงจะสามารถประคองชีวิตให้รอดต่อไปได้ เธอก็หมดหนทางที่จะไม่ถือสา

เธอทำตัวเป็นพระแม่มารีไม่ได้จริงๆ!

นรมนทอดถอนใจ อุ้มกานต์ขึ้นไปบนเตียง ให้เขากับกิจจานอนด้วยกันบนเตียง ดึงผ้าห่มมาคลุมพวกเขาทั้งสองเอาไว้ จากนั้นก็ไปห้องครัว เอากับข้าววางไว้ในไมโครเวฟเพื่อเก็บความร้อน แล้วก็ออกจากห้องครัวไป

คมทิพย์กลับมาพอดี

“บุริศร์ฟื้นแล้ว พ้นขีดอันตรายแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”

“อื้ม!”

นรมนตอบอย่างเรียบเฉย พูดเสียงต่ำ: “ฉันอยากไปเดินเล่นคนเดียว เธอไปพักผ่อนก่อนเถอะ กับข้าวฉันทำเสร็จแล้ว เธอไปกินสักหน่อยนะ”

“นรมน”

คมทิพย์จับแขนของเธอเอาไว้

ท่าทางของนรมนตอนนี้ทำให้เธอไม่ค่อยวางใจนิดหน่อย

“ฉันไม่เป็นไร แค่เหนื่อยนิดหน่อย อยากหาที่เงียบๆ”

นรมนยิ้มอย่างวางเฉย แต่คมทิพย์มองออกว่าในสายตาของเธอไม่มีรอยยิ้ม

ในใจของเธอยังคงใส่ใจบุริศร์

เคยรักลึกซึ้งขนาดนั้น แม้ว่าตอนนี้จะเกลียดจนเข้ากระดูก แต่ก็เพราะรักมากรักอย่างยิ่งจึงเป็นอย่างนี้สินะ

ความรู้สึกที่ทั้งรักทั้งเกลียดผสมปนเปกันอย่างนี้ ทำให้คนทรมานจนจะตายจริงๆ

คมทิพย์ค่อนข้างคาดหวังว่านรมนจะลืมได้ หรือไม่รักแล้วโดยสิ้นเชิง เช่นนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ตามเธอจะไม่เจ็บปวดอย่างนี้ แต่เรื่องอย่างนี้ใครก็แทนที่ไม่ได้ทั้งนั้น แต่ละคนทำได้เพียงสลายมันไปด้วยตนเอง

คมทิพย์ปล่อยแขนของนรมนเบาๆ พูดเสียงต่ำ: “ถ้าต้องการอะไร บอกฉันได้ตลอดเลยนะ เธอรู้ไว้นะ ไม่ว่าเธอจะทำอะไร ฉันก็สนับสนุนเธอทั้งหมด”

“อืม ขอบคุณนะ ฉันไม่เป็นไรจริงๆ”

นรมนยิ้มแล้วออกไป

อย่างนั้นเมื่อวานที่บุริศร์มาที่นี่ก็เพื่อจะบอกเธอเรื่องนี้?

หรือที่เขาพูดจะเป็นความจริงทั้งหมด?

จู่ๆนรมนก็ลังเลเล็กน้อยแล้ว

เจตต์เห็นเธอมองหน้าจอมือถืออย่างตกตะลึง ยื่นมือออกมาต่อหน้าเธอแล้วเขย่านิดหน่อย

“เฮ้ เป็นอะไรไป? บุริศร์ทำอย่างนี้คุณคงจะไม่ซาบซึ้งใช่ไหม? สาวสวย คุณจะมาทำเย็นชากับฉันอย่างนี้ไม่ได้นะ คิดถึงฉันที่ยอมลำบากเพื่อคุณบ้าง เพียงคุณบอกมาคำเดียว ฉันจะประกาศต่อสาธารณชนทันที บอกว่าที่ฉันทำเพื่อคุณทั้งหมดเป็นความยินยอมด้วยความสมัครใจ ไม่เกี่ยวกับบุริศร์!”

คำพูดของเจตต์ทำให้นรมนตั้งสติได้นิดหน่อย แต่ตอนนี้เธอไม่มีอารมณ์จะล้อเล่นกับเขาจริงๆ

“เจตต์ เลิกเล่นได้แล้ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคุณ ฉันก็ดีใจแล้ว แต่ไหนแต่ไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับคุณ เป็นฉันเองที่ทำให้คุณเดือดร้อน ตอนนี้เห็นคุณไม่เป็นอะไรแล้ว ฉันก็สบายใจขึ้นเยอะเลย”

“แล้วบุริศร์ล่ะ? เขาทำอย่างนี้ คุณคงไม่ซาบซึ้งในบุญคุณเขาใช่ไหม?”

นี่เป็นปัญหาที่เจตต์กังวลที่สุด

นรมนส่ายหัวแล้วพูด: “ถ้านี่ไม่ใช่แผนการร้ายที่บุริศร์วางแผนจะพุ่งเป้าหมายมาที่ฉัน อย่างนั้นก็เป็นเพราะเขาฉันถึงโดนลากเข้ามาพัวพันด้วย ฉันจะซาบซึ้งเขาทำไม? ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดไม่ใช่เพราะเขาหรอกหรือ? เขาแก้ไขได้ก็ดีที่สุด ไม่สามารถแก้ไขได้ ฉันก็จะถามเขา ว่าคุณมีสิทธิอะไรถึงเอาฉันไปเป็นข้ออ้าง?”

ได้ยินนรมนพูดอย่างนี้ เจตต์ก็ยิ้มทันที

“ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนกับคุณได้รับทรมานและอาฆาตแค้นเขาล่ะ? คุณกับเขาเป็นศัตรูกันหรือเปล่า?”

“ไม่มี!”

“มีความแค้นใจ? หรือจะบอกว่าเมื่อก่อนรู้จักกัน?”

เจตต์อยากรู้อยากเห็นขึ้นเรื่อยๆแล้ว

นรมนมองเจตต์อย่างเย็นชาแล้วพูดขึ้น: “คุณเชื่อไหมถ้าคุณเอาแต่ก่อกวนไม่มีเหตุผลอีกครั้ง ฉันจะเตะคุณออกไปจากตรงนี้”

“อย่าอย่าอย่า! ฉันก็แค่ถามเอง ถ้าคุณไม่อยากบอก ก็ถือว่าฉันไม่ได้พูดแล้วกัน แต่ฉันประหลาดใจจริงๆนะ คุณมีตัวเลือกตั้งมากมาย แต่กลับเลือกที่จะร่วมงานกับบริษัทฮัวยูกรุ๊ปจำกัด แต่ดูจากท่าทางที่คุณปฏิบัติต่อบุริศร์แล้ว ถ้าบอกว่าพวกคุณเจอกันครั้งแรก เพราะอะไรต่างฝ่ายถึงต่างมองกันอย่างเอือมระอาขนาดนี้? แต่บุริศร์ผมก็เข้าใจ เขาเป็นตัวฉนวน หญิงสาวมากมายที่จู่โจมเข้ามาก็โดนเขาจัดการทิ้งไปหมดแล้ว หลายปีมานี้ก็ไม่เห็นเขาลุ่มหลงใครเป็นพิเศษ แต่กับคุณเป็นเพียงคนเดียวที่ปฏิบัติไม่เหมือนกัน”

“เขาอาจจะตกหลุมรักฉันตั้งแต่แรกเห็นก็ได้”

นรมนพูดไปเรื่อยเปื่อย ไม่อยากพูดกับเจตต์เรื่องระหว่างเธอกับบุริศร์

เจตต์รีบส่ายหน้าพูด: “รักแรกพบไม่น่าเกิดขึ้นกับบุริศร์ได้อย่างแน่นอน คนอย่างเขา เป็นไปได้แค่เกิดความรู้สึกเมื่อผ่านไปนานแล้ว ดูแล้วเขาทั้งเย็นชาทั้งไร้ความรู้สึกมาก แต่ถ้าเขาหวั่นไหวกับผู้หญิงคนไหนแล้ว นั่นก็คือตลอดไป ฉันเคยคิดว่าเขาจะหวั่นไหวกับภรรยาของตัวเอง วันนี้ดูแล้วเหมือนเขาจะหวั่นไหวไปกับคุณแล้วแหละ”

ใจของนรมนชะงักไปทันที

“อย่าพูดเหลวไหล เขาก็แค่สนใจฉันเท่านั้น”

“เป็นไปไม่ได้แน่นอน! แคทเธอรี ฉันกล้าใช้ชีวิตเป็นประกัน บุริศร์ตกหลุมรักคุณแล้ว มิเช่นนั้น เขาคงไม่เอาตระกูลโตเล็กทั้งหมดไปท้าทายกับตระกูลทวีทรัพย์ธาดา เขาเป็นนักธุรกิจ แล้วยิ่งเป็นผู้ชายที่ใจดำด้วย ถ้าคนๆนั้นไม่สามารถทำให้เขาโหมทำอย่างสุดกำลังได้ เขาคงไม่ดึงตระกูลโตเล็กทั้งหมดออกมา อันที่จริงตระกูลทวีทรัพย์ธาดาก็ไม่ใช่ว่าใครๆจะยั่วโมโหได้ แม้จะเป็นพวกฉันตระกูลรัตติกรวรกุล  ก็ยังต้องคิดให้ดีว่าอยากจะเป็นศัตรูกับตระกูลทวีทรัพย์ธาดาหรือเปล่า ถ้าคุณไม่สำคัญกับเขา เพียงแค่ทิ้งคุณไป ตระกูลโตเล็กก็ไม่ต้องสูญเสียอะไรทั้งนั้น แต่บุริศร์ก็ไม่ได้ทำอย่างนั้นไม่ใช่หรือ? ”

เจตต์มองนรมนไม่วางตา นรมนเหงื่อซึมออกมาที่ฝ่ามือแล้ว

บุริศร์ตกหลุมรักเธอแล้ว?

เป็นไปได้อย่างไร!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย