บทที่ 122 มีคนจงใจทำลายกล้องวงจรปิด
ตอนนี้นรมนก็ไม่มีเวลาอธิบายเรื่องกมลกับบุริศร์ ได้ยินบุริศร์พูดถึงกานต์ ขอบตาเธอก็แดงขึ้นมาอีกครั้ง
บางทีอาจจะสังเกตถึงน้ำเสียงของตัวเอง บุริศร์แอบด่าตัวเอง เขาจับมือนรมนเบาๆ และพูดขึ้น “ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ลูกชายเราจะไม่เป็นอะไร”
มาถึงจุดนี้แล้ว นรมนก็ตระหนักได้อย่างชัดเจนแล้วว่าเรื่องทั้งหมดนี้มีคนวางแผนขึ้นมา เอาแต่โทษตัวเองที่ไม่ได้ระวังเมื่อเช้านี้ ปล่อยให้ลูกชายตกอยู่ในอันตรายแบบนี้
“เราไปดูที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดกันอีกหน่อยไหม? ”
“โอเค”
นรมนจัดการอารมณ์ตัวเองได้แล้ว รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาเสียใจ รีบหากานต์ให้เร็วที่สุดต่างหาที่สำคัญที่สุด
ทั้งคู่กลับมาที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดอีกครั้ง
ผู้อำนวยการยังอยู่ในห้องควบคุมกล้องวงจรปิด ค้นหาวิดีโอที่กานต์หายไปหลังโรงพยาบาลตามคำชี้แนะของบุริศร์ แต่น่าเศร้าที่พบว่าเวลาห้านาทีช่วงนั้นว่างเปล่า
ผู้อำนวยการรู้สึกผิดนิดหน่อย และสีหน้าบุริศร์ก็ไม่ค่อยดีมากนัก
นรมนพูดขึ้นก่อนที่บุริศร์จะโกรธ “มีคนจงใจทำลายกล้องวงจรปิด”
“ใช่”
ตอนนี้พฤกษ์โทรมา
“ประธานบุริศร์ หาเจอแล้วครับ ตอนนั้นมีคนเดินชนผู้หญิงคนนั้นที่โทรมาในเกมเซนเตอร์ ผู้หญิงคนนั้นก็บังเอิญไปชนวัยรุ่นคนหนึ่ง ทั้งคู่ทะเลาะกันสองสามประโยค หลังจากคนนั้นด่าเสร็จก็ไปโทรศัพท์ข้างๆ วัยรุ่นได้ยินเนื้อหาพอดี ตอนนี้วัยรุ่นคนนี้อยู่ข้างๆ ผม”
“รีบพามาเดี๋ยวนี้! ”
เสียงบุริศร์เย็นชาจนน่ากลัว
นรมนรู้ว่านี่เป็นเบาะแสใหม่
พวกเขารีบไปที่ห้องรับรอง
วัยรุ่นสาปแช่งเมื่อถูกพาตัวมา อีกฝ่ายเป็นแค่เด็กสิบเจ็ดสิบแปดปี ดูดื้อรั้นนิดหน่อย
ตอนแรกไม่พอใจนิดหน่อยที่พฤกษ์พาตัวมา แต่พอเห็นบุริศร์ก็สงบลงทันที
บุริศร์คนคนนี้ ทั้งเมืองชลธีคาดว่ามีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่รู้จัก โดนบุริศร์ตามหาตัวมาที่นี่ได้ วัยรุ่นกระวนกระวายใจเล็กน้อย
“ประธานบุริศร์ ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย จริงๆ นะ! ”
ถึงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ความกดอากาศต่ำของบุริศร์ทำให้ทุกคนรู้สึกไม่สบายใจ
จริงๆ นรมนอยากถามเรื่องกานต์มากๆ แต่ตอนนี้เธอไม่ได้พูด แค่รอให้บุริศร์ถามอย่างเงียบๆ
เธอเชื่อว่าบุริศร์คงมีอารมณ์เดียวกับเธอในเรื่องของกานต์
บุริศร์มองเขาอย่างเย็นชาก่อนพูดขึ้น “พูดมาสิว่าผู้หญิงคนนั้นที่ชนนายแล้วโทรศัพท์ หน้าตาเป็นยังไง? อายุเท่าไร? ”
วัยรุ่นพอได้ยินว่าเป็นเรื่องนี้ก็รีบพูดขึ้น “ผมไม่ได้ตั้งใจชนเธอนะ ผมแค่ไม่ได้เดินมองทางดีๆ ตอนนั้นกำลังรีบไปชาร์จไฟ เลย……”
“ฉันอยากได้ยินสิ่งที่ฉันอยากรู้”
นานขนาดนี้แล้วที่ยังหากานต์ไม่เจอ มันทำให้อารมณ์บุริศร์ไม่ดีอย่างมาก
วัยรุ่นผงะไปเล็กน้อย รีบพูดขึ้น “เธอเป็นผู้หญิงอายุห้าสิบกว่า ดูเหมือนจะรวยมาก ตอนนั้นผมยังคิดเลยว่าผู้หญิงอายุขนาดนั้นมาในเกมเซนเตอร์ทำไม คิดว่าเธอคงมาหาหลานชายอะไรทำนองนั้น ไม่คิดเลยว่าเธอแค่มาโทรศัพท์แล้วก็เดินออกไป”
“ห้าสิบกว่า? นายไม่ได้มองผิดนะ? ”
บุริศร์คิดมาตลอดว่าคนที่สวมรอยเป็นนรมนนั้นเป็นวัยรุ่น ไม่คิดเลยว่าเป็นคนแก่วัยห้าสิบปี แต่เสียงของคนแก่และคนสาวแชมป์จะฟังผิดได้อย่างไร?
วัยรุ่นเห็นว่าบุริศร์สงสัยในตัวเองก็รีบพูดขึ้น “ไม่ผิดจริงๆ ครับ! ผู้หญิงคนนั้นอายุประมาณห้าสิบกว่า”
“รู้แล้ว พฤกษ์ ให้เงินเขาไปหน่อยแล้วพาไปส่ง”
ดูเหมือนจะไม่ได้อะไรจากปากวัยรุ่น บุริศร์จึงสั่งพฤกษ์
หลังจากที่วัยรุ่นพาตัวออกไป นรมนก็ถามขึ้นอย่างกังวล “คุณคิดว่ายังไง? ”
“แชมป์ไม่ใช่คนธรรมดา ในเมื่อทำให้คิดว่าเป็นเสียงของเธอได้ งั้นก็ต้องมีปัญหาแน่นอน ต้องกลับไปหาบันทึกในโทรศัพท์แชมป์ในตอนนั้นว่าเกิดอะไรขึ้น? ”
“จะมีการบันทึกเสียงโทรศัพท์ไหม? ”
นรมนร้อนรนใจนิดหน่อย
บุริศร์พยักหน้าพูดขึ้น “มี โดยปกติทุกการโทรจะมีบันทึกเสียง เพื่อเหตุผลด้านความปลอดภัย”
ทั้งสองคนกลับมาถึงบ้านใหญ่ตระกูลโตเล็กอย่างรวดเร็ว
กานต์หายตัวไปสองชั่วโมงกว่าแล้ว แต่ไม่มีเบาะแสเลยสักนิด ทั้งเมืองชลธีเกือบพลิกคว่ำ ทุกทางออกมีคนคุ้มกัน แต่กานต์เหมือนค่อยๆ หายไปจากโลก ไม่มีร่องรอยอะไรเลย
นรมนกระวนกระวายใจ อยู่ไม่สุข บุริศร์ก็ร้อนรนใจ แต่ก็ต้องควบคุมตัวเองให้สงบลง
ตอนได้บันทึกการโทรของแชมป์มา บุริศร์รีบวิเคราะห์เสียงอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็พบว่าอีกฝ่ายใช้เครื่องเปลี่ยนเสียง และที่น่าแปลกก็คือเสียงที่อีกฝ่ายเปลี่ยนนั้นคล้ายคลึงกับเสียงของนรมนมาก
นี่หมายความว่าอีกฝ่ายคุ้นเคยกับนรมนเป็นอย่างดี อย่างน้อยก็คุ้นเคยกับเสียงของเธอมาก
ปลอมแปลงเสียงเป็นเสียงที่คุ้นเคย ฟังก์ชันนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำได้
จู่ๆ บุริศร์ก็นึกถึงอะไรบางอย่าง
“พฤกษ์ ธิดาล่ะ? ”
บุริศร์ต้องหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีกครั้ง
เห็นได้ชัดว่าหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดทำให้สีหน้าคุณย่าบ้านตระกูลทวีทรัพย์ธาดาไม่ค่อยดีเท่าไร แต่คุณย่าบ้านตระกูลทวีทรัพย์ธาดากลับส่ายศีรษะพูดขึ้น “ฉันไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้น ตอนนั้นฉันก็สงสัยนิดหน่อยว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นจะช่วยฉัน เธอมองเจตนาฉันออกอย่างชัดเจน แต่สุดท้ายก็ปล่อยฉันไป ถ้าตอนนั้นเธอเข้ามายุ่ง ตอนนั้นฉันคงไม่มีโอกาส”
ได้ยินคุณย่าบ้านตระกูลทวีทรัพย์ธาดาพูดแบบนี้ บุริศร์ก็หรี่ตา เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ค่อยเชื่อใจคุณย่าบ้านตระกูลทวีทรัพย์ธาดา แต่เห็นแววตาของคุณย่าบ้านตระกูลทวีทรัพย์ธาดาก็ต้องเชื่อ
คุณย่าบ้านตระกูลทวีทรัพย์ธาดาไม่ได้โกหกเขา!
เรื่องขู่ว่าจะเปิดโปงความลับเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ก็ยังยอมรับ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าข้างบอดี้การ์ดคนหนึ่ง
เรื่องมันมาถึงตอนตรงนี้แล้ว ดูเหมือนเบาะแสจะแตกอีกครั้ง
บุริศร์ร่ำลาคุณย่าบ้านตระกูลทวีทรัพย์ธาดา ตอนออกมาก็ไปที่เกมเซนเตอร์ เรียกเจ้าของออกมา หากล้องวงจรปิดในตอนนั้น แต่ด้านในเกมเซนเตอร์มืดมาก มองเห็นไม่ได้ชัดมากเท่าไรนัก และวันนั้นคนก็เยอะมากเป็นพิเศษ ไม่เห็นเลยว่าหญิงวัยห้าสิบกว่าที่วัยรุ่นคนนั้นพูดถึงอยู่ที่ไหน
ด้วยเหตุนี้บุริศร์จึงไม่พอใจอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ก็ต้องรีบกลับบ้านก่อน ดูความคืบหน้าด้านนรมน
ตอนกลับถึงบ้านใหญ่ตระกูลโตเล็ก นรมนก็เหมือนถูกใครฝังเข็ม จ้องไปที่โทรศัพท์ตาไม่กะพริบเลย
เห็นนรมนเป็นแบบนี้ บุริศร์ก็สงสารมาก
เขาก้าวไปข้างหน้าและโอบไหล่นรมน พูดเสียงทุ้ม “นรมน อย่าเป็นแบบนี้เลยนะ”
“มีข่าวหรือยัง? ”
สายตาคาดหวังของนรมนทำให้บุริศร์ยากที่จะมองตรงๆ
เขาทนไม่ได้ที่จะบอกความจริงกับนรมน แต่เขาไม่สามารถเห็นเธอคิดเพ้อเจ้อได้ ทำได้เพียงถอนหายใจเบาๆ และส่ายศีรษะ
ดวงตานรมนก็สูญเสียประกายไปทันที
“อย่าเป็นแบบนี้สินรมน มันต้องมีทาง”
“แต่มันนานขนาดนี้แล้ว อีกฝ่ายไม่ส่งข่าวมาเลยสักนิด คุณคิดว่าเป็นเพราะเงินไหม? ”
นี่คือสิ่งที่นรมนกลัวมากที่สุด
ถ้าเพื่อเงิน นรมนจะไม่กังวลอีก แต่ถ้าลักพาตัวกานต์ไปเพื่อค้ามนุษย์ เธอยังจะหากานต์ของเธอเจออีกไหม?
พอคิดถึงตรงนี้ นรมนก็รู้สึกพังทลายเป็นพิเศษ
“ตอนเธอกลับมาครั้งนี้ได้ไปทำให้ใครไม่พอใจไหม? ”
เห็นได้ชัดว่าบุริศร์ก็กลัวว่าอีกฝ่ายไม่ได้เรียกค่าไถ่
นรมนส่ายศีรษะพูดขึ้น “ตอนนี้ฉันเป็นแบบนี้ คุณว่าฉันจะไปทำให้ใครไม่พอใจได้? คนที่รู้จักฉันเมื่อก่อนก็มีไม่กี่คน? แม้แต่พ่อแท้ๆ ของฉันยืนต่อหน้ายังจำฉันไม่ได้เลย ยังมีใครจำฉันได้อีก? ตั้งแต่ฉันมาที่เมืองชลธี ฉันก็เกิดเรื่องมากมาย ไม่มีเวลาไปทำให้ใครไม่พอใจหรอกนะ!”
มีบางอย่างแวบเข้ามาในหัวสมองบุริศร์ทันที ดูเหมือนเขาจะจับอะไรบางอย่างได้ แต่ก็ดูเหมือนจะจับอะไรไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
650 ตอนยังไม่จบเลยค่ะ...
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...