บทที่ 212 อย่างเธอนี่เรียกว่ากรรมตามสนองใช่ไหม
เห็นนรมนเขินอายแบบนี้แล้ว บุริศร์ก็ทนไม่ไหวเสียยิ่งกว่าเดิม
เขาก้มศีรษะลงและขบติ่งหูของนรมนอย่างรุนแรง
"อ๊ะ! เจ็บ!"
ความจริงแล้วมันไม่ใช่แค่เจ็บเท่านั้น ทว่ายังมีความรู้สึกเสียวซ่านที่ทำให้นรมนปฏิเสธไม่ได้ แต่เธอรู้ดีว่าหากทำที่นี่ก็คงใจกล้าจนเกินไป
ถ้าหากมีใครผ่านมาสักคน เธอจะไม่อายจนตายไปเลยเหรอ
มือเล็กๆที่อ่อนนุ่มแรงกับไร้กระดูกของนรมนผลักบุริศร์แล้วพูดว่า “ทำไมคุณถึงได้นิสัยไม่ดีแบบนี้นะ ฉันก็แค่มาดูคุณเท่านั้นเอง”
“ผมคิดว่าคุณพาตัวเองมาให้ผมกินถึงที่นี่เสียอีก”
น้ำเสียงของบุริศร์แหบพร่า เขาไม่ได้ลดละการกระทำแต่อย่างใด ทั้งยังผลักให้นรมนเดินไปสู่ทางตัน
ด้านหลังก็เป็นเคาน์เตอร์ครัว ด้านหน้าก็เป็นบุริศร์ ดวงตาของเขาจับจ้องนรมนราวกับเป็นหมาป่า ทำให้เธอจิตใจเร่าร้อนไม่สงบ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเขินอายและไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว ฉันก็แค่...อื้อ...”
นรมนยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกบุริศร์ปิดปากด้วยริมฝีปากบางอีกครั้ง
ครั้งนี้เธอไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมาแล้ว ปล่อยให้บุริศร์ทำอะไรสักอย่างกับเธอ
เมื่ออารมณ์ทั้งหมดระเบิดออกมา ก็ไม่ต่างอะไรจากตอนที่ดอกไม้ไฟปะทุแสงสว่างพร่างพราวชั่วพริบตา นรมนกรีดร้องออกมา จากนั้นก็จมลงไปในอ้อมกอดของบุริศร์
เสื้อผ้าของเธอยุ่งเหยิง แต่ของบุริศร์กลับไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก
นรมนมุดลงไปในอ้อมกอดของเขา จากนั้นก็พูดออกมาอย่างโมโหว่า “เป็นเพราะคุณนั่นแหละ คุณมันเป็นสัตว์ร้าย”
“อืม ผมมันเป็นสัตว์ร้าย”
บุริศร์ที่ได้รับทุกอย่างจนเต็มอิ่มพูดด้วยง่ายมาก ทุกสิ่งที่ภรรยาพูดออกมาล้วนถูกต้องทั้งหมด ต่อให้ไม่ถูกก็ต้องยึดถือเป็นบรรทัดฐาน เขาหวีผมให้เธอใหม่อีกครั้ง
ร่างกายอ่อนแรงของนรมนเต็มไปด้วยเหงื่อ บุริศร์อุ้มเธอขึ้นมา หลังจากที่จัดระเบียบเสื้อผ้าให้เธอเสร็จแล้ว ก็ก้าวเท้าเดินออกไปข้างนอก
ทันใดนั้นเองนรมนก็รู้สึกค่อนข้างที่จะประหม่า
“อย่าเพิ่งออกไปเลยค่ะ ถ้าตอนนี้ฉันออกไปสภาพนี้จะต้องมีคนมองออกแน่ๆ”
บุริศร์กลับยิ้มแล้วพูดออกมาว่า “ไม่เป็นไรหรอก ผมจะให้พวกเขาปิดตาเอาไว้”
“ บุริศร์!”
นรมนยกกำปั้นทุบเขาอย่างโมโห
ให้ทุกคนปิดตา นั่นไม่ใช่ว่าทุกคนรู้แล้วหรอกเหรอว่าเมื่อกี้พวกเราทำอะไรกันในห้องครัว
หน้าอกของบุริศร์ขยับขึ้นลงอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าเขากำลังกลั้นหัวเราะ นรมนที่กำลังโมโหอยู่เบียดตัวเองให้แนบชิด แล้วกัดลงไปบนคอของเขาทีหนึ่ง เธอก็แค่ระบายอารมณ์โกรธ จึงไม่ได้กัดแรงแต่อย่างใด บุริศร์จึงไม่สนใจ เพียงแต่รู้สึกเปียกชื้นและคันยิบๆ
“ถ้าคุณยังไม่ปล่อย อีกเดี๋ยวพอถึงห้องพักฟื้นผมจะไม่เกรงใจแล้วนะ เมื่อกี้นี้ยังสนุกไม่เต็มอิ่มพอดีเลย”
บุริศร์ขู่เสียงเบา
นรมนรีบถอนฟันออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ยังคงถลึงตามองเขาอย่างโมโห ตอนที่กำลังคิดจะพูดอะไร พฤกษ์ก็ไม่รู้ว่าปรากฏตัวออกมาจากไหน
“ประธานบุริศร์ครับ”
นรมนตกใจรีบซุกหน้าลงไปในอ้อมแขนของบุริศร์ เพราะกลัวว่าพฤกษ์จะเห็นอะไรบางอย่าง โดยไม่รู้เลยว่ายิ่งเธอทำแบบนี้ พฤกษ์ก็ยิ่งรู้สึกกระอักกระอ่วน
บุริศร์ยิ้มแย้มเบิกบานขนาดนี้ มีใครบ้างที่จะดูไม่ออกว่าเมื่อกี้นี้เกิดอะไรขึ้น กอปรกับความพยายามที่จะปกปิดอย่างกระตือรือร้นของนรมนแล้ว พฤกษ์จึงอดไม่ได้ที่กระแอมออกมา
นรมนรู้สึกว่าหน้าของตัวเองแสบร้อนราวกับถูกไฟเผา เธอแทบจะหารูมุดเข้าไป
ต้องโทษบุริศร์ไอ้คนชั่ว!
มือเล็กๆ ของเธอหยิกลงบนตัวบุริศร์ด้วยความแค้นเคืองไปหนึ่งที เสียดายที่บนหน้าอกของบุริศร์กลับไม่มีแม้แต่รอย ทำให้เธอไม่สามารถลงมือได้ นรมนที่กำลังโมโหจึงแค่นเสียงออกมาแล้วหดหัวลงเหมือนเต่า
รอยยิ้มของบุริศร์เด่นชัดขึ้น
“มีเรื่องอะไร”
“มีข่าวจากเมืองชลธีครับ”
พฤกษ์ไม่ได้ปิดบังนรมน เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
บุริศร์พยักหน้า หลังจากนั้นก็พานรมนเข้าไปในห้องพักฟื้น
“หิวไหม ให้ผมไปสั่งอะไรมาให้คุณกินก่อนดีไหม กินเสร็จแล้วก็พักสักหน่อย ผมมีเรื่องด่วนต้องไปจัดการ”
บุริศร์วางเธอลงบนเตียง
ตอนนี้ร่างกายของนรมนยังแดงไม่หาย ดูมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก
บุริศร์อดไม่ได้ที่จะคร่อมทับลงไปบนตัวเธออีกครั้งหนึ่ง ช่างหัวเรื่องอื่นปะไร
นรมนเห็นดวงตาที่เหมือนหมาป่าของเขาก็รีบดึงผ้าห่มมาคลุมตัวแล้วพูดว่า “คุณรีบไปเถอะ ไม่อย่างนั้นพฤกษ์จะคิดว่าพวกเรากำลังทำอะไรกันอีก”
“ทำอะไรอย่างนั้นเหรอ”
บุริศร์กลับหยอกล้อหนักขึ้น
ใบหน้าของนรมนแดงก่ำอีกครั้ง
“หยาบคาย”
“ทำเรื่องแบบนี้กับภรรยาไม่นับว่าเป็นเรื่องหยาบคาย และเมื่อกี้นี้คุณเองก็เป็นคนเริ่มก่อนนะ”
“ไสหัวไปเลย ชิ่วๆ”
นรมนสำนึกเสียใจจะตายอยู่แล้ว
ถ้ารู้แล้วว่านี้เธอจะไม่แกล้งหยอกเขาเลย
ใครจะไปรู้ว่าเมื่อก้อนน้ำแข็งที่จริงจังเข้มขรึมร้อนแรงขึ้นมาจะน่ากลัวขนาดนี้
ตอนนี้ข้างล่างของเธอยังระบมอยู่เลย
“ไม่มีทางที่จะทำให้พวกเขาหายไปภายใต้สายตาคนของเราโดยไม่บอกอะไรไว้ มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือมีหนอนบ่อนไส้ปะปนอยู่กับเรา”
“ผมจะรีบไปตรวจสอบสถานะของทุกคนในวันที่คุณพ่อคุณแม่ของตระกูลธนาศักดิ์ธนหายตัวไปทันทีครับ”
พฤกษ์หันหลังเดินจากไป
แต่ทันทีที่บุริศร์หมุนตัว ก็พบว่านรมนกำลังยืนอยู่ข้างหลัง คิดไม่ถึงว่าเธอจะวิ่งออกมาทั้งเท้าเปล่า
“คุณมาทำอะไร แล้วทำไมถึงไม่ใส่รองเท้า”
เขารีบก้าวไปข้างหน้า แล้วอุ้มนรมนขึ้นมาในท่าเจ้าสาว
นรมนถามเสียงเบา “เกิดเรื่องอะไรกับพ่อแม่ของฉันใช่ไหมคะ”
“อืม”
บุริศร์ไม่ได้ปิดบังเธอ เพราะรู้ดีว่าปิดบังไว้ก็ไร้ประโยชน์
เขาอุ้มนรมนกลับไปที่ห้องพักฟื้น แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “เรื่องนี้ยกให้ผมจัดการเอง ผมจะต้องหาพวกเขาเจออย่างแน่นอน คุณวางใจเถอะ”
“ใช่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้นหรือเปล่าคะ”
เธอยังจำได้ว่ามีคนพยายามใช้ประโยชน์จากข่าวของเธอเพื่อชักจูงให้พ่อแม่ของเธอเดินทางออกนอกประเทศ ตอนนั้นเธอถูกบุริศร์ขวางไว้ เพียงแต่คิดไม่ถึงเลยว่าฝั่งนั้นจะเริ่มลงมืออีกครั้ง
ดวงตาของบุริศร์เย็นชาเล็กน้อย
“ผมคิดว่าคนคนนั้นน่าจะเป็นนาวินหรือไม่ก็ธิดา ทำไปก็เพื่อพยายามที่จะชักจูงคุณให้ออกตามหาคุณพ่อกับคุณแม่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าความคิดของพวกเราในตอนนั้นจะผิด บางทีตอนนั้นคนที่ต้องการให้พวกเขาออกนอกประเทศจะไม่ใช่พวกนาวิน พวกเขาดูไม่ได้มีความสามารถอะไรขนาดนั้น”
“ถ้าอย่างนั้นจะเป็นใครได้อีกเหรอคะ”
นรมนรู้สึกร้อนใจเป็นอย่างมาก
ภาวะขาดทุนของพ่อแม่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ทำให้นรมนกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในครอบครัว
แต่บุริศร์กลับใช้เรื่องนี้มาทดสอบความสัมพันธ์ของนรมน
นรมนยังไม่รู้ว่าเธอไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธน ทว่าเขาบอกเธอไปตอนนี้ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร แค่เพิ่มปัญหาขึ้นมาอีกส่วนหนึ่งก็เท่านั้น
“ผมจะพยายามรีบตรวจสอบ ตอนนี้ผมรู้สึกว่ามีหลายเรื่องที่เหมือนกำลังถูกใครบางคนพยายามที่จะปิดกั้นการมองเห็นเอาไว้ อีกทั้งอิทธิพลในเมืองชลธีของผมนั้น ก็ไม่รู้ว่าจะสามารถเรียกใช้คนได้สักเท่าไหร่”
คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนตกตะลึงไปชั่วขณะ
“หมายความว่ายังไงกันคะ”
“คนของตระกูลโตเล็กหลายคนอยู่ในมือของป้าโอ ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยรู้เลยว่าเธอมีอำนาจมากมายขนาดนี้ได้ยังไง แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว บางทีเธออาจจะวางแผนครอบครองตระกูลโตเล็กมาตลอดยี่สิบปี หลายปีมานี้แม่ของผมกับเธอต้องต่อสู้กันทั้งในที่ลับและที่แจ้ง ทว่าในสายตาของคนนอก พวกเธอสองคนดูราวกับเป็นพี่น้องกันอย่างไรอย่างนั้น เป็นที่อิจฉาของผู้คน แม้แต่ลูกชายอย่างผมก็ยังคิดว่าแม่ปกป้องป้าโอมากกว่าปกป้องผมเสียอีก นี่แสดงให้เห็นว่าแผนการของเธอลึกซึ้งเพียงใด ตีผมให้ตายผมก็ไม่มีทางที่จะเชื่อว่าตลอดยี่สิบกว่าปีนี้เธอไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นในตระกูลโตเล็กเลย”
ถึงแม้ว่าบุริศร์จะรู้ความจริงแล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังไม่รับสถานะของป้าโอได้ ยังคงเรียกเธอว่าป้าโอเช่นเดิม
นรมนครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็พูดออกมาเสียงเบาว่า “ฉันเคยได้ยินแม่สามีพูดว่าป้าโอมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของคุณพ่อ และระหว่างนั้นอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องอื่นๆ ด้วย”
“เรื่องอื่นๆ อย่างนั้นเหรอ”
บุริศร์ค่อนข้างที่จะประหลาดใจ และตกใจกับคำพูดของนรมนเป็นอย่างมาก เขาคิดว่าคุณพ่อจากไปเพราะป่วยมาโดยตลอด หรือว่าภายในนั้นยังมีเรื่องอะไรเขาไม่รู้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
650 ตอนยังไม่จบเลยค่ะ...
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...