บทที่ 267 ช่างอวดดีเสียจริง
“ใคร”
บุริศร์รีบยกโทรศัพท์ขึ้นมา ทว่ากลับไม่มีเสียงตอบจากฝ่ายตรงข้าม
“นรมน นั่นคุณเหรอ เป็นคุณใช่ไหม”
น้ำเสียงของบุริศร์เต็มไปด้วยความร้อนรน ทว่าอีกฝั่งกลับเป็นเสียงเย็นๆ ที่ผ่านการใช้เครื่องแปลงเสียงมา
“มาที่ท่าเรือสาม มาคนเดียวด้วยละ”
พูดจบอีกฝ่ายก็วางสายไปทันที
เห็นได้ชัดว่านี่คือเสียงที่สังเคราะห์จากคอมพิวเตอร์ ไม่มีทางบอกได้ว่าเป็นใคร เวลาโทรของอีกฝ่ายก็สั้นเกินไป จึงไม่สามารถยืนยันตำแหน่งที่แน่ชัดได้
แววตาของบุริศร์เย็นเยียบ
เขารีบคว้าเสื้อนอกแล้วเดินออกจากประตูไป คุณนายโตเล็กที่กำลังเดินลงมาจึงเห็นเข้าพอดี
“นั่นลูกจะไปไหนน่ะ”
“เมื่อกี้มีโทรศัพท์บอกว่าให้ผมไปที่ท่าเรือสาม ผมก็เลยจะลองไปดูครับ ต่อให้มันเป็นกับดัก แต่ในเมื่อมีเบาะแสของนรมน ผมก็อยากจะลองไปหาดูสักหน่อย”
บุริศร์รู้ดีว่าคุณนายโตเล็กเป็นห่วงตนเอง แต่ตอนนี้เขานั่งไม่ติดแล้วจริงๆ
พอเห็นสีหน้าซีดเซียวของผู้เป็นแม่ ในหัวใจของบุริศร์ก็รู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
“แม่ครับ หลังจากจบเรื่องในครั้งนี้ ผมจะคอยอยู่เคียงข้างแม่อย่างแน่นอนครับ”
“ไม่ต้องสนใจแม่หรอกจ้ะ แม่เองก็อายุมากแล้ว จะมีเรื่องอะไรได้อีก แต่เรื่องของพวกลูกต่างหากที่ทำให้แม่ไม่ค่อยสบายใจ ตอนนี้นรมนจะเป็นยังไงบ้างนะ”
เมื่อได้ยินคุณนายโตเล็กถามแบบนี้ บุริศร์ก็เอ่ยเสียงต่ำว่า “ผมสามารถยืนยันได้ว่านรมนยังคงมีชีวิตอยู่ เป็นไปได้ว่าเธอจะขึ้นเรือบรรทุกสินค้ากลับมาที่ท่าใกล้ๆ เมืองชลธี ทว่าเธอกลับไม่รีบติดต่อผม จึงมีความเป็นไปได้ว่าตอนนี้เธอก็อาจจะกำลังประสบปัญหา ในเวลานี้เองก็มีคนโทรศัพท์มาที่บ้านของพวกเรา บอกให้ผมไปที่ท่าเรือสาม ผมจึงคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”
“ตามหาตัวป้าโอเจอแล้วหรือยัง”
ทันทีที่ได้ยินผู้เป็นแม่ถามหาป้าโอ บุริศร์ก็ตะลึงไปพักหนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้า
“ยังไม่มีเวลาไปตามหาป้าโอเลยครับ แม่ครับ แม่ก็รู้ดีว่าทันทีที่ผมกลับมาก็เอาแต่ยุ่งอยู่กับเรื่องของนรมน ดังนั้น...”
“ป้าโอไม่ใช่คนที่จะดูแคลนได้” “รู้กันอยู่ว่าตระกูลทวีทรัพย์ธาดาเป็นตระกูลแบบไหน แต่เธอยังสามารถหนีหายออกไปจากสายตาของพวกเขาได้ เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของคนที่อยู่เบื้องหลังเธอนั้นไม่ธรรมดา อีกทั้งตอนนี้เรื่องของนรมนก็ยังไม่ชัดเจน ยังมีโทรศัพท์ประหลาดนี่อีก ถ้ายังไงลูกก็ระวังตัวหน่อยนะ”
บุริศร์ขมวดคิ้วน้อยๆ
“แม่คิดว่าป้าโอจะทำร้ายผมอย่างนั้นเหรอครับ”
ตัวบุริศร์เองก็ยังไม่แน่ใจในความจริงของคำถามนี้
ถึงแม้ว่าป้าโอจะเป็นแม่แท้ๆ ของเขา แต่เธอก็เป็นผู้หญิงที่มีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต ตลอดหลายปีนี้ที่อยู่ในตระกูลโตเล็กก็ได้เก็บซ่อนมันเอาไว้ในส่วนลึก เป็นไปได้เหรอที่เธอจะยอมล้มเลิกแผนการที่ตัวเองอุตส่าห์วางไว้มาตั้งหลายปีเพียงเพื่อเขา
คุณนายโตเล็กหัวเราะออกมาอย่างเจ็บปวด เธอเองก็ไม่สามารถที่จะตอบคำถามนี้ได้เช่นกัน
ต่างพูดกันว่าเสือร้ายไม่กินลูกของตัวเอง แต่ใครจะไปรู้ว่าป้าโอจะเป็นคนแบบนั้นไหม
“ระวังเอาไว้ก็ไม่เสียหาย”
“เข้าใจแล้วครับ แม่ครับ แม่ก็ดูแลตัวเองดีๆ นะ ผมให้ธรณีส่งคนมาช่วยคุ้มครองพวกเราแล้ว”
เมื่อได้ยินบุริศร์พูดแบบนี้ คุณนายโตและก็ถอนหายใจแล้วพูดออกมาว่า “ตระกูลโตเล็กของพวกเราก็ใช่ว่าจะไม่มีคนอยู่เลย กลับมาต้องมาขอความช่วยเหลือจากตระกูลทวีทรัพย์ธาดา เรื่องนี้นั้น…”
ถึงแม้ว่าเธอยังจะพูดไม่จบ แต่บุริศร์ก็เข้าใจความหมายของเธอดี
“แม่ครับ รอผมตามหาตัวนรมนเจอแล้ว ผมจะกลับมาจัดระเบียบตระกูลโตเล็กสักยกหนึ่ง ตอนนี้เรายังไม่รู้ชัดว่ามีใครบ้างที่เป็นคนของป้าโอ หรือว่าใครเป็นคนของตัวเอง จึงไม่สามารถวางใจได้จริงๆ ”
“ในเมื่อนรมนยังมีชีวิตอยู่ก็ดีแล้ว อำนาจและอิทธิพลของอาณาจักรรัตติกาลก็เชื่อฟังเธอแค่คนเดียว”
คุณนายโตเล็กถอนหายใจออกมาอีกครั้ง หลังจากนั้นก็ลุกกลับไปที่ห้อง
บุริศร์รีบถามออกมาทันที
“ทำอย่างไรถึงจะสามารถติดต่อกับคนของอาณาจักรรัตติกาลได้อย่างนั้นเหรอครับ บางทีพวกเราอาจจะสามารถใช้ประโยชน์จากอิทธิพลของอาณาจักรรัตติกาลในการตามหาตัวนรมน”
“ไม่มีวิธีติดต่อกับพวกเขา อาณาจักรรัตติกาลจดจำเจ้านายได้เพียงแค่คนเดียว และตอนนี้ผู้นำของพวกเขาก็คือนรมน ในเมื่อเธอไม่อยู่ก็ไม่มีใครที่จะสามารถติดต่อได้”
คุณนายโตเล็กก็หมดหนทางเช่นกัน
ทันใดนั้นบุริศร์ก็รู้สึกกลุ้มใจไม่น้อย
เมื่อเห็นคุณนายโตเล็กกลับห้องไปแล้ว บุริศร์ก็จมอยู่ในห้วงความคิดพักหนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
เขามาถึงที่ท่าเรือสามด้วยตัวคนเดียว
ที่นี่ไม่มีใครเลยสักคน
เขายังจำได้ว่าตอนนั้นที่เขามาท่าเรือสาม ก็เพื่อที่จะตามหากานต์
แต่เขาก็ยังหาลูกไม่พบ ทำให้เขาเกือบใจสลายอยู่ที่นี่แล้ว
วันนี้เขาได้กลับมาที่ท่าเรือสามอีกครั้ง ฟังเสียงลมทะเลที่พัดเข้ามา ราวกับว่าได้กลับไปอยู่บนน่านน้ำของอเมริกาอย่างไรอย่างนั้น
ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนกันแน่นะนรมน
หัวใจของบุริศร์รู้สึกเจ็บเหมือนจะตายเสียให้ได้ ทว่ากลับไม่มีหนทางที่จะบรรเทามันได้เลย
ทันใดนั้นก็มีก้อนหินขนาดเล็กกระทบลงบนสีข้าง
บุริศร์หันกลับไปทันที ทว่ากลับไม่พบใคร ได้ยินเพียงเสียงสังเคราะห์จากคอมพิวเตอร์เท่านั้น
“เดินไปข้างหน้าอีกห้าสิบเมตร แล้วเข้าไปข้างในโกดัง”
“แกเป็นใครกันแน่”
บุริศร์ขมวดคิ้วน้อยๆ
“ทำไมล่ะ ไม่กล้าอย่างนั้นเหรอ ไม่ใช่นายเป็นคนพูดเองหรอกหรือว่าอยากจะรู้เบาะแสของนรมน”
คล้ายอีกฝ่ายจะมองบุริศร์ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ตอนที่พูดประโยคนี้ออกมา ก็เห็นได้ชัดว่ากำลังยั่วยุเขาอยู่
แววตาของบุริศร์มืดลงในทันที
คนที่รู้เรื่องของนรมนมีไม่ค่อยเยอะ นอกจากคนของเขาแล้วยังมีใครอีกอย่างนั้นเหรอ
ตอนนี้รเมศถูกศาลอัยการคุมตัวเอาไว้ ไม่มีทางที่จะออกมาจากอเมริกาได้เร็วแบบนี้แน่ ถ้าอย่างนั้นยังมีใครที่รู้เรื่องนี้อีกกันนะ
หรือว่าจะเป็นคนที่ลักพาตัวนรมนไป
“ฉันขอเตือนแกเอาไว้เลยนะ ให้ดีที่สุดก็อย่าแตะต้องเธอ ถ้าหากเธอเป็นอะไรไปแม้แต่นิดเดียวละก็ ฉันจะทำให้พวกแกทุกคนต้องชดใช้!”
“ผมรู้แล้ว จะบอกว่าคิดถึงใช่ไหมล่ะ คุณไม่ไหวเลยนะ”
กานต์แลบลิ้นออกมาอย่างซุกซน
ไฟในโกดังไม่ค่อยจะสว่าง บุริศร์จึงมองเห็นกานต์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าได้เพียงแค่รางเลือน เด็กชายอยู่ในชุดกีฬา สวมหมวกติงลี่ไว้บนศีรษะ ริมฝีปากกำลังยกยิ้ม และมองมาทางเขาด้วยสีหน้าขบขัน
ทันใดนั้นบุริศร์ก็รู้สึกเปรี้ยวฝาดในใจ ราวกับว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงภาพเพ้อฝัน
เขาดึงกานต์เข้ามา แล้วกอดเด็กชายเอาไว้แน่น
“เด็กโง่นี่ ลูกอยากให้พ่อกับหม่ามี้ของลูกเป็นห่วงจนตายไปเลยใช่ไหม ผ่านไปตั้งนานขนาดนั้นแล้วกลับไม่ส่งข่าวคราวอะไรมาเลยแม้แต่สักนิดเดียว ลูกคิดจะทำอะไรกันแน่”
เมื่อสัมผัสได้ถึงร่างกายที่อบอุ่น บุริศร์ก็รับรู้ได้ถึงความเป็นจริง
กานต์กลับมาแล้วจริงๆ
“คุณบุริศร์ คุณอยากจะรัดผมให้ตายไปเลยใช่ไหม ผ่อนแรงหน่อยเถอะ”
กานต์เริ่มดิ้น ทว่าบุริศร์ทำราวกับไม่ได้ยินที่เขาพูด จึงกอดเขาแน่นไม่ยอมปล่อย
กานต์รู้สึกเหมือนสัมผัสได้ถึงน้ำตาอุ่นๆ ของบุริศร์ที่หยดลงบนไหล่ตัวเอง มันร้อนจนลวก และเต็มไปด้วยความจริงใจ
หัวใจของกานต์ก็เต้นรัวขึ้นมาทันที
เขายื่นแขนออกไปตบลงบนไหล่ของบุริศร์แล้วพูดออกมาเบาๆ ว่า “ผมกลับมาแล้วครับแด๊ดดี้”
ทันทีที่ได้ยินคำว่า “แด๊ดดี้” ทำนบน้ำตาของบุริศร์ก็แทบจะพังทลายลงมา
เขาตอบกลับไปว่า “อืม” เพียงหนึ่งคำ แต่เพราะรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก จึงไม่ได้ปล่อยเด็กชายในทันที
กานต์รู้ดีว่าเขาเจ็บปวดเป็นอย่างมาก จึงปล่อยให้เขาทำตามใจ
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง บุริศร์ก็เริ่มที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ จึงยอมปล่อยมือ
“ทำไมถึงได้มาเล่นแกล้งหลอกเป็นผีแล้วไม่ยอมกลับบ้านหา”
“หมายถึงบ้านใหญ่ตระกูลโตเล็กอย่างนั้นเหรอครับ ที่นั่นมีแต่คนของป้าโอ หากผมปรากฏตัวคงจะถูกคนของผู้หญิงคนนั้นพาตัวไปทันที ผมจะกลับไปได้ยังไงล่ะ”
คำพูดของกานต์ทำให้ม่านตาของบุริศร์หดลงเล็กน้อย
“ทำไมลูกถึงได้รู้ว่ารอบบ้านมีคนของป้าโออยู่”
“เรื่องที่ผมรู้ไม่ได้มีแค่นี้หรอกนะ คุณบุริศร์ คุณอาเป็นคนให้ผมกลับมา”
บุริศร์ชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะถามออกมาเสียงเบาว่า “กลับมาทั้งอย่างนี้เลยเหรอ”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ แบบนี้เท่ออกจะตายไป ดูซิว่าผมสามารถใช้เสียงสังเคราะห์เรียกคุณออกมาที่นี่ได้ คุณเองก็ไม่คิดว่าจะเป็นผมใช่ไหมล่ะ ขอแค่ผมไม่ส่งเสียง ไม่ปรากฏตัวออกมา ใครจะรู้ว่าคนที่คอยควบคุมเรื่องนี้อยู่เป็นเพียงเด็กคนหนึ่งกัน”
พอเห็นท่าทางลำพองใจแบบนี้ของเขาแล้ว บุริศร์ก็อดที่จะดีดหน้าผากของเด็กชายอย่างโมโหไม่ได้ ทำให้กานต์ร้องเสียงหลง
“เจ็บนะ!”
“ยังรู้จักเก็บอีกนะ! ลูกรู้ไหมว่ากมลกลับมาแล้ว คุณย่าก็อยู่ที่บ้านด้วย ลูกเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้ไม่กลัวว่าจะเกิดเรื่องกับพวกเขาหรือยังไง”
“ผมรับประกันได้ว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรกับพวกเขาแน่นอน เอาเถอะ ไม่พูดเรื่องนี้กับคุณแล้วดีกว่า ผมรู้ว่าหม่ามี้อยู่ไหน คุณอยากจะไปพบเธอไหม”
มุมตาของกานต์ยกขึ้น ท่าทีล่อลวงนั้นทำให้บุริศร์อยากจะจับเขามาตีก้นอีกสักหลายๆ ที แต่พอได้ยินข่าวคราวของนรมน เขาก็ดีใจเป็นอย่างมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
650 ตอนยังไม่จบเลยค่ะ...
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...