บทที่ 34 เมื่อกี้นายเรียกเธอว่าอะไรนะ
“คมทิพย์ ทางที่ดีเธออย่าพูดจาแปลกๆแบบนี้กับฉันดีกว่านะ ฉันเองไม่ได้อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเธอ”
บุริศร์อารมณ์ไม่คงที่ แต่เพราะว่าคมทิพย์เป็นเพื่อนนรมน เขากำลังควบคุมอารมณ์อยู่
คมทิพย์ไม่ซาบซึ้งในบุญคุณ พูดนิ่งๆ“คุณเองก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นงั้นเหรอ?ดีนะที่คุณไม่อยากเธอเลยเป็นแบบนี้ ถ้าเกิดคุณอยากให้เกิดขึ้นมา แคทเธอรีจะเป็นเหมือนนรมนเมื่อห้าปีก่อนหรือเปล่าก็ไม่รู้ ถูกคุณฝังอยู่ในกองไฟ”
“คมทิพย์!”
บุริศร์เหมือนสิงโตที่ถูกยั่วโมโหขึ้นทันที เบ้าตาแดงก่ำ
ผู้คนในเมืองชลธีต่างก็รู้กันดีว่า นรมนคือคำพูดต้องห้ามของบุริศร์ นอกจากคมทิพย์แล้ว ก็คาดว่าไม่มีใครกล้าเอ่ยชื่อนรมนต่อหน้าเขา เหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนั้นยิ่งม่ต้องพูดถึงเลย ตอนนี้คมทิพย์ไม่ได้รู้สึกว่ากำลังท้าทายการควบคุมตัวเองเฮือกสุดท้ายของบุริศร์
ตามองไปที่บุริศร์ที่กำลังจะสูญเสียการควบคุมตัวเอง กานต์พูดขึ้นนิ่งๆ“มามี้แพ้ Cephalosporin”
“อะไรนะ?”
บุริศร์ฟังไม่ชัดที่กานต์เรียกนรมน แต่ได้ยินแล้วว่า“แพ้ Cephalosporin”สี่คำ
“นายบอกว่าเธอแพ้Cephalosporinเหรอ?ทำไมถึงไม่มีใครบอกฉัน?”
เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่านรมนแพ้Cephalosporin จำได้แค่เธอไม่ค่อยป่วย แต่ถึงต่อให้ป่วย เธอก็จะดื่มน้ำเยอะๆ น้อยครั้งที่จะไปฉีดยากินยา
เขาคิดมาตลอดว่าเมื่อก่อนเป็นเจตนาเสแสร้งของนรมน หรืออยากใช้วิธีแบบนี้เพื่อดึงดูดตัวเองให้มาสนใจและดูแลเธอ เขาหัวเราะเยาะเธอมาโดยตลอดในตอนแรก พอเวลาผ่านไปนานเข้ากลับเริ่มเอาใจใส่เธอมากขึ้น แต่ก็เพียงแค่ใช้ให้แม่บ้านไปต้มน้ำขิงให้เธอดื่มแค่นั้น
เป็นสามีภรรยากันมาตั้งหลายปี เขาเป็นคนที่นอนหมอนข้างๆเธอ กลับไม่รู้ว่าภรรยาตัวเองแพ้Cephalosporin!
บุริศร์ตอนนี้หงุดหงิดใจจนพูดไม่ออกและรู้สึกเสียใจภายหลัง จนอารมณ์ของเขาตีกันมั่วไปหมด เหมือนกับสัตว์ป่ากำลังฉีกขย้ำหัวใจของเขาอย่างโหดเหี้ยมทารุณ
คมทิพย์ไม่รู้สึกเห็นใจเขาแม้แต่นิด
“แคทเธอรีของเราแพ้อะไร จำเป็นต้องบอกประธานบุริศร์ด้วยเหรอคะ?ประธานบุริศร์เป็นใครของแคทเธอรีงั้นเหรอ?”
“คมทิพย์ ทางที่ดีตอนที่ฉันยังมีความอดทนกับเธออยู่หุบปากซะนะ ไม่อย่างงั้น……”
“จะทำไมเหรอคะ?จะใช้อำนาจ เหมือนกับตอนห้าปีที่แล้วที่ทำกับนรมน จะทำแบบนั้นกับฉันเหรอคะ?”
คมทิพย์พูดด้วยอารมณ์โกรธอย่างไม่ปกปิด
เพียงแค่นึกถึงความเจ็บปวดทั้งหมดที่นรมนต้องแบกรับเมื่อห้าปีมานี้ เธอก็เกลียดจนอยากจะฉีกผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าออกเป็นชิ้นๆ
บุริศร์โกรธตาแดงฉาน เดินขึ้นมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วพูด“เธอคิดว่าฉันไม่กล้าใช่ไหม?”
“พอได้แล้ว!ถ้าพวกคุณอยากทะเลาะก็ไปทะเลาะกันข้างนอก!”
กานต์ตะโกนขึ้นมาด้วยโมโห
เสียงเด็กอ่อนวัยทำให้ทุกคนต้องตกใจกลัวทันที
คมทิพย์เพิ่งนึกได้ว่ากานต์ยังอยู่ตรงนี้ เขาโกรธไปชั่วขณะ แต่ทำให้บุริศร์แปลกใจ เขานึกไม่ถึงว่าจะตอนเด็กตัวกะเปี๊ยกตวาดใส่?
แต่ว่าจนถึงตอนนี้ เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ทำไมกานต์ยังอยู่ตรงนี้?แล้วทำไมถึงเป็นกังวลขนาดนี้?
ในขณะที่เขากำลังงงและสงสัยไม่เข้าใจอยู่นั้น หมอก็เปิดประตูห้องผ่าตัดแล้วเดินออกมา
“หมอ เธอเป็นยังไงบ้าง?”
บุริศร์รีบวิ่งไปด้านหน้า ท่าทางวิตกประหม่าทำให้หมออึดอัดตัวเล็กลง
“ประธานบุริศร์ครับ พวกเราไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุณผู้หญิงตระกูลธนาศักดิ์ธนมีอาการแพ้ยา เลยมองข้ามจุดนี้ไป โชคดีที่พบทันเวลา ตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ว่าร่างกายยังคงอ่อนแออยู่ ยังต้องการการพักผ่อน ขณะนี้ยังไม่ฟื้นเพียงแต่ยาตอนนี้……”
“หายาอื่นที่เธอรับได้แทนCephalosporin แพงเท่าไหร่ก็ช่าง เพียงแค่ให้เธอดีขึ้น”
ในตาบุริศร์เจ็บปวด
“ครับ!”
นรมนถูกย้ายมาที่ห้องคนไข้อีกครั้ง
บุริศร์ต้องการไปข้างหน้าเพื่อตรวจเช็คอีกครั้ง แต่ถูกคมทิพย์ขวางไว้ก่อน กานต์จึงเดินตรงไปที่เตียง ยืนอยู่ตรงหน้าเตียงของนรมน จับมือนรมนแล้วพูด“มามี้ หยุดนอนได้แล้ว ตื่นมาเร็วหน่อยได้ไหมครับ?กานต์กลัวนะ”
คมทิพย์อยากให้บุริศร์รีบออกไปเร็วๆ แต่พอได้ยินกานต์พูดแบบนี้ ทำให้บุริศร์นิ่งอึ้งไปทั้งตัว
เขารู้สึกว่าสามสิบปีที่มีชีวิตอยู่มานี้ สมองคงไม่พอใช้
เมื่อกี้เด็กคนนี้เรียกนรมนว่าอะไรนะ?
มามี้งั้นเหรอ?
เขาคือลูกชายของนรมนงั้นเหรอ?
“ตัวน้อย เมื้อกี้นายเรียกเธอว่าอะไรนะ?”
บุริศร์รีบเดินไปข้างหน้า คมทิพย์จะขวาง แต่ถูกบุริศร์ผลักออก
เขามองไปที่กานต์อย่างตื่นเต้นตกใจแบบที่ไม่มีอะไรเทียบได้
กานต์ นรมน ทั้งคู่นามสกุลตระกูลธนาศักดิ์ธน!
มองอย่างละเอียดวันนี้ อวัยวะบนหน้าของกานต์มีส่วนที่เหมือนเขากับนรมนจริงๆ เพียงแต่เพราะว่าเหมือนนรมนในตอนนั้น ไม่เหมือนกับนรมนในตอนนี้ เขาถึงไม่ได้มีการติดต่อกับพวกเขา
“ใช่แล้ว ประธานบุริศร์ครับ ทางอเมริกาตอนแรกประธานรเมศได้ซื้อตั๋วเพื่อมาดูอาการนักออกแบบแคทเธอรีเรียบร้อยแล้ว แต่ขณะนั้นคนที่บ้านเกิดป่วยเข้าขั้นอันตราย เขาจึงไม่สามารถมาได้แล้ว แต่เขาให้เลขามาบอกเราว่า ถ้าหากนักออกแบบแคทเธอรีเกิดอะไรที่ผิดปกติ พวกเขาไม่ยอมแน่!”
เรื่องนี้พฤกษ์เองก็เพิ่งรู้ เขาเกลียดน้ำเสียงรเมศ แต่อิทธิพลของตระกูลถังในอเมริกานั้นประเมินไม่ได้
ตาของบุริศร์หรี่ลงเล็กน้อย สะบัดมือให้พฤกษ์ออกไป
สมองเขาตอนนี้รวนไปหมด ราวกับโจ๊ก ไม่เคยรวนแบบนี้มาก่อน
เขานึกถึงใบตรวจครรภ์แผ่นนั้นเมื่อห้าปีที่แล้ว นึกขึ้นได้ว่าหลังแต่งงานสามปีนรมนวิ่งเต้นไปทุกที่เพื่อที่จะมีลูก
ที่จริงแล้วตอนที่เขารู้ว่านรมนตั้งท้อง เขาเองก็ตื่นเต้น ดีใจ แต่ตัวเขาเองเคยชินกับการใช้หน้านิ่งเย็นชากับนรมน เขาไม่รู้หลังจากที่เขาทิ้งอาการเย็นชา เขาควรทำท่าทางปฏิบัติต่อนรมนยังไง
เพื่อเด็กคนนั้น ถึงขนาดที่เขาจะปรับสิทธิของผู้ถือหุ้น คิดว่าเพียงแค่เด็กเกิดมา ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย เขาจะยกหุ้นส่วนของตัวเองเป็นของรับขวัญ
แต่เขมิกาก็เกิดตั้งท้องขึ้นพอดี และเด็กในท้องของเธอก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลโตเล็กเหมือนกันเขารู้เรื่องบุญคุณความแค้นระหว่างเขมิกาและนรมนดีกว่าใครๆ ที่บอกไปว่ากลัวว่านรมนจะทำร้ายลูกในท้องของเขมิกา ที่จริงแล้วเขากลัวว่านรมนจะเกิดอุบัติเหตุอย่างอื่นที่ไม่คาดคิด ดังนั้นถึงให้คนส่งเธอไปต่างประเทศ
ที่ต่างประเทศนั้นมีคฤหาสน์ของเขาอยู่ เขาถึงขนาดโทรศัพท์ไปบอกคนดูแลบ้านที่นั่น ให้พวกเขาจัดเตรียมห้องที่ดีที่สุด เชิญนักโภชนาการและพยาบาลที่ดีที่สุดเพื่อดูแลนรมนระหว่างคลอด
แต่ใครจะไปคิดว่าเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งเดียวจะเผาทุกอย่างไปหมดไม่เหลืออะไรเลย
ภรรยาของเขาไม่มีแล้ว ลูกของเขาก็ไม่มีแล้ว บ้านของเขา ก็ไม่มีแล้ว……
ที่ต่างประเทศนั้นยังมีห้องสำหรับเด็กที่เขาจัดเตรียมไว้ ตั๋วเครื่องบินที่วางไว้ในห้องนอนอีกเพียงไม่กี่ในเขาก็จะไปอยู่เคียงข้างนรมนที่ต่างประเทศ แต่ทุกอย่างก็หยุดเหลือไว้อยู่ในกองไฟ
เขาเข้าใจว่าจะต้องอยู่แบบนี้ไปตลอดชีวิต อยู่อย่างโกรธและเสียใจท่ามกลางชีวิตที่ไร้ค่า ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ของเขาอย่างโดดเดี่ยว ไม่คิดว่าหลังห้าปีผ่านไปนรมนจะกลับมาแล้ว
ถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนใบหน้าแล้ว เปลี่ยนเสียงแล้ว เพื่อที่จะมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาเป็นคนใหม่ที่เขาไม่รู้จัก แต่เขาก็มั่นใจว่าแคทเธอรีคนนั้นก็นรมนภรรยาของเขา!
เขารู้สึกว่าสวรรค์ยังเห็นอกเห็นใจเขา ยังให้โอกาสเขาอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นครั้งนี้เขาต้องรักษานรมนไว้ แต่ก็นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะพาเด็กคนนึงกลับมาด้วย
อายุของกานต์กับลูกของเขาพอๆกัน ถ้าหากว่านรมนคือภรรยาของเขาจริง ถ้าอย่างงั้นจะเป็นไปได้หรือเปล่าที่กานต์จะเป็นลูกของพวกเขา?
เพียงนึกถึงความเป็นไปได้นี้ หัวใจบุริศร์ก็เต้นจนไม่เป็นตัวเอง
มือทั้งสองข้างของเขากำไว้อย่างแน่น เขาแทบจะอยากรู้เสียตั้งแต่ตอนนี้ แต่ก็กลัวว่ากานต์จะตกใจ
ห้างสรรพสินค้าที่อายุมากขนาดนี้ เขาไม่เคยสับสนไม่สบายใจ และไม่เคยลุกลี้ลุกลนแบบนี้มาก่อน แต่ก็เต็มไปด้วยความปีติยินดีและตื่นเต้นจนไม่สามารถควบคุมได้ นั่นคือการเซ็นสัญญาหลายร้อยล้านที่นำมาด้วยสุขมาก
แต่เขาก็ทั้งกลัว ถ้าหากว่าไม่ใช่ขึ้นมาล่ะ?เขาจะรับมือกับความผิดหวังนั้นได้ไหม?
ก็เหมือนกับห้าปีก่อนที่เขาสูญเสียนรมนไปตอนนั้น อีกไม่นานเขาก็ตามไปหาแล้ว และตอนนั้นเองเขาถึงรู้ว่าตำแหน่งของนรมนในใจเขานั้นมีค่ามากขนาดไหน ยังดีที่ฟ้านั้นให้โอกาสเขาอีกครั้ง
ความรู้สึกของบุริศร์ลอยขึ้น คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อแล้ว
ในตอนนี้ ประตูห้องคนไข้ก็เปิดออก เงาเล็กๆของกานต์เดินออกมา หลังจากนั้นก็มานั่งลงข้างๆบุริศร์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
650 ตอนยังไม่จบเลยค่ะ...
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...