บทที่ 469 สิ่งที่ผมต้องการไม่ใช่คำขอบคุณ
คมทิพย์กำลังจะเอ่ยถามพยาบาลว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงของนรมนดังมาจากข้างในห้องน้ำ
แม้จะได้ยินไม่ค่อยชัด เพราะเสียงมันเบามาก แต่ก็ทำให้เธอเริ่มเป็นห่วงขึ้นมา
“นรมน แกเป็นอะไรไหม?”
เธอเอ่ยถามอย่างนึกเป็นห่วง
นรมนรู้สึกว่าทั้งตัวมันไร้เรี่ยวแรงไปหมด สองขายิ่งก้าวเดินลำบาก แต่นรมนกลับพูดออกมาว่า “ไม่มีอะไร แค่หมดแรงนิดหน่อย”
“แก......นี่.....นายเข้าไปไม่ได้นะ!”
คมทิพย์กำลังจะเอ่ยพูดกับนรมน แต่จู่ๆก็พูดเสียงหลงขึ้นมา ในตอนที่นรมนยังไม่ทันได้ตั้งตัว ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออก เจตต์ก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของนรมนแล้ว
“เอ๊ะ! นายเข้ามาได้ยังไง?”
นรมนประหลาดใจ มือที่ยันผนังเอาไว้ในทีแรกเกือบร่วง
เจตต์กลับไม่พูดอะไรออกมา เดินตรงเข้าไปอุ้มนรมน แล้วก้าวยาวๆไปยังเตียงในห้อง
“นี่ๆๆ นายเจตต์ ฉันยอมรับที่นายช่วยนรมนและรู้สึกขอบคุณนายมาก แต่นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ นรมนเข้าห้องน้ำอยู่ ถ้าเธอยังทำธุระไม่เสร็จ แล้วนายเข้าไปทั้งอย่างนี้ นายจะให้คนอื่นมองนรมนยังไง?”
คมทิพย์รู้สึกว่าเจตต์ในตอนนี้ใจกล้าเกินไปแล้ว
ธรณีอยู่ข้างนอกไม่ใช่เหรอ?
ทำไมปล่อยให้เจตต์เข้ามาได้?
อีกอย่างไม่ใช่ว่าเขากลับไปพักผ่อนแล้วเหรอ?
แล้วทำไมจู่ๆถึงโผล่มาแบบนี้ล่ะ?
คำถามมากมายลอยวนอยู่รอบๆตัวของคมทิพย์ ยังไม่ทันที่เธอจะได้ถามคำถามเหล่านี้ ก็เห็นเจตต์อุ้มนรมนไปวางบนเตียง จากนั้นก็ค่อยๆพับขากางเกงขึ้นให้เธอเบาๆ
“เจตต์ นายพอได้แล้ว!”
เมื่อคมทิพย์เห็นอย่างนี้ ก็รีบผลักเจตต์ออก แต่ไม่คิดเลยว่าจะผลักโดนแผลบนไหล่ของเขา
เขาส่งเสียงอึกออกมา พร้อมกันนั้นเลือดสดๆก็ซึมทะลุเสื้อ สีแดงฉานจนรู้สึกแสบตา
จู่ๆนรมนก็รู้สึกลำคอตีบตัน เธอไม่รู้ว่าควรพูดขอบคุณออกไปยังไง
แค่คำพูดขอบคุณคงไม่เพียงพอสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เจตต์ทำเพื่อเธอ แต่ถ้าไม่พูดเลย ก็คงรู้สึกติดค้างกับเขา
“คมทิพย์ ช่างเถอะ ฉันแค่ล้ม เข่าเลยเจ็บนิดหน่อย”
เดิมทีนรมนว่าจะไม่บอก เพราะกลัวว่าคมทิพย์จะเป็นห่วง แต่มองจากสถานการณ์ตรงหน้า เจตต์คงรู้แล้ว
สีหน้าของเจตต์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หลังจากที่นรมนพูดจบ ก็เงยหน้าขึ้นไปมองเธอ จึงสบตากับนรมนในทันที
ดวงตาของนรมนทอแววขอบคุณ ทั้งยังมีความรู้สึกอื่นประกอบอยู่ด้วย จึงทำให้ความโกรธทั้งหมดของเจตต์จางหายไป
“โตขนาดมีลูกสองคนแล้ว ไม่รู้จักเป็นห่วงตัวเองเลยหรือไง? ฉันอุตส่าห์เปลืองแรงไปช่วยเธอออกมา ไม่ได้อยากเห็นเธอหาเรื่องเจ็บตัวแบบนี้หรอกนะ”
ตอนแรกเจตต์ค่อนข้างโมโห แต่ตอนนี้เสียงกลับอ่อนลงแล้ว
นรมนมองท่าทางไม่สบอารมณ์ของเขา จากนั้นก็พูดยิ้มๆขึ้นมาว่า “ฉันแค่ไม่มีแรง ก็เลยล้ม แต่ดูนายพูดสิ อย่างกับฉันทำเรื่องอะไรร้ายแรงนักหนาไปได้”
“แล้วไม่ใช่หรือไง? เธอคิดว่าตัวเองเป็นมู่หลานเหรอ? หรือว่าบูเช็กเทียน? ที่จะทำอะไรบ้าบิ่นขนาดไหนก็ได้”
แค่เจตต์คิดถึงภาพที่นรมนหมดสติ หัวใจของเขาก็รับไม่ได้แล้ว
เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะยังสามารถทำใจรับเรื่องแบบนี้ได้อีกไหม แต่ตอนนี้ไม่ว่ายังไงเขาก็ปล่อยวางไม่ได้เลย
เมื่อคมทิพย์เห็นว่านรมนและเจตต์เข้ากันได้เป็นอย่างดี แถมยังมีกลิ่นอายความสนิทสนมระหว่างพวกเขาแผ่ออกมาเธอจึงต้องปลีกตัวเดินออกไปอย่างเงียบๆ
เธอรู้ว่าทำอย่างนี้มันไม่ดี
นรมนมีสามีแล้ว ถ้าปล่อยให้อยู่กับเจ้าชายคาสโนวาอย่างเจตต์ตามลำพังในห้อง คนอื่นมาเห็นอาจจะพูดอะไรไปทั่ว
แต่คมทิพย์คิดว่าตอนนี้ข้างกายนรมนควรมีใครสักคนมาดูแลเอาใจใส่อยู่ข้างๆ
ตอนแรกเธอก็อยากให้เป็นบุริศร์แต่ตอนนี้บุริศร์อยู่ไหนล่ะ?
อคติที่คมทิพย์มีต่อเขานับวันก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถึงขนาดมีความคิดว่าถ้าเจตต์สามารถคว้าหัวใจของนรมนในช่วงเวลานี้มาได้ก็คงจะดีไม่น้อย
เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เธอเห็นเจตต์คลุ้มคลั่งเพราะใครบางคนถึงขนาดนี้
ธรณียังอยู่ข้างนอก เมื่อเห็นคมทิพย์ออกมา ก็ชะงักไปเล็กน้อย
“ปล่อยให้นรมนกับเจตต์อยู่ด้วยกันเหรอ? ได้ยังไง?”
“ถ้าไม่ได้แล้วคุณชายธรณีปล่อยให้เขาเข้าไปทำไมล่ะคะ?”
คำพูดของคมทิพย์ทำให้ธรณีชะงักไป
“ก็เขาจะเข้าไปแล้วผมจะไปทำอะไรได้”
ธรณีพูดพอเป็นพิธี
คมทิพย์พูดกลั้วยิ้มว่า “คุณชายธรณีก็คงคิดว่าในเวลาแบบนี้ข้างกายนรมนควรมีใครสักคนมาคอยดูแลเหมือนกันสินะ?”
ธรณีถอนหายใจให้กับการคาดเดาของคมทิพย์ “แต่แบบนี้มันไม่ยุติธรรมกับเจตต์ คุณกับผมต่างก็รู้ดี ว่าในใจของนรมนมีแต่บุริศร์ ต่อให้เจตต์ทำดีมากเท่าไหร่ เขาก็คงเป็นได้แค่เพื่อนนรมนอยู่ดี”
“แบบนี้ก็พอแล้ว ถึงปัจจุบันจะเป็นแค่เพื่อน การได้มาอยู่ข้างๆเธอก็ดีมากแล้ว”
คำพูดของคมทิพย์ทำให้ธรณีเงียบไป
ใช่!
หลังจากผ่านความเป็นความตายมา เวลาห้าวันที่ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนรมนบ้าง ถึงเธอจะปิดปากเงียบ แต่ไม่ว่าใครก็พอจะเดาความรู้สึกขมขื่นระหว่างนั้นได้
เจตต์เป็นคนแรกที่เจอนรมน และก็เป็นคนแรกที่ได้เห็นสภาพของเธอในตอนนั้น ตอนนี้นรมนจะรู้สึกอะไรกับเจตต์บ้างหรือเปล่านะ
จริงๆแล้วนรมนอายเป็นอย่างมาก
เจตต์ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดเสียงเบาออกมาว่า “เธอรู้ไหมว่าเธอถูกขังอยู่ที่ไหน?”
“คลับCrownหรือเปล่า?”
นี่คือสิ่งที่นรมนพอจะเดาได้
เธอคิดมาตลอดว่าใช่ที่นั่น อีกอย่างตอนที่เธอถูกจับตัวอยู่แถวๆคลับCrownในตอนนั้น พูดได้เลยว่าเป็นสถานที่ที่ลับตาคนมากๆ ถ้าเป็นเธอ เธอก็คงเลือกคลับCrownเป็นที่อำพรางเหมือนกัน เพราะไม่ว่าใครก็คงคิดไม่ถึงว่าคนที่ถูกส่งตัวออกไปจะยังถูกขังอยู่ในนั้น
แต่เจตต์กลับส่ายหน้า
“ไม่ใช่ ถึงจะเป็นคลับ แต่ไม่ใช่คลับCrownเป็นคลับของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาต่างหากล่ะ”
“ตระกูลทวีทรัพย์ธาดา?”
“ใช่! อีกอย่างเหมือนตุลยาจะหนีออกมาจากตระกูลทวีทรัพย์ธาดาแล้วด้วย”
เมื่อได้ยินเจตต์พูดมาแบบนี้ คิ้วของนรมนก็ขมวดแน่น
“ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาฉลาดขนาดนั้น ถ้าเป็นคนธรรมดาไม่สามารถหนีออกมาได้ง่ายๆแน่ แล้วตุลยาจะเก่งถึงขนาดหนีออกมาเองได้เลยเหรอ?”
“ใช่ ฉันไปสืบมาแล้ว ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาให้บอดี้การ์ดคนหนึ่งตามเฝ้าตุลยาเอาไว้ ตุลยาเลยใช้ความสวยของตัวเองล่อลวงบอดี้การ์ดคนนั้น หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ร่วมมือกันหาทางหนีออกจากตระกูลทวีทรัพย์ธาดา”
เจตต์นำเรื่องทั้งหมดที่รู้มาเล่าให้นรมนฟัง
นรมนกลับส่ายหน้าแล้วพูดว่า “คนของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาส่วนใหญ่เกษียณมาจากกองทัพ พวกเขาไม่ใช่แค่ลูกจ้างทั่วไป และไม่ใช่คนที่ถูกเลือกมาจากข้างนอก แล้วจะถูกตุลยาล่อลวงได้ยังไง? ฉันว่าตรงนี้มันแปลกๆ”
“เธอก็รู้สึกว่ามันแปลกๆใช่ไหม? ตอนนี้ธรณีอยู่ข้างนอก เธออยากไปถามเขาต่อหน้าเลยไหม?”
เจตต์รู้สึกว่าตระกูลทวีทรัพย์ธาดาน่าสงสัยมาตลอด
นรมนส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ฉันยังไม่อยากถามตอนนี้ ถ้าตุลยาคิดจะจัดการฉันจริงๆ ยังไงก็ต้องเผยพิรุธออกมาสักวัน ก็เหมือนตังเมนั่นแหละ เธอก็ยับยั้งตัวเองไม่ได้เหมือนกันไม่ใช่เหรอ? แต่ที่ทำให้ฉันรู้สึกแปลกใจก็คือ ตระกูลโตเล็กเข้มงวดขนาดนั้น แล้วปล่อยให้ตังเมเข้ามาได้ยังไง?”
นี่คือสิ่งที่นรมนคิดไม่ตกมาตลอด
เจตต์พูดเสียงเบาขึ้นมาว่า “หรือว่าในตระกูลโตเล็กมีคนของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาอยู่ด้วย?”
“ทำไมนายเอาแต่พุ่งเป้าไปที่ตระกูลทวีทรัพย์ธาดานักล่ะ?”
นรมนยิ้มออกมาบางๆ แต่กลับทำให้เจตต์ถลึงตาใส่
“ก็คุณนายทวีทรัพย์ธาดาอยากให้เธอตายนี่นา แล้วไหนจะตุลยาอีก ถึงธรณีจะบอกว่าคุณนายออกไปพักฟื้นที่อื่นก็เถอะ แต่ฉันไม่เชื่อว่าคนตามืดตามัวแบบนั้นจู่ๆจะตาสว่างขึ้นมาได้หรอกนะ ไม่แน่เรื่องทุกอย่างนี้อาจเป็นฝีมือของคุณนายทวีทรัพย์ธาดาก็ได้”
“ไม่ใช่หรอกมั้ง”
นรมนนึกไปถึงสภาพของคุณนายทวีทรัพย์ธาดา คนอายุเยอะที่ผ่านความชั่วร้ายมา ด้วยการถูกตุลยาที่ตัวเองรักใคร่เอ็นดูแอบทำร้าย คงไม่คิดจะมาหาเรื่องอะไรเธอหรอก
แต่ถ้าไม่ใช่ตระกูลทวีทรัพย์ธาดา แล้วจะเป็นใครล่ะ?
นรมนคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก จึงเหม่ออยู่นาน
และในตอนนี้เอง จู่ๆเจตต์ก็ขยับเข้ามาใกล้ ดวงตาที่เบิกกว้างของเขาใกล้จะเข้ามาสัมผัสปลายจมูกของนรมนเต็มที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
650 ตอนยังไม่จบเลยค่ะ...
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...