บทที่ 482 เขาก็ยังคงโกหกตัวเองเป็นจริง ๆ นะ
“ฮัลโล!”
นรมนพยายามให้น้ำเสียงของตัวเองเปลี่ยนเป็นนิ่งที่สุด แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็ยังฝึกฝนมาไม่พอ
ช่วงเวลาแรกบุริศร์ก็รู้สึกถึงความผิดปกติของเธอแล้ว
“คุณร้องไห้เหรอ?”
หัวคิ้วของบุริศร์ขมวดเข้าหากันแน่น เหมือนกับว่าร้อนใจมาก หรือกระทั่งร้อนใจจนลุกขึ้นมา แล้วเพราะเหตุนี้ก็ขยับเขยื้อนโดนเลือดสด ๆ ที่กำลังถ่ายอยู่บนมือ จนทำให้เข็มเบี้ยวไปทันที
“คุณชายบุริศร์……”
โตโน่เห็นแล้วก็เป็นห่วงขึ้นมา จึงรีบกดตัวบุริศร์นั่งลงไป จากนั้นก็มาแทงเข็มให้เขาใหม่
พอนรมนเห็นเขาเป็นแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะทุกข์ใจขึ้นมา แล้วก็จามทีหนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่ได้ร้องไห้ แค่เป็นหวัดนิดหน่อย แล้วก็เจ็บคอนิดหน่อยด้วย”
เธอจ้องมองหน้าจอแสดงผลในห้องประชุม แล้วก็โกหกไปหน้าเฉย
บุริศร์กลับเริ่มร้อนใจขึ้นมาจริง ๆ แล้ว
“เป็นหวัดเหรอ? กินยาหรือยัง? แล้วไปหาหมอมาหรือยัง? หรือว่าให้โพนี่มาดูคุณที่บ้านหน่อยไหม? ทำไมถึงได้เป็นหวัดได้ล่ะ? แล้วคุณแม่อยู่ไหม? ให้คุณแม่ต้มน้ำขิงให้คุณหน่อยซิ ร่างกายของคุณตั้งแต่ที่แท้งไปเมื่อครั้งที่แล้วก็ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ ดื่มน้ำขิงหน่อยจะได้ขับลมเย็นออกไปบ้าง ผมไม่อยู่ข้างกายคุณ ทำอะไรให้คุณก็ไม่ได้ คุณจะต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆนะ อีกสองวันผมก็กลับไปแล้ว”
“คุณไม่ต้องร้อนใจไป แล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน ฉันไม่ได้เป็นอะไรหรอก แค่เป็นหวัดเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร ดูคุณใจร้องซิ คนที่เขาไม่รู้ ยังจะคิดว่าฉันเป็นโรคร้ายแรงอะไรซะอีก”
คำพูดของนรมนทำให้คิ้วของบุริศร์ขมวดเข้าหากันแน่น
“ถุย ถุย ถุย พูดไปเรื่อย คุณจะต้องร่างกายแข็งแรง จะต้องอายุยืนร้อยปี แล้วก็จะจับมือกับผมไปตลอดชีวิตด้วย”
ถึงแม้ว่าบุริศร์จะพูดไปแบบนั้น แต่ว่าคิ้วที่ขมวดกันไว้แน่นเหมือนกับว่าสามารถหนีบแมลงวันให้ตายได้แล้ว
เขาดูกระวนกระวายขนาดนั้น ดูร้อนใจขนาดนั้น จนแทบอยากจะติดปีกบินไปอยู่ข้างกายนรมนเลย
เห็นท่าทางแบบนี้ของเขาแล้ว ดวงตาของนรมนก็แดงขึ้นมาอีกครั้งเลย
“คุณอย่าสนใจฉันเลย ฉันอยู่บ้านมีสุขดีทุกอย่าง แต่คุณนั่นแหละ อยู่ข้างนอก จะต้องดูแลตัวเองให้ดีนะรู้ไหม? กินอะไรได้ก็กินเยอะๆ นะ ถ้าไม่สบายตรงไหนก็รีบบอกฉัน ไม่ต้องรีบกลับมาจนทำให้เสียสุขภาพ พอถึงตอนนั้นฉันไม่ยอมจริง ๆ ด้วยนะ”
พอได้ยินนรมนพูดแบบนี้ บุริศร์ก็ยิ้มขึ้นมาทันทีแล้ว ยิ้มอย่างพออกพอใจมาก ๆ
“ผมสบายดี คุณวางใจเถอะ กินได้นอนได้ และที่สำคัญไม่ว่ายังไงผมก็เป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลโตเล็ก จะมาทำให้ตัวเองต้องลำบากใจได้ยังไงล่ะ? ผมจะบอกคุณนะ ตอนนี้ผมพักอยู่ในห้องเพรสซิเด้นท์สูทในโรงแรมห้าดาว สบายจนไม่รู้ว่าจะสบายแค่ไหนแล้ว”
นรมนมองดูภาพตรงหน้านี้ แล้วก็รีบเอามือมาปิดปากเอาไว้
ห้องเพรสซิเด้นท์สูทในโรงแรมห้าดาวเหรอ?
เขานี่ช่างก็โกหกตัวเองเป็นจริง ๆ นะ!
แต่ว่าเธอจะร้องไห้ไม่ได้ แล้วก็ไม่อาจให้บุริศร์รู้สึกถึงความผิดปกติของตัวเองได้ จึงได้แต่พยายามอดกลั้นไว้สุด ๆ
“นรมน? ทำไมคุณไม่พูดอะไรแล้วล่ะ?”
ตอนนี้บุริศร์ไม่กล้าโทรวิดีโอคอลกับนรมน พอได้ยินทางเธอเงียบไป ก็เลยอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาคำหนึ่ง
นรมนรีบสะกดกลั้นความโศกเศร้าและความทุกข์เอาไว้ แล้วก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ฉันกำลังคิดว่าห้องเพรสซิเด้นท์สูทในโรงแรมห้าดาวที่คุณพูดถึงหน้าตามันจะเป็นยังไง”
“คุณไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นมาก่อนสักหน่อย ยังจะมาคิดอะไรอีก”
“ห้องเพรสซิเด้นท์สูทของต่างประเทศ ฉันไม่เคยเห็นมาจริง ๆ คราวที่แล้วที่ไปประเทศอเมริกาก็ไม่ได้ลิ้มลองสักนิดเลย ต่อไปถ้าคุณพาฉันไปท่องเที่ยว จะต้องพาฉันไปพักให้หนำใจสักหน่อยนะ”
นรมนพูดไปเรื่อยเปื่อย
บนใบหน้าของบุริศร์ก็มีรอยยิ้มขึ้นมาทันทีเลย
เขายิ้มขึ้นมานั้นสวยมากจริง ๆ เป็นแบบที่แค่คนเห็นก็สามารถเทใจให้ได้แบบนั้น
มักจะพูดกันว่าผู้หญิงแค่ยิ้มก็โลกละลาย แต่เขาถือได้ว่าเป็นผู้ชายที่ทำให้คนหลงเสน่ห์ได้
นรมนมองบุริศร์ที่อยู่ในจอแสดงผลอย่างกับลุ่มหลงเล็กน้อย แล้วชั่วขณะหนึ่งก็พูดขึ้นว่า “อยู่ ๆ ฉันก็นึกขึ้นมาได้ว่า คุณยิ้มขึ้นมานั้นสวยมากจริง ๆ แล้วฉันมาบ้า ๆ บอ ๆ อย่างนี้ คุณคงจะแอบขำฉันอยู่ใช่ไหม?”
“ไม่หรอก ผมจะไปขำคุณได้ยังไง”
ถึงแม้ว่าบุริศร์จะพูดไปแบบนี้ แต่ว่ารอยยิ้มบนใบหน้ากลับยิ่งเยอะมากขึ้นแล้ว
เพราะว่ามีรอยยิ้มแล้ว สีหน้าของเขาดูดีขึ้นมากเลย ท่าทีก็ดูดีขึ้นมากเหมือนกัน
นรมนเห็นว่าทั้งตัวของเขายังคงเปียกชื้นอยู่ แล้วก็กลัวว่าเขาจะไม่สบาย จึงรีบพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ทางฉันจะไปกินยาแล้ว ไม่พูดกับคุณเยอะแล้วนะ กานต์กับกมลก็จะไปเข้าโรงเรียนอนุบาลชั่วคราวแล้ว ต่อไปฉันก็จะต้องไปจัดแจงอีกสักหน่อย ช่วงนี้งานเยอะ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้วละก็ ฉันก็จะไม่โทรหาคุณแล้วนะ ถ้าหากว่าคุณยุ่งมาก ก็พักสักสองวันแล้วค่อยกลับมาก็ไม่เป็นไรนะ”
“ทำไม? ไม่เจอกันห้าหกวัน คุณไม่คิดถึงผมเหรอ?”
บุริศร์รู้สึกเศร้าขึ้นมาเล็กน้อย
นรมนอยากจะพูดมากจริง ๆ ว่าเธอคิดถึง!
ทำไมจะไม่คิดถึงล่ะ?
แทบอยากจะบินไปหาตอนนี้ด้วยซ้ำ บินไปอยู่ข้างกายของเขา แล้วก็กอดเขาไว้แน่น ๆ
แต่ว่าเธอทำไม่ได้!
นรมนไอแห้ง ๆ ขึ้นคำหนึ่ง แล้วก็ยืมสิ่งนี้มาบดบังความสะอื้นของตัวเอง
“คิดถึงซิ แต่กลัวว่าคุณจะเหนื่อยเกินไป”
“ไม่เป็นไร ขอแค่สามารถเจอคุณได้เร็ว ๆ ผมนอนน้อยลงไปหน่อยก็ไม่เป็นไร เอาล่ะ ผมไม่คุยกับคุณแล้ว คุณรีบไปกินยาเถอะ ถ้าผมกลับไปแล้วคุณยังไม่หายละก็ ดูซิว่าผมจะจัดการกับคุณยังไง”
“ได้!”
นรมนพูดแล้วก็รีบวางสายโทรศัพท์ไป
เธออดทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ
แต่บุริศร์ที่วางสายไปแล้ว กลับมีสีหน้าผ่องใส
เขาพูดกับโตโน่ที่อยู่ข้าง ๆ ขึ้นว่า “ยังมีเวลาอีกสองวัน ร่างกายของผมน่าจะสามารถฟื้นฟูกลับมาได้ทั้งหมดแล้วมั้ง?”
“มันก็ต้องดูอาการการกำเริบของคุณชายบุริศร์ด้วย ถ้าหากว่าพรุ่งนี้ลดลงสักครั้งสองครั้งแล้วละก็ วันมะรืนก็น่าจะพอประมาณแล้ว แต่ว่าคุณชายบุริศร์ คุณลองฟังคุณชายป้องสักหน่อยเถอะ อยู่รอดูอาการเพิ่มอีกสักสองวันเถอะ เมื่อกี้ภรรยาของคุณก็พูดแล้วไม่ใช่เหรอ? ว่าคุณไม่ต้องให้รีบกลับไป”
“ที่เธอพูดนั้นมันคำพูดปากกับใจไม่ตรงกัน ทำไมจะไม่รีบร้อนเจอผมล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ ก็มักจะเป็นคนที่ปากกับใจไม่ตรงกันแบบนี้แหละ นี่ไม่เจอผมมาห้าหกวันแล้ว ไม่รู้ว่าจะร้อนใจขนาดไหนแล้ว เพียงแต่กลัวว่าผมจะเป็นกังวลเท่านั้น ภรรยาผมคนนี้ เป็นคนที่ห่วงใยคนอื่นมากที่สุดเลย แต่กลับมักจะทำให้ตัวเองต้องลำบากใจ”
พอได้ยินบุริศร์ประเมินตัวเองแบบนี้แล้ว ดวงตาของนรมนก็เปียกชื้นขึ้นมาอีกครั้งเลย
คมทิพย์คว้าแขนของนรมนมาคล้องไว้ทีหนึ่ง แล้วก็พูดขึ้นอย่างออดอ้อน
แล้วนรมนก็แสร้งทำเป็นใจกว้างมากและพูดขึ้นว่า “เอาเถอะ ฉันจะอภัยให้ที่เธอโกหกฉันครั้งนี้ แต่ว่าห้ามมีครั้งหน้าอีกแล้วนะรู้ไหม?”
“ได้ ได้ ได้ จะฟังเธอทุกอย่างเลย!”
เมื่อคมทิพย์รู้แล้วว่าเพราะเรื่องนี้นรมนถึงได้ร้องไห้ ก็วางใจลงได้สักที
แล้วทั้งสองคนก็พูดคุยกันไปอีกสักพัก นรมนก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ฉันจะนอนสักพัก อีกครึ่งชั่วโมงให้หลังเธอค่อยปลุกฉันตื่นนะ”
“ทำไมล่ะ? ทำไมนอนยังต้องกำหนดเวลาด้วย? ตอนนี้เธอไม่มีเรื่องอะไรไม่ใช่เหรอ ทำไมยังต้องอีกครึ่งชั่วโมงปลุกเธอตื่นด้วยล่ะ?”
“ฉันมีเรื่องอะไรต้องทำสักหน่อย แต่ว่านอนนี้รู้สึกง่วงแล้ว ตกลงเธอจะช่วยไหม? ถ้าไม่ช่วยฉันก็จะไปหาพยาบาลแล้วนะ”
พูดแล้ว นรมนก็เหมือนกับว่าจะไปหาพยาบาลจริง ๆ แต่กลับโดนคมทิพย์รั้งเอาไว้
“ได้ ได้ ได้ เธอเป็นแม่ทูนหัวของฉันแล้วพอใจหรือยัง? ฉันรับปากเธอยังไม่ได้เหรอ? เธอรีบนอนเถอะ ดูสภาพที่เธอร้องไห้มาซิ น่าเกลียดจริง ๆ เลย”
“ใครใช้ให้เธอดูกันล่ะ”
นรมนบ่นพึมพำเสียงต่ำไปคำหนึ่ง แล้วก็ขึ้นไปนอนบนเตียงเลย
พฤกษ์ก็ยังคงมีความเป็นห่วงอยู่บ้าง แล้วก็รีบมาถามอาการของนรมน คมทิพย์ก็เลยเล่าเรื่องเมื่อกี้ให้พฤกษ์ฟังไปรอบหนึ่ง
พฤกษ์ถึงได้โล่งใจไปได้เปลาะหนึ่ง
“นี่ ยังติดต่อประธานบุริศร์ของบ้านคุณไม่ได้อีกเหรอ?”
ตอนนี้คมทิพย์รู้สึกมีข้อคิดเห็นต่อบุริศร์เต็มไปหมดแล้ว
พฤกษ์พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ผมคิดว่าประธานบุริศร์น่าจะมีความคำนึงของตัวเองอยู่ พวกเราก็ดูแลคุณนายให้ดี ๆ ก็แล้วกัน”
“คุณช่วยแก้ตัวให้เขาไปเถอะ เจ้าบุริศร์คนนี้นี่ รอให้เขากลับมาก่อน ดูซิว่าฉันจะจัดการเขายังไงบ้าง”
พอเห็นว่าแฟนตัวเองฉุนขนาดนี้ พฤกษ์ก็ไม่ได้พูดอะไร แล้วก็ถอยออกไปและไปคุ้มกันนรมนต่อไป
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป คมทิพย์จ้องมองนรมนที่กำลังนอนหลับสบายอยู่ แล้วก็ลังเลอยู่ว่าจะปลุกเธอตื่นดีไหม
แล้วก็ในเวลานี้พอดี อยู่ ๆ โทรศัพท์ของนรมนก็ดังขึ้นมาพอดี
นรมนก็ลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พอมองดูเวลา ก็เป็นเวลาครึ่งชั่วโมงพอดีเลย
คมทิพย์ถอนหายใจทีหนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า “เธอนอนอยู่ทำไมสะดุ้งตื่นง่ายขนาดนี้? แล้วให้ฉันปลุกเธอ แต่ตัวเองกลับตั้งนาฬิกาปลุกไว้เองอีก”
นรมนรู้สึกมึน ๆ งง ๆ แล้วถึงพบโทรศัพท์กำลังดังอยู่ เพียงแต่ว่าเสียงโทรศัพท์นี้ไม่ใช่ของตัวเองเท่านั้น
มันเป็นของกานต์!
หรือว่าเจตต์จะโทรมาเหรอ?
พอนึกถึงทางด้านเจตต์นั้นยังรอให้กานต์ตอบกลับอยู่ หัวคิ้วของนรมนก็ขมวดเข้าหากันแน่น
ตอนนี้คมทิพย์อยู่ข้างกายตัวเอง แล้วตกลงเขาควรจะพูดเรื่องนี้กับเจตต์ยังไงดีล่ะ? แล้วถ้าหากพูดไป คมทิพย์ก็ต้องรู้เรื่องทุกอย่างด้วยนะซิ?
ไม่ได้จะพูดว่ากลัวคมทิพย์จะไปพูดรั่วไหลไปให้ใคร เพียงแต่ว่าเรื่องนี้นั้นสำคัญมากจริง ๆ ในขณะที่ยังตามหาคนที่บงการอยู่เบื้องหลังไม่ได้นั้น นรมนรู้สึกว่ายิ่งคนรู้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี และที่สำคัญเธอไม่อยากจะดึงคมทิพย์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยจริง ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
650 ตอนยังไม่จบเลยค่ะ...
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...