แค้นรักสามีตัวร้าย นิยาย บท 527

บทที่ 527 ต้องทำยังไงคุณถึงจะเชื่อผม

นรมนอยากจะนอนหลับจริงๆ ทว่าถึงจะปิดตาไปแล้วแต่ก็ยังคงหลับไม่ลง ในห้องมีกล้องอยู่ตัวหนึ่ง ตนเองจะทำอะไรก็ถูกคนจับตามองไว้ทุกฝีก้าว ความรู้สึกนี้ไม่ค่อยจะดีนัก ทำให้เธอกระสับกระส่ายจนไม่อาจจะนอนหลับได้

แต่เธอก็ไม่สามารถที่จะแสดงออกให้เห็นว่าเธอไม่ได้หลับอยู่เช่นกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ตรินท์ตรวจพบอะไร

ตอนประมาณสี่ทุ่มกว่าตรินท์ก็ขับรถกลับมาถึงบ้านแล้ว นรมนได้ยินเสียงรถยนต์แล้ว ทว่าก็ไม่คิดที่จะขยับตัว เธอเพียงยิ้มเยาะในใจก็เท่านั้น

เป็นกับดักอย่างที่คิดไว้จริงๆ

ไม่ได้บอกว่าคืนนี้จะไม่กลับมาอย่างนั้นเหรอ

คิดไม่ถึงเลยว่าแค่สี่ทุ่มก็กลับมาแล้ว

ขณะที่นรมนยังคงแสร้งนอนหลับ ตรินท์ก็เดินเข้ามาในคฤหาสน์แล้ว

เสียงของป้าหวานไม่ได้ดังมาก แต่เพราะกลางคืนค่อนข้างที่จะเงียบ นรมนจึงยังพอได้ยินอยู่บ้าง

“ไม่ใช่ว่าคุณชายร้องบอกคืนนี้จะไม่กลับหรอกเหรอคะ”

“จัดการเรื่องทั้งหมดเรียบร้อยแล้วก็เลยกลับมาพักผ่อนน่ะ”

น้ำเสียงของตรินท์ไม่ได้ดังมาก แต่ก็ยังพอฟังตอบว่าเขาเหนื่อยจริงๆ

ป้าหวานจึงไม่ได้ถามต่อ

จากนั้นไม่นานด้านนอกก็กลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง

นรมนไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตนเองหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่

แต่ตอนที่เธอตื่นขึ้นมาก็เพิ่งจะเป็นเวลาตีห้ากว่าๆ

ข้างนอกยังคงเงียบสนิท ทว่าเธอขี้เกียจจะลุกขึ้นเลยนอนอยู่บนเตียงต่อไป

ไม่รู้ว่าป้าหวานลุกจากเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ ภายนอกถึงได้เริ่มที่จะมีเสียงวุ่นวายดังขึ้นมาบ้าง

ตอนนี้เองนรมนถึงได้ลุกขึ้นนั่ง แกล้งทำเป็นว่าเพิ่งจะตื่นนอน

เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา หกโมงกว่าแล้ว ความจริงแล้วเธอกำลังดูว่ามีใครส่งข้อความหรือโทรมาบ้างหรือเปล่า

ไม่มีข่าวคราวของบุริศร์เลยตลอดทั้งวันทั้งคืน เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่

เขาไปอยู่ไหนกันนะ

นรมนเริ่มกระวนกระวายใจมากขึ้นเรื่อยๆ

กระทั่งกิมจิเองก็ยังไม่ส่งข่าวมา

เธออยากจะตามพฤกษ์กลับมา แต่ถ้าเธอให้พฤกษ์กลับมาตอนนี้ คมทิพย์จะทำอย่างไร

นรมนวางโทรศัพท์ลง สลัดความกังวลที่อยู่ในใจทิ้ง แล้วลุกขึ้นไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตา

ตอนที่เธอลงมากินข้าวเช้า สีหน้าของตรินท์ก็ดูเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก

นรมนแสร้งถามอย่างเป็นห่วง “เป็นอะไรไปถึงได้ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดตั้งแต่เช้า”

ตรินท์ลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็พูดกับนรมนว่า “พี่สะใภ้ ผมได้ยินว่าคุณเรียนออกแบบรถยนต์มาใช่ไหม”

“ก็ใช่อยู่หรอก แต่ว่าก็ไม่ได้ทำมานานมากแล้ว มีอะไรเหรอ”

ไม่มีใครในบริษัทที่ไม่รู้ว่านรมนเป็นนักออกแบบรถยนต์ อยู่ๆ ตรินท์ก็มาถามแบบนี้มันหมายความว่ายังไงกัน

ตรินท์พูดกับนรมนว่า “คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ ลูกค้าไม่พอใจรถยนต์ที่นักออกแบบของบริษัทเราออกแบบไว้ แต่ทุกคนก็ยังคงหาแผนการที่ดีออกมาไม่ได้ ลูกค้าบอกว่าถ้าหากวันนี้พวกเรายังไม่สามารถทำงานให้สำเร็จ ก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายอะไรพวกนั้น ผมเพิ่งจะรู้ว่าพี่สะใภ้เองก็เป็นนักออกแบบรถยนต์ ไม่รู้ว่าพี่สะใภ้พอจะมีเวลาไปช่วยให้คำแนะนำที่บริษัทได้ไหม”

“แต่ฉันก็ไม่ได้ทำมานานมากแล้วนะ”

“พี่สะใภ้ครับ ผมรู้ว่าตอนนี้ไม่ควรที่จะรบกวนพี่มากเกินไป และก็รู้ดีด้วยว่าตอนนี้จิตใจของคุณยังไม่อยู่กับร่องกับรอย แต่ถึงอย่างไรบริษัทฮัวยูกรุ๊ปก็เป็นกิจการของตระกูลโตเล็ก เป็นสิ่งที่พี่ชายเคยฉุดรั้งเอาไว้ด้วยมือเดียว ตอนนี้ตกมาอยู่ในมือของผมแล้ว ต่อให้ผมไม่มีความสามารถที่จะทำให้มันเติบโตอย่างยิ่งใหญ่ได้ แต่อย่างน้อยก็ไม่ควรที่จะทำให้มันล่มจมในมือของตัวเองใช่ไหมล่ะ ผมเองก็ไม่มีวิธีแล้วจริงๆ ถ้าหากสามารถตามหานักออกแบบคนอื่นได้ละก็ ผมไม่อยากรบกวนพี่สะใภ้หรอก”

ในเมื่อตรินท์พูดมาถึงขั้นนี้แล้ว หากนรมนยังบอกปัดไปอีกก็คงดูจงใจไปหน่อย

ถึงแม้เธอไม่รู้ว่าตรินท์จะลับลมคมในอะไรซ่อนอยู่ แต่ก็ยังคงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ก็ได้ ฉันกินข้าวเสร็จจะเข้าไปที่บริษัทพร้อมนาย แต่ก็ไม่รับประกันว่าจะช่วยได้นะ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ขอแค่พี่สะใภ้ยินยอม ผมก็พอใจแล้ว”

สีหน้าของตรินท์ดูซาบซึ้งเป็นอย่างมาก แต่นรมนกลับรู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น

นรมนเก็บกวาดอะไรเล็กน้อย รู้สึกว่าในเมื่อขึ้นหลังเสือแล้วก็ยากที่จะลง กล่าวได้อีกว่าต่อให้มีแผนการร้ายอะไรซ่อนอยู่ เธอก็ต้องไปดูถึงจะรู้ได้

เธอกำชับให้คนในบ้านดูแลกมลกับกิจจาให้ดี ส่วนตัวเองก็ออกไปบริษัทฮัวยูกรุ๊ปจำกัดพร้อมกับตรินท์

เธอไม่ได้เข้าบริษัทมานานมากแล้ว

ยังจำได้ว่าตอนที่เธอมาที่นี่ครั้งแรกเป็นตอนที่เธอได้พบกับบุริศร์ครั้งแรก ภาพเหตุการณ์ในตอนนั้นยังคงชัดเจน

วันนี้เธอได้กลับมาที่นี่อีกครั้งแล้ว ทว่าบุริศร์กลับไม่อยู่ และยังขาดการติดต่อไปอย่างสิ้นเชิง

เขาไปอยู่ไหนกันนะ

เธอระงับความกังวลและความสงสัยเอาไว้ในใจ พลางเดินตามตรินท์เข้าไปในบริษัท

เธอตามตรินท์ขึ้นไปบนห้องทำงาน เวลานั้นก็ได้พบว่ามีคนแปลกหน้าอยู่มากมาย

ฮัวยูกรุ๊ปยังคงเป็นฮัวยูกรุ๊ป แต่ดูเหมือนว่าคนพวกนั้นจะไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว ตรินท์คนเปลี่ยนคนใหม่หมดแล้วสินะ

นรมนยังไม่ทันได้คิดพิจารณาอย่างละเอียด ก็ถูกตรินท์พาเข้ามาในแผนกออกแบบ

เธอจำได้ว่ามีนักออกแบบในแผนกออกแบบหลายคนที่ฝีมือไม่เลว แต่หลังจากที่มาวันนี้ดูเหมือนว่านักออกแบบทั้งหมดจะเป็นคนกลุ่มใหม่

นรมนขมวดคิ้วเล็กน้อย

“นักออกแบบโค้ชล่ะ”

เธอจำได้ว่าถึงแม้ตอนแรกนักออกแบบโค้ชจะตั้งใจขัดขาตนเอง แต่ความเป็นมืออาชีพในการออกแบบนั้นค่อนข้างที่จะไม่เลวเลยทีเดียว นอกจากนี้เขาก็ยังเป็นคนเก่าคนแก่

ตรินท์ได้ยินเธอถามแบบนั้นก็รีบกล่าวขึ้นมาว่า “นักออกแบบโค้ชบอกว่าจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ บริษัทก็เลยช่วยออกเงินส่งเขาไป ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในประเทศครับ”

นรมนมองตรินท์แวบหนึ่ง ทว่าก็ไม่เห็นอะไรในแววตาของเขา

ถึงอย่างไรเธอก็ตอบตกลงว่าจะช่วยเหลือตรินท์แล้ว ดังนั้นจึงได้แต่พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ฉันต้องการที่จะรู้แผนการร่วมมือของโครงการปัจจุบันกับความต้องการของลูกค้า และยังต้องดูด้วยว่าพวกเขาออกแบบอะไรมาถึงจะสามารถบอกได้ว่าฉันทำได้หรือเปล่า”

เมื่อตรินท์ออกไปแล้ว เหล่าไก่อ่อนพวกนั้นก็ตื่นเต้นดีใจขึ้นมาทันที

“คุณแคทเธอรี เราจะไปกินข้าวกันแล้ว ไปด้วยกันเถอะ”

พวกเขาผลักคนคนหนึ่งออกมาเป็นตัวแทน

นรมนมองไปที่พวกเขาแล้วพูดว่า “พวกเธอไปกันเถอะ ฉันยังวาดพิมพ์เขียวแบบงานไม่เสร็จ ฝั่งลูกค้าเองก็รีบร้อนอยากจะได้งาน เดี๋ยวให้คนส่งอาหารขึ้นมาก็พอแล้ว”

เมื่อเห็นนรมนพูดแบบนี้ เหล่าไก่อ่อนพวกนั้นก็ไม่ได้บีบบังคับเธอ จากนั้นก็พากันเดินออกจากแผนกไป

ภายในแผนกออกแบบจึงเหลือนรมนแค่คนเดียว

ทว่านรมนก็ไม่ได้คิดสิ่งใดอื่น เพียงจดจ่อไปกับการวาดแบบเท่านั้น

อันที่จริงความต้องการของลูกค้าก็ไม่ได้มากมายอะไร ขอแค่มีรูปลักษณ์สวยงามกับสมรรถนะสูงหน่อยก็ได้แล้ว

ว่ากันตามหลัก การออกแบบที่ง่ายขนาดนี้ ถ้าหากนักออกแบบโค้ชยังอยู่ละก็ เดิมทีคงไม่มีอะไรที่น่าเป็นกังวล น่าเสียดาย…

นรมนถอนหายใจออกมาอีกครั้ง แล้วเริ่มบรรยายภาพการออกแบบของตัวเองออกมาอย่างรวดเร็ว

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน กล่องอาหารกล่องหนึ่งก็ถูกวางไว้บนโต๊ะของนรมนแล้ว

“อาหารมาแล้วครับคุณนายบุริศร์”

นรมนพยักหน้าเบาๆ

“รู้แล้ว วางไว้แล้วก็ออกไปเถอะ”

คุณนายบุริศร์อย่างนั้นเหรอ

คิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะเรียกเธอว่าคุณนายบุริศร์

ว่าแต่ทำไมเสียงนี้ถึงได้คุ้นหูจังเลยนะ

นรมนรีบเงยหน้าขึ้นมาทันที จึงได้เห็นผู้ชายที่ค่อนข้างคุ้นเคยยืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง

เพียงแต่วันนี้เขาไม่ได้สวมหมวก

“เป็นคุณอย่างนั้นเหรอ”

นรมนระแวดระวังขึ้นมาทันที กระทั่งเหลือบมองออกไปข้างนอกแวบหนึ่งด้วยซ้ำ

เลิฟรีบกล่าวออกมาว่า “ทำไมเมื่อคืนคุณนายบุริศร์ถึงไม่มาล่ะครับ”

“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าที่คุณพูดมาเป็นความจริงหรือเปล่า คุณบอกว่าคุณมีหลักฐานอะไรฉันก็ต้องเชื่ออย่างนั้นเหรอ ตรินท์เป็นคนของตระกูลโตเล็ก ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นน้องชายฝาแฝดของสามีฉัน ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราก็ดีมาก คุณอย่าได้มาสร้างความร้าวฉาน ฉันไม่รู้จักประธานเคนอะไรนั่นที่คุณพูดถึง ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ออกไปเถอะ ตอนนี้ฉันยังมีงานออกแบบที่ต้องทำ ลูกค้ารีบร้อนมาก หากถ่วงเวลาฉันจนส่งผลกระทบต่อสัญญาและชื่อเสียงของบริษัท คุณแบกรับมันไม่ไหวหรอกนะ”

นรมนพูดจบก็ไม่ได้มองเลิฟต่อ

เห็นได้ชัดว่าเขาร้อนใจเป็นอย่างมาก

“ต้องทำยังไงคุณถึงจะเชื่อผมกันนะคุณนายบุริศร์ ตอนนี้ติดต่อคุณชายบุริศร์ไม่ได้แล้ว คุณก็ยังจะไม่เชื่อผมอีกอย่างนั้นเหรอ ตรินท์ไม่ใช่คนไร้พิษภัยอย่างที่คุณเห็น! และเรื่องทั้งหมดนี่ก็เกี่ยวข้องกับเขาด้วย!”

เลิฟคว้าข้อมือของนรมนเอาไว้อย่างร้อนใจ ทว่าสิ่งที่เขาพูดออกมานั้นกลับทำให้แววตาของนรมนเข้มขึ้นมาหลายส่วนในทันที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย