บทที่ 532 ฉันจะพยายามรักษาเธออย่างเต็มที่
เจตต์ไม่สนใจว่านรมนจะคิดอย่างไรกับตรินท์ เขาให้ความสนใจเพียงนรมน เขาพบว่าสีหน้าของนรมนดูไม่ดีนัก ร่างกายแข็งเกร็ง ขมวดคิ้วหาเข้าด้วยกัน
“ผมจะโทรหาป้อง ไม่สิ ผมจะโทรหาโพนี่ ให้เธอมาดูแลคุณ”
ในขณะที่เจตต์พูด เขาก็กุลีกุจอหยิบโทรศัพท์ออกมา แต่นรมนกลับห้ามเขาไว้ก่อน
“อย่าค่ะ ฉันไม่เป็นอะไร”
ใบหน้าของนรมนดูลนลานเล็กน้อย
เจตต์ช่างเป็นคนที่ฉลาด เขาเดาออกว่านรมนกำลังกังวลอะไรอยู่ มาที่บ้านใหญ่เก่าตระกูลรัตติกรวรกุลด้วยกันกับเขา ถูกคนอื่นมองเห็น พูดดีด้วยแต่คนฟังกลับรู้สึกไม่ดี
แต่เจตต์ก็แทบไม่ได้สนใจ
เขาเก็บโทรศัพท์กลับลงไป หลังจากนั้นจึงเข้าไปอุ้มนรมนขึ้นมา จะพาเธอไปยังห้องนั่งเล่นตรงข้าม
นรมนตกตะลึงครู่หนึ่ง ต่อสู้ดิ้นรนทันที
“เจตต์ ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้!”
“ถึงห้องก่อนแล้วผมจะปล่อยคุณ”
เจตต์แข็งแรงมาก
นรมนขัดขืนไม่ได้ ทำได้เพียงปล่อยเลยตามเลย เธอหลับตาลงไม่ให้เห็นอะไร แต่หูก็ยังคงได้ยินเสียงหัวใจของเจตต์ที่เต้นดัง มันดังและเต้นเร็วมาก
เจตต์แปลกใจที่จู่ๆ เธอก็เงียบลง เขามองลงไปที่นรมน เห็นเธอกำลังหลับตา ขนตายาวของเธอสั่นไหว ทาบทับลงบนใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอ ให้ความรู้สึกถึงจะไม่สบายแต่ก็ยังงดงาม
ทันใด ความปรารถนาที่จะกอดผู้หญิงคนนี้ไว้ในอ้อมแขนของเขาและจะไม่มีวันปล่อยไปก็ผุดขึ้นมา ความรู้สึกนึกคิดนี้รุนแรงมากเสียจน เขาก้มลงจะไปจูบนรมนอย่างไม่ได้ตั้งใจ
เมื่อกำลังจะใกล้สัมผัสแก้มของนรมน เสียงไอดังขึ้น ทำให้จินตนาการที่ไปไกลเกินของเจตต์ถูกขัดจังหวะ ทั้งยังทำให้เขาได้ฟื้นคืนสติกลับมาด้วย
นี่เขากำลังจะทำอะไร?
นรมนเชื่อใจเขามากขนาดนี้ แต่เขาเกือบจะกระทำการหยาบคายกับเธอไปแล้ว
ใบหน้าของเจตต์ดูกระวนกระวายร้อนรุ่มใจ เขารีบเงยหน้ามองคนที่ไอ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นพรรษา คุณท่านของตระกูลรัตติกรวรกุล
แววตาของพรรษาดูราวกับว่าจะกินเจตต์ แต่ภายนอกดูเหมือนจะไม่สนใจอะไร เพียงแค่จ้องไปที่เขาโดยไร้เสียง ราวกับว่าจะกลัวนรมนทำตัวไม่ถูก
เจตต์ทำราวกับเด็กที่ทำผิดแล้วโดนจับได้ ขณะที่เขาประหม่าอย่างมาก กลับหันหน้าเบี่ยงไปทางอื่นและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาอุ้มนรมนอีกครั้งและหนีให้ห่างจากสายตาของพรรษา
นรมนลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เธอรู้ว่าเมื่อกี้เจตต์กำลังจะทำอะไรกับเธอ เธอถึงกับกำหมัดแน่นเตรียมที่จะชกเจตต์ถ้าหากเขาจูบเธอขึ้นมาจริงๆ ในที่สุดก็ไม่เกิดเรื่องที่จะทำให้มองหน้ากันไม่ติดเกิดขึ้น
ในใจของเธอยุ่งเหยิงมาก เธอรู้ว่าตัวเองไม่สามารถอยู่ที่นี่ต่อไปได้แล้ว ไม่ว่าตัวเองจะต้องการความช่วยเหลือของเจตต์หรือไม่ ความรู้สึกของเจตต์ที่มีต่อเธอ เธอไม่เหมาะสมที่จะอยู่ข้างเขาเลยจริงๆ
หลังจากเจตต์อุ้มเธอไปถึงห้องนั่งเล่นแล้ว เขากระแอมไอคล้ายกับอึดอัดใจ “คุณไปพักผ่อนก่อน ผมจะไปโทรเรียกให้โพนี่มานี่”
ครั้งนี้นรมนไม่ปฏิเสธ
โพนี่เป็นภรรยาของป้อง เป็นหมอของเธอเอง บางทีเธออาจจะออกไปจากที่นี่ได้โดยโพนี่
นรมนพยักหน้า เธอยังไม่ลืมตาราวกับว่าเหนื่อยมาก แต่เจตต์รู้ว่าเธอไม่ต้องการให้พวกเขาสองคนอึดอัดใจแค่นั้น
ทันใด เจตต์ก็รู้สึกโมโหขึ้นมาเล็กน้อย
ทำไมถึงหักห้ามใจตัวเองไม่ได้จนเกือบจะทำเรื่องอย่างนั้นไปเสียแล้ว?
พูดเองไม่ใช่หรือว่าจะชอบหรือไม่ชอบนรมนก็เป็นเรื่องของเขา? พูดเองไม่ใช่หรือว่าจะไม่บังคับให้นรมนเปลี่ยนทัศนคติที่มีเกี่ยวกับตัวเขาและความรู้สึกต่อเขา? ทำไมถึงเกือบคุมตัวเองไม่อยู่กัน?
เจตต์แทบจะหนีเตลิดไป
นรมนมองไปยังบานประตูที่ปิดลง พลางถอนหายใจออกมาเบาๆ
สถานการณ์ในตอนนี้ยุ่งเหยิงไปหมด เธอไม่มีแรงที่จะไปจัดการกับความรู้สึกของเจตต์ ยิ่งกว่านั้นคำพูดก็ได้เข้าใจไปหมดแล้ว เธอเกรงว่าจะไม่ได้ติดต่อกับเจตต์ชั่วคราว
เธอคิดมาเสมอว่าความรู้สึกที่เจตต์มีต่อเธอจะเป็นเพียงแค่อุบัติเหตุ ไม่ช้าก็เร็วเจตต์คงปล่อยมันไปได้ง่ายๆ ไม่คิดว่าความรู้สึกของเขาจะลึกซึ้งถึงขนาดนี้
สายตาที่เจตต์มองมาที่เธอ เธอเข้าใจดี มันเหมือนกับสายตาที่บุริศร์มองมายังเธอ
นรมนถอนหายใจอีกครั้ง เงาของบุริศร์ปรากฏขึ้นในใจ
เขา จะเป็นอย่างไรบ้าง?
ต่อสายโทรหาบุริศร์อีกครั้ง ทว่าก็ยังคงไม่มีข่าวคราวใด ความทุกข์ทรมานจากการรอคอยทำให้นรมนกังวลอย่างมาก ถ้าหากเธอสามารถเดินตามรอยเท้าของบุริศร์ไป เพื่อหาว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เธอรู้ดี ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือความปลอดภัยของกมลและคุณนายตระกูลโตเล็ก
ถ้าหากการคาดเดาของพวกเขาเป็นจริง ตัวของตรินท์เองที่เป็นปัญหา อย่างนั้นไม่ว่าจะเป็นกมลหรือคุณนายตระกูลโตเล็ก เกรงว่าจะมีอันตรายทั้งนั้น
“อย่า เรื่องนี้อย่าให้กานต์รู้ กานต์เพิ่งผ่านประสบการณ์ที่น่ากลัวมา จริงๆแล้ว เด็กคนนี้แม้จะโตก่อนวัย แต่ก็ยังไม่เคยประสบกับเรื่องอะไรแบบนี้มาก่อน ตอนนี้เขาสามารถมีเธอและป้องดูแล ฉันก็วางใจ ถึงแม้จะเกิดอะไรกับฉัน ฉันก็ไม่กังวลว่ากานต์จะตกไปอยู่ในมือของคนชั่ว ฉันเชื่อในมิตรภาพของป้องและบุริศร์ ว่าจะต้องปฏิบัติต่อกานต์อย่างดีแน่ๆ”
นรมนมองสบมายังโพนี่ แววตาที่มีความปรารถนาคู่นั้นมันทำให้โพนี่เกือบจะมีน้ำตา
“ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันจะพยายามรักษาเธออย่างเต็มที่”
“ฉันรู้ว่าเธอดีกับฉัน”
นรมนกุมมือของโพนี่
มือของเธอเย็นเยียบ ทำให้โพนี่ยิ่งเป็นทุกข์
“กานต์เป็นยังไงบ้าง? อารมณ์คงที่แล้วหรือยัง?”
นรมนรู้สึกละอายใจกับเด็กคนนี้
โพนี่ พูดเสียงต่ำ “กานต์เรียบร้อยดี วันนี้มีเรนนี่อยู่เป็นเพื่อน ก็นับว่าอารมณ์คงที่อยู่นะ แต่ก็อยากรีบออกจากโรงพยาบาลแล้วละ”
“เรนนี่? เด็กผู้หญิงที่พูดไม่ได้คนนั้นเหรอ?”
นรมนยังคงประทับใจในตัวเรนนี่
โพนี่พยักหน้า ในที่สุดก็ยิ้มออกมา
“ใช่ เป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารักมาก น่าเสียดายที่เธอพูดไม่ได้ ฉันกับป้องตรวจสอบเธอแล้ว เธอถูกวันมะรืนทำให้พิการ โหดร้ายเสียจริง และเรนนี่ก็ไม่มีครอบครัวด้วย พี่สาวคนเดียวก็ถูกขายไปแล้ว ถึงตอนนี้ก็ไม่ทราบเบาะแส เธอก็รู้ ว่าฉันกับป้องไม่มีลูก พวกเราวางแผนกันว่าจะรับเรนนี่มาเป็นลูกสาวของพวกเรา”
นรมนอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มขึ้นมันที และพูด “ยินดีกับพวกเธอด้วยนะ”
“รอประเดี๋ยวพวกเราจะจัดงานเลี้ยงอย่างเป็นทางการ ให้เรารับเรนนี่เข้าบ้านอย่างเป็นทางการก่อน ป้องบอกว่าจะไม่เปลี่ยนนามสกุลของลูก สายสัมพันธุ์ระหว่างแม่และลูก ไม่ใช่นามสกุลที่จะเปลี่ยนกันได้ พวกเราจะให้ความรักแก่เธอ ให้เด็กคนนี้เติบโตขึ้นอย่างมีความสุข สุขภาพแข็งแรง ความสัมพันธ์ระหว่างกานต์กับเธอก็สนิทสนม สามารถไปมาหาสู่กันได้บ่อยๆ ถ้าหากช่วงนี้เธอไม่สะดวก ฉันจะรับกานต์กลับไปที่บ้านพวกเรา อยู่ด้วยกันกับเรนนี่ ฉันรู้ว่าเธอกังวลอะไร กังวลว่าหลังจากกานต์จะรู้สถานการณ์ตอนนี้ของกมล รู้สถานการณ์ของตระกูลโตเล็ก และรู้ถึงการหายไปของบุริศร์ จะทำให้เป็นกังวล เธอสบายใจเถอะนะ ฉันจะให้เหตุผลว่าเรนนี่ไม่ปรับตัวกับสภาพแวดล้อมของบ้านใหม่ ให้เขาอยู่ต่ออีกสักหน่อย”
“ขอบคุณนะโพนี่”
เห็นว่าโพนี่จัดเตรียมทุกอย่างไว้อย่างดีแล้ว นรมนซาบซึ้งใจอย่างมาก
“นรมน อย่าคิดว่าว่าฉันจะเลี้ยงลูกให้เธอนะ ฉันตอนนี้มีลูกสาวเป็นตัวเป็นตนแล้ว ฉันจะไม่ดูแลลูกเธอ ได้ยินแล้วใช่ไหม? เธอรีบจัดการเรื่องรอบตัวเธอให้เสร็จ กลับมารับกานต์ไป อย่าให้เด็กคนนั้นมาแย่งเรนนี่ จากพวกเราสองผัวเมียไป”
แม้โพนี่จะพูดเช่นนี้ แต่นรมนรู้ดีว่าเธอห่วงใย
เธอยิ้ม เหมือนจะพูดอะไร แต่จู่ๆโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
650 ตอนยังไม่จบเลยค่ะ...
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...