แค้นรักสามีตัวร้าย นิยาย บท 549

บทที่ 549 เจตต์เกิดเรื่องแล้ว

นรมนมองโทรศัพท์ทันที เจตต์โทรมาจริงๆ เพิ่งพูดถึงก็โผล่มาเลย

เธอไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี ชะงักนิดหนึ่งค่อยรับสาย ปลายสายมีเสียงตะโกนเรียกของเจตต์ดังมา

“นรมน ช่วยด้วย!”

เพียงเท่านี้ โทรศัพท์ของเจตต์ก็ตัดไป นรมนโทรไปอีกครั้ง ฝ่ายนั้นปิดเครื่องไปแล้ว

“เป็นไรไป”

โพนี่เห็นสีหน้าของนรมนไม่ค่อยดี ก็รีบถาม

“เจตต์เกิดเรื่องแล้ว”

นรมนสีหน้าไม่สบายใจ

เธอไม่รู้ที่นั่นเป็นอะไรกันแน่ ทำให้คนที่เธอเป็นห่วงที่สุดหายตัวไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ฉันต้องไป”

นรมนยืนหยัดเด็ดเดี่ยว

“ไม่ได้! เธอจะไปจากที่นี่ไม่ได้ นรมน เธออย่าบังคับให้ฉันต้องฉีดยายาระงับประสาท”

โพนี่ก็มีท่าทียืนกรานเช่นกัน

นรมนมองเธอ พูดเสียงเบา “ขอโทษนะ”

“เธอหมายความว่าไง เธอจะไปจริงๆ เหรอ ฉันบอกเธอนะ นรมน ถ้าเธอจะไป อย่าโทษฉัน...”

โพนี่พูดยังไม่ทันขาดคำ ก็ถูกนรมนฟันด้วยสันมือจนหมดสติ

เธอพา โพนี่ไปวางเบาๆ ที่เตียง ใบหน้ามีร่องรอยความรู้สึกผิดในใจ กระซิบ “ขอแค่ฉันพาพวกเขากลับมาได้ปลอดภัย ต่อให้ฉันรักษาชีวิตไม่ได้ก็ไม่เป็นไร บุริศร์เป็นคนรักของฉัน ฉันต้องหาเขาให้เจอ ส่วนเจตต์ก็ทำเพื่อฉันตั้งมากมาย ตอนนี้เขาอยู่ในอันตรายฉันจะไม่สนไม่ได้ โพนี่ ฉันรู้เธอเป็นหมอ ไม่ชอบคนไข้ที่ไม่เชื่อฟัง ขอโทษจริงๆ ถ้าครั้งนี้ฉันรอดกลับมาได้ ฉันจะฟังเธอแน่นอน ตั้งใจพักฟื้น ไม่ทรมานตัวเองอีก แต่ตอนนี้ฉันทำไม่ได้”

นรมนคลุมผ้าห่มให้ โพนี่เบามือ แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมออกไป

ขณะที่เดินไปถึงห้องรับแขก กิจจายืนตรงนั้น เหมือนกับรู้อะไรบางอย่าง เมื่อเห็นนรมนก็อึ้งไปนิดหนึ่ง

“หม่ามี้ จะไปไหนฮะ”

“ลูกจะไปไหน”

นรมนเห็นกิจจาใส่ชุดออกไปข้างนอก อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

“ผมจะไปช่วยอาจารย์”

คำพูดของกิจจาทำให้นรมนขมวดคิ้ว “อาจารย์งั้นหรือ”

“เมื่อกี้ผมได้ยินหมดแล้ว เจตต์เป็นอาจารย์ของผม ผมรับปากอาจารย์จะดูแลหม่ามี้ให้ดี ก่อนเขากลับมาจะต้องดูแลหม่ามี้ให้ดี ตอนนี้ หม่ามี้จะไปช่วยคุณลุงกับอาจารย์ ผมก็ต้องตามไปด้วย”

กิจจามองนรมน ท่าทางเด็ดเดี่ยว นรมนอยากจะหัวเราะเสียเหลือเกิน

“ลูกรับเจตต์เป็นอาจารย์ เขาสอนอะไรลูก จีบสาวยังไงเหรอ” “เขาสอนเยอะแยะครับ”

กิจจาทำปากจู๋ ท่าทางเหมือนใครจะตำหนิเจตต์ไม่ได้ แต่กลับทำให้นรมนดีใจ เจตต์มีผู้ติดตาม ก็น่าจะไม่เลว

“เด็กดี เลิกเล่นได้แล้ว ตอนนี้หน้าที่ของลูกคือดูแลกมลให้ดี เรื่องอื่นให้หม่ามี้จัดการดีกว่า ตกลงไหม”

“หม่ามี้ ถ้าไม่ให้ผมไป ผมจะโทรไปหากานต์ บอกว่าหม่ามี้สุขภาพไม่ดียังจะไปช่วยคุณลุงกับอาจารย์”

กิจจาขู่นรมน ทำให้นรมนรู้สึกเหลือเชื่อ

“กิจจา ลูกกำลังขู่หม่ามี้เหรอ”

“ครับ!”

กิจจาไม่ปิดบังสักนิด ทำเอานรมนหัวเราะไม่ออก

“หม่ามี้ทำอะไรกับ คุณน้าโพนี่ ลูกก็เห็นแล้ว อย่าขวางหม่ามี้ดีกว่า ไม่อย่างนั้น...”

“หม่ามี้ ผมก็มีฝีมือเหมือนกัน”

เมื่อกิจจาพูดเช่นนี้ทำให้นรมนเถียงไม่ออก

โอเค ตอนนี้สภาพร่างกายเธอ บางทีอาจจะสู้กิจจาไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ถ้าให้นรมนพากิจจาไปเสี่ยง ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ทำไม่ได้

“ก็ได้ หม่ามี้จะพาลูกไปด้วย กลัวแล้ว”

นรมนส่ายหน้า ใบหน้าแสดงความรัก

กิจจาเห็นนรมนตอบตกลงแล้ว ค่อยยิ้มกว้าง “หม่ามี้ ผมช่วยถือกระเป๋า”

“จ้ะ”

นรมนส่งกระเป๋าให้กิจจา กิจจารับมาอย่างดีใจ จะเดินออกไปข้างนอกอย่างกระตือรือร้น แต่เดินไปได้ไม่กีก้าว ก็ถูกนรมนแทงเข็มที่คอ ของเหลวเย็นๆ ค่อยๆ ไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา

“หม่ามี้!”

กิจจามองนรมนรู้สึกเหลือเชื่อ เหมือนไม่เชื่อว่านรมนจะทำอย่างนี้กับเขา

นรมนกระซิบ “เด็กดี นี่แค่ยาระงับประสาท ไม่มีอันตรายอะไร แค่ทำให้ลูกหลับไปพักหนึ่ง เชื่อฟังหม่ามี้ อยู่บ้าน รอหม่ามี้กลับมา ไม่ต้องกังวล หม่ามี้จะต้องพาคุณลุงกับอาจารย์ของลูกกลับมาด้วย อีกอย่าง ตื่นแล้วอย่าลืมบอก คุณน้าโพนี่ แม่ขอยืมยาระงับประสาทของเธอไปใช้ หลับเถอะ ลูกรัก”

พูดจบ เธอก็รับร่างของกิจจาเบาๆ

กิจจาร่วงลงในอ้อมกอดของนรมนอย่างไม่เต็มใจ

ขณะที่เธอคิดจะพากิจจาเข้าไปในห้อง ก็เห็นลูกสาวกมลยืนที่หน้าประตู เหมือนจะเห็นทุกอย่างกับตาตัวเอง

นรมนแปลกใจ และกังวล ในเมื่อโลกนี้ของเธอ กมลนอกจากจะชอบกิน ยังเป็นเด็กหญิงอ่อนแอ ชีวิตในโรงพยาบาลสี่ปีแรกทำให้เธอไม่อยากให้กมลต้องสัมผัสความมืดมิดแม้แต่นิดเดียว

ขณะที่เธอไม่รู้จะทำอย่างไรดี กมลก็พูดขึ้น

“ไม่เป็นไรค่ะ รีบกลับมานะคะ!”

“พูดจบ กมลก็เดินไปหน้าเตียงของกิจจา เพียงแค่เสี้ยวนาทีที่หันไป หยดน้ำตาใสๆ ก็ร่วงหล่นลงพื้น เผาไหม้ใจของนรมน

เธอถึงได้รู้ กมลรู้ทุกอย่าง เข้าใจทุกอย่าง เพียงแต่ไม่อยากให้คนอื่นเห็นเธอกังวลก็เท่านั้น ลูกสาวใส่ใจขนาดนี้ รู้เรื่องขนาดนี้ แต่ก็ทำให้รู้สึกปวดใจอย่างบอกไม่ถูก

นรมนกลัวว่าตัวเองขืนมองต่อไปจะตัดใจไปไม่ได้ อีกอย่างเธอก็ไม่รู้ว่า โพนี่จะฟื้นเมื่อไหร่ เธอสูดลมหายใจลึก รีบออกไปอย่างเด็ดเดี่ยว

หลังเดินออกมา นรมนถึงรู้สึกว่าแก้มของตัวเองเปียกแฉะ ไม่รู้ว่าตัวเองร้องไห้ตอนไหน

ลูกและบุริศร์เป็นจุดอ่อนของเธอมาตลอด อีกฝ่ายบีบจุดนี้ ทำให้เธอไม่กล้าทำอะไร ไม่รู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือใคร และต้องการอะไรกันแน่

นรมนออกจากประตู แต่เจอเลิฟ ที่ข้างนอก

“คุณนายบุริศร์ คุณจะไปไหน ให้ผมไปด้วยเถอะ”

คำพูดของ เลิฟ ทำให้นรมนตะลึง แต่ตอนนี้ตัวเองสุขภาพไม่ดี ถ้ามี เลิฟ ไปด้วย บางทีอาจจะช่วยรับมือได้นานขึ้นหน่อย

“ก็ได้ ฉันจะไปตอนนี้ เธอไปได้ไหม”

“เดิมผมก็ไม่มีภาระอยู่แล้ว และกิมจิยังสั่งให้ผมมาที่นี่อีก ผมไม่ติดอะไร”

เลิฟ พูดอย่างนี้ นรมนก็วางใจ

สองคนเดินไปลานจอดรถ ขับรถคันหนึ่งออกไป นรมนนั่งด้านหลัง มี เลิฟ เป็นคนขับ

ขับรถมาถึงหน้าประตูโรงพยาบาลทหาร รปภ.ขอบัตรผ่าน นรมนรีบส่งให้เขา

เธอโชคดีที่ขอบัตรผ่านกับ โพนี่ไว้ ไม่อย่างนั้นวันนี้คงออกไปไม่ได้แน่

รปภ.ดูแล้ว ก็ปล่อยให้ผ่านไป

สองคนขับรถออกไป

นรมนไม่รู้เส้นทางของบุริศร์ ได้แต่เริ่มจากเบาะแสหลังสโมสรถูกปิด และคำพูดของตำรวจ

เลิฟ ขับไปตามที่นรมนบอก ไม่นานก็ขับออกจากเมืองชลธี

หลังออกจากเมืองชลธี ทิวทัศน์สองข้างทางก็เริ่มรกร้างห่างไกล

นรมนคิดถึงตอนแรกที่บุริศร์ติดตามอีกฝ่ายคงจะรู้สึกกังวล อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นห่วง

เธอมองทิวทัศน์ข้างนอกยิ่งทียิ่งรกร้างว่างเปล่า และเริ่มสายตาพร่ามัว นรมนส่ายหน้าอย่างเร็ว รู้สึกว่าบางอย่างผิดปกติ

ทำไมอยู่ๆ เธอรู้สึกง่วงนอนล่ะ

“เลิฟหยุดรถ!”

นรมนรีบสั่ง น่าเสียดายที่ เลิฟ ไม่ฟังเธอหยุดรถ แต่กลับเร่งเครื่องขับต่อไป

มองกระจกหลัง นรมนเห็นรอยยิ้มแปลกๆ ที่มุมปากของเลิฟ เธออยากให้รถหยุด แต่ทุกอย่างสายไปแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย