บทที่58 พี่ชายเก่งที่สุดเลย2
“ผิดที่ฉันเอง ทุกอย่างมันเป็นเพราะฉัน เพราะฉันเองที่ดูแลกมลไม่ดี ถ้าฉันปกป้องลูกได้ดีกว่านี้ เธอคงไม่ต้องออกมาก็แล้วต้องอยู่แต่ในโรงพยาบาลหรอก ฉันรู้ดีกว่าใครๆว่ากมลนั้นคงอิจฉาเด็กๆคนอื่นที่มีร่างกายแข็งแรง เธอถึงขั้นแทบจะไม่ได้เคยออกจากรั้วโรงพยาบาลเลย”
“เอาเถอะน่า นรมนทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ต้องโทษไปผู้ชายเลวๆคนนั้นต่างหาก มันไม่เกี่ยวกับเธอเลย เธอทำดีที่สุดแล้วถ้าจะผิดก็ผิดที่รักผู้ชายคนนั้นเท่านั้นเอง ตอนนี้เธอเองเป็นแม่คนแล้วเธอต้องเข้มแข็งเพื่อลูกสิ ใช่ไหมล่ะ?”
คำพูดของคมทิพย์ทำให้นรมน หยักหน้างึกๆ
ใช่แล้ว
เธอต้องเข้มแข็ง!
เธอต้องทำให้บุริศร์ชดใช้ในสิ่งที่เขาทำ เธอถึงจะสามารถสู้หน้าลูกทั้งสองเธอได้
ถึงแม้ว่ากานต์จะไม่รู้ว่าคมทิพย์และนรมนกำลังพูดอะไรกันอยู่ แต่แววตาเขากลับนิ่งสุขุม ทำให้ความเดียงสาและความสดใส ที่เด็กในวัยนี้ควรมี มันน้อยลง
เมื่อทานข้าวเสร็จแล้ว คมทิพย์ก็พากานต์กลับไป พยาบาลพิเศษที่บุริศร์จ้างมา ก็เข้ามาดูแลนรมน นรมนรู้สึกเหนื่อยทั้งกายทั้งใจ จึงไม่สนว่าเป็นใคร แล้วห่มผ้านอนทันทันที
ผ่านไปอีกวัน ทางฝั่งเรื่องการตรวจดีเอ็นเอของหมอนัทธ์ ผลตรวจออกมาแล้วบุริศร์รีบร้อนมาโรงพยาบาลด้วยตัวเองเลย
“หมอนัทธ์ครับ ผลตรวจล่ะครับ?”
คุณหมอนัทธ์ ไม่คิดว่าบุริศร์จะมารับผลตรวจด้วยตัวเองจึงรู้สึกเกร็งเล็กน้อย
“คุณบุริศร์ครับผมเองก็พึ่งจะจัดการเสร็จ กะว่าจะให้คนนำไปให้ นี่คุณทำไมมาเองเลยล่ะครับ?”
“ไม่ต้องแล้วล่ะ เอาผลตรวจให้ผมเลยก็ได้”
สายตาที่ดูรีบร้อนของบุริศร์มองไปยังคุณหมอนัทธ์
คุณหมอนัทธ์นำเอกสารผลการตรวจให้บุริศร์
บุริศร์ตื่นเต้นสุดขีดไม่รู้ว่าจะเปิดอ่านยังไงเลย
ใช่หรือไม่ใช่?
ถ้าไม่ใช่ล่ะ จะทำอย่างไร?
แต่ว่าเขาก็อดไม่ได้ที่จะอยากรู้ผลการตรวจในครั้งนี้
“คุณบุริศร์?”
คุณหมอนัทธ์ยืนเอ๋ออยู่ตรงนั้น อยู่ดีๆก็เรียกเขาขึ้นมา。
บุริศร์ถึงได้สติ
“อ่อ งั้นผมขอตัวก่อนนะ”
เขาถือเอกสารผลตรวจ กล่าวลาและหันเดินกลับออกไป ฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อ
บุริศร์กลับมาที่รถ มองไปยังซองเอกสารผมการตรวจดีเอ็นเอ รีบร้อนหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดมวลนึง ตอนนี้เขาต้องการใช้นิโคตินมาระงับอารมณ์ของตัวเอง
ท่ามกลางควันบุหรี่ที่คละคลุ้งอยู่ในรถ ไม่มีใครที่จะสามารถเห็นใบหน้าและสีหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน
เมื่อบุหรี่หนึ่งมวลถูกสูบหมด อารมณ์ของบุริศร์ก็สงบลงเป็นปกติ
เมื่อพฤกษ์ถูกบุริศร์ถามแบบนี้ถึงกับตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย
“คุณบุริศร์ ข้อมูลของคุณแคทเธอรีนั้นมีคนเก็บและปกป้องไว้อยู่ ไม่ว่าผมจะใช้วิธีอะไร ถึงขั้นจ้างพวกสายสืบมืออาชีพที่สืบความลับของพรรคการเมืองให้มาช่วย แต่ว่าฝั่งตรงข้ามนั้นฝีมือเหนือกว่ามาก เพราะงั้นทางเราตอนนี้ไม่มีข้อมูลอะไรเลยครับรู้แค่ว่าเธอเป็นคนที่เกิดและโตอยู่ที่อเมริกา
“เกิดและโตอยู่ที่อเมริกางั้นหรอ?เป็นไปไม่ได้!สืบหาต่อไป!เริ่มสืบตั้งแต่รเมศเลย คุณลองสืบหาดูว่าเมื่อปีก่อน รเมศนั้นเคยมาที่เมืองชลธีหรือเปล่า?”
บรุรศร์แนะแนวทางให้กับพฤกษ์
“โอเคครับ”
หลังจากวางสายโทรศัพท์ ในใจของบุริศร์ก็ไม่สามารถสงบลงไม่ให้คิดอะไรได้เลย
เธอยังมีชีวิตอยู่!
และยิ่งไปกว่านั้นเธอก็อาจจะอยู่ใกล้ๆตัวเขาเองก็เป็นได้แต่ว่าทำไมเธอถึงไม่ยอมรับล่ะ?
บุริศร์คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าทำไม แต่กลับคิดถึงนรมนเป็นอย่างมาก
เขาเหยียบคันเร่ง รถพุ่งออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วราวกับบิน หลังจากที่ขับวนในเมืองชลธีไปรอบนึงแล้ว เขาก็มาหยุดอยู่ที่ลานจอดรถของโรงพยาบาล
บุริศร์ซื้อมะม่วงที่นรมนชอบกินมากที่สุดมาด้วย พร้อมกับถือมันเดินเข้าไปที่ห้องพักคนไข้ของเธอ
นรมนกำลังนั่งอ่านหนังสือนิตยสารเกี่ยวกับธุรกิจ ที่เป็นภาษาอังกฤษอยู่
เขาจำได้ว่าภาษาอังกฤษของนรมนนั้นไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ และเธอก็ไม่ค่อยชอบเรื่องที่เกี่ยวกับงานธุรกิจสักเท่าไหร่ ในทุกๆวันเธอมักจะนั่งอยู่ริมหน้าต่างมองออกไปข้างนอก รอว่าเขานั้นเมื่อไหร่จะเลิกงาน ทุกครั้งที่เขาเลิกงานกลับมา เธอก็จะมีท่าทีดีใจราวกับว่าโลกทั้งใบเป็นของเธอเอง
แต่ว่าตอนนี้แสงที่เคยส่องประกายในแววตาของเธอนั้นกลับมองไม่เห็นมันอีกแล้ว และถึงขั้นยอมทิ้งชีวิตอันสงบสุขที่ผ่านมาของเธอได้ลง ตกลงว่าไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เธอต้องพบเจอกับอะไรกันแน่?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
650 ตอนยังไม่จบเลยค่ะ...
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...